(ต่อ) จาก https://cities.trueid.net/post/210283 คอรัปชั่นถ้าเป็นกรณีเช่นนี้ก็คงจะถือเป็นการทุจริต เช่น คุณเข้าไปหาเจ้าพนักงานที่กำลังพิจารณาอนุมัติโครงการ แต่เหตุผลในการเข้าไปเพื่อฉลองวันเกิดบุตรของเจ้าพนักงานคนดังกล่าว ในเบื้องต้นคุณอาจจะมองว่าไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกันเลย ระหว่างการไปมอบของขวัญวันเกิดลูกของเจ้าพนักงาน กับการอนุมัติโครงการ ใช่ครับมันไม่เกี่ยว แต่มองลงไปลึก ๆ ว่า ก่อนหน้านี้คุณกับเจ้าพนักงานรู้จักกันหรือไม่? ถ้าไม่? แล้ววันนี้ทำไมคุณถึงต้องไปมอบของขวัญ เพราะเขาสามารถให้คุณให้โทษได้หรือไม่ เลยไปมอบของขวัญ แม้จะไม่ได้มอบให้เขาโดยตรง แต่เพียงไปทำดีกับคนในบ้านด้วย มันก็คาดหมายได้หรือไม่ว่า คุณน่าจะแอบแฝงอะไรบางอย่าง ถ้าโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี การมอบของขวัญให้กับลูกเจ้าหน้าที่ ย่อมไม่ฟรีเช่นกัน แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะมองว่าเป็นการให้โดยไม่มีค่าตอบแทน แต่ในทางภาษีนั้น แม้จะไม่มีค่าตอบแทน แต่ถือว่าผู้รับของขวัญมีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ทว่า ตามมาตรา 42 (28) นั้น ระบุไว้ว่า เงินได้พึงประเมิน เงินได้ที่ได้รับจากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ทั้งนี้ จากบุคคลซึ่งมิใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรสเฉพาะเงินได้ในส่วนที่ไม่เกินสิบล้านบาทตลอดปีภาษีนั้นเงินได้ที่ได้รับจากการให้ที่มิใช่คนในครอบครัวเงินได้ที่ไม่เกิน 10 ล้านบาท ตลอดปีภาษี (เฉลี่ย เดือนละ 8 แสนกว่าบาท)**เหตุในการให้ต้องเป็นไปตาม ***โอกาสแห่งขนบธรรมประเพณี อยู่ภายใต้วงเงินสิบล้านบาทตลอดทั้งปี ดังนั้นถ้าเกินกว่า 10 ล้านก็ต้องเสียภาษี ให้ฟรี จากกฎหมายภาษีจึงพอสรุปว่า การให้ฟรีนั้นไม่ได้แปลว่าคุณจะรอดจากสายตาของภาษี ถ้าจะหัวหมอเป็นการให้ย่อยแยกต่างหาก เพื่อให้รอดจากสายตาภาษีก็อาจจะได้ แต่ มีกฎหมายตัวอื่น เช่น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ที่วิเคราะห์ว่า การให้แต่ละครั้งต้องไม่เกิน 3,000 บาทอ้างอิง: http://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER1/DRAWER057/GENERAL/DATA0000/00000934.PDF ทุจริตที่มองไม่เห็น = ภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำ ฉะนั้นจึงมาสู่ข้อสรุปได้ว่า การทุจริตที่เราพอจะเห็นตัวอย่าง (ที่ไม่ดีนั้น) อาจะเป็นเพียงภูเขาน้ำแข็งที่ลอยพ้นน้ำ แต่ในขณะเดียวกัน หัวเชื้อของการทุจริต อาจยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ ทำให้การทุจริตถือเป็นปัญหาที่สั่งสมในสังคมไทยตลอดมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ผมและคณะผู้วิจัยต้องการจะค้นหาสาเหตุที่แท้จริง และเสนอมาตรการที่จะทำให้การทุจริตลดน้อยลง อย่างน้อย การเสนอมาตรการที่เป็นรูปธรรมอาจไม่สามารถช่วยให้การทุจริตหายไปจากสังคม แต่มันก็น่าจะดีกว่าไม่ทำอะไรเลย จริงไหมครับ?ปล.1. ขอบคุณน้องฟาที่ช่วยดูเนื้อความและความถูกต้องนะครับ –ไปทำวิจัยต่อ (เราทั้งคู่) ครับเดี๋ยวไม่เสร็จ / แล้วเจอกันใหม่ครับปล.2 ท้ายนี้ขอบพระคุณภาพปล.3 ขอบพระคุณคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรที่ให้โอกาสผมทำวิจัยชิ้นนี้ จากที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวลคณะผู้ช่วยวิจัย มีความเห็นในเบื้องต้นว่ากฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน สามารถแก้ปัญหาทุจริต (ภูเขาน้ำแข็งเหนือน้ำ) แต่วิธีวิธีแก้ไขการทุจริตของภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำ ขออุบไว้ก่อน รองานวิจัยเสร็จจะมาบอกนะครับ #ไม่อยากพูดมากครับเจ็บคอแอบคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าวิจัยชิ้นนี้เสร็จผมอาจจะโดนอุ้มภาพปก โดย freepik จาก freepik https://bit.ly/3kKPFH5ภาพที่ 1 โดย macrovector จาก freepik https://bit.ly/3uUkAFSภาพที่ 2 โดย pch.vector จาก freepik https://bit.ly/2OmsYwSภาพที่ 3 โดย rawpixel.com จาก freepik https://bit.ly/3qhQyIzภาพที่ 4 โดย macrovector จาก freepik https://bit.ly/30a4HN5เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !