ขอบคุณเสียงตอบรับก่อนอื่นอาจารย์ขอต้อนรับนิสิต รวมถึงผู้สนใจที่ไม่ได้เป็นผู้เรียนในรายวิชานี้ แต่อาจารย์มองว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวนิสิตและผู้สนใจดังนี้สำหรับนิสิตอาจารย์ขอชี้แจงว่า วิชานี้ ชื่อ'ปัญหาพิเศษ' นั่นแปลอยู่ในตัวเองว่า ไม่ใช่ปัญหาธรรมดา อันจะเป็นทั้งปัญหาใหม่ตามข่าว หรือ ปัญหาธรรมดาที่สุดจะพิเศษให้นิสิตต้องเป็น Active learners ไม่ใช่ passive learners หมายถึงเน้นสนทนา2.1 อาจารย์จะไม่เน้นบรรยาย แต่ต้องการให้นิสิตร่วมกันพูดคุย แสดงความเห็นมากกว่า – ไม่จำเป็นต้องเห็นตาม เห็นแย้งได้ ไม่มีผิด 100% หรือ ถูก 100% เพราะวิชานี้ มุ่งให้นิสิตหาเหตุผลอธิบายว่าทำไมถึงถูก 100% หรือ ผิด 100%ฎีกา2.2. คำว่า “มีฎีกา” อาจไม่ถือเป็นสุดในห้องเรียน แต่ยิ่งไปกว่านั้น นิสิตต้องอธิบายว่าทำไมฎีกาถึงตัดสินแบบนั้น เห็นด้วย หรือเห็นต่าง ทำไม?2.3 นิสิตต้องระลึกว่าเหล่าเรียนนิติศาสตร์ จึงต้องยึดเหตุผลมากกว่าอารมณ์ เช่น อาจารย์ถามว่า ขโมยเงิน 1 บาท กับ ทุจริต เหมือนหรือแตกต่างกันในทางกฎหมาย สิ่งที่อาจคาดหวังคือ นิสิตจะตอบว่าผิดกฎหมายเพราะอะไร? ไม่ใช่บอกว่าทุจริต ผิด ขโมยเงินแค่บาทเดียว ไม่ผิดเพราะเล็กน้อย - อารมณ์เหนือเหตุผล ไม่นะครับ3. สำหรับผู้สนใจที่ไม่ได้เข้าเรียน ผมแอบหวังลึก ๆ3.1 คุณจะสามารถแยกได้ว่าอะไรคือน้ำ อะไรคือเนื้อ อะไรคือน้ำ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่ข้อมูลสามารถเข้าถึงง่ายมากแค่ปลายนิ้ว ส่วนความเห็นก็สามารถสืบค้นได้ง่ายมาก ดังนั้น ผมแนะนำว่า การชั่งน้ำหนักความเห็นเป็นสิ่งที่คนในยุคปัจจุบันพึงมี แม้จะออกมาจากผู้มีชื่อเสียงคุณก็มีความจำเป็นต้องตรวจสอบว่าสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นมันมีเหตุผลหรือไม่?3.1.1 หากเป็นความเห็นตรงกับคุณ คุณจะไม่ตรวจสอบ3.1.2 ถ้าเป็นความเห็นที่เห็นต่างกับคุณ คุณจะตรวจสอบ***พูดถูกใจให้ผ่านให้ผ่าน พูดขัดใจแย้งเต็มที่ *** ผิดนะครับ คุณอาจมองว่า เห็นแย้งไม่ว่า ขายหน้าไม่ได้? แท้จริงแล้ว เราอยู่ท่ามกลางความแตกต่าง คุณจึงมีหน้าที่รับฟัง เข้าใจ จะเห็นด้วยหรือไม่ ขอให้คุณใช้เหตุผลไม่ใช่อารมณ์ ยกตัวอย่าง หากมีบุตรหลานเข้ามาถามคุณว่า ทำไมต้องเรียนสังคมศึกษา? คุณต้องอธิบายว่า การเรียนจะพัฒนาตัวเองให้เข้าใจว่าสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเรียนคือสิ่งที่เป็นตัวผู้ถามจะเข้าใจปรากฏการณ์ทางสังคมอย่าลึกซึ้ง รวมถึง ความเห็นจากหลาย ๆ คนมันมีทั้งเหมือนและต่าง ตัวเราเองจะยอมรับหรือไม่มันควรต้องยุติด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์4.ถ้านิสิตจะถามว่าหาตำราอ่านจากไหน? ตอบเลยว่าตำราไทยไม่มี มีแต่ตำราต่างประเทศและประสบการณ์ตรงเท่านั้น ซึ่งในแต่ละสัปดาห์อาจารย์จะสรุปสิ่งที่เรียนและอยากให้นิสิตไปสืบค้นคำตอบเองก่อน รวมถึง อธิบายสั้น ๆ ในบทความต่อไป กล่าวอย่างง่ายคือ (1) ไม่ต้องแสวงหาตำราอ่านในรายวิชานี้ เพราะ (2) ยึดจากบทความที่อาจารย์จะ (3) สรุปแต่ละสัปดาห์ (4) อธิบายพื้นกว้าง ๆ ว่าสัปดาห์จะเรียนเรื่องอะไร โดยเฉพาะเอกสารข้อที่ 4 นิสิตต้องอ่านก่อนเข้าเรียน และตรวจสอบว่าบทความที่อาจารย์เขียนนั้นถูกต้องหรือไม่ และ กรุณาขีดเส้นใต้ 500 เส้น ห้ามนำบทความของอาจารย์ไปรวมเล่มจำหน่าย หรือ อ้างอิง หรือนำไปสำเนา เพราะเปิดอ่านก็ได้สำเนาเพื่อ? ย้ำอีกทีก่อนจะลากันไปว่า แม้บทความแต่ละฉบับจะเป็นความเห็นของอาจารย์โดยเฉพาะไม่ผูกพันธ์องค์กรที่ทำงาน ผู้อ่านพึงระมัดระวังด้วยการตรวจสอบความถูกต้องจากแหล่งอ้างอิงตามหลักวิชาการและ *อย่าลืม* แจ้งกลับมายังผู้เขียน/อาจารย์ด้วยนะครับ5.จากการเรียนการสอนในวิชานี้ ภาคเรียนที่แล้วอาจารย์พบว่าบางสัปดาห์ความเข้าใจของผู้สอนเองก็ยังมีลึกพอจนกระทั่งมีนิสิตไม่เห็นด้วยและเป็นที่น่าฟัง มีเหตุผล และภูมิใจเล็ก ๆ ว่านิสิตหลาย ๆ เมื่อผ่านวิชานี้แล้ว จะมองกฎหมายในบริบททางธุรกิจที่ควรจะเป็นไม่ใช่อิงอู่กับฎีกา หรือ ตำราที่มีวางจำหน่ายเท่านั้น / สัปดาห์หน้าและต่อ ๆ ไปจะพูดเรื่องสกุลเงินดิจิทัล / เรียนเชิญครับท้ายนี้ขอบพระคุณภาพ1.ปก โดย Razvan Chisu จาก unsplash2.ที่ 1 โดย Ri_Ya จาก pixabay3.ที่ 2 โดย geralt จาก pixabay4.ที่ 3 โดย mohamed_hassan จาก pixabay5. ที่ 4 โดยผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !