หลายปีก่อนผมได้ไปที่ “ร่องเขาแห่งนครชุม” ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ที่นั่นเปิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงชุมชนที่ครบครันทั้งธรรมชาติสวยงามของเมืองที่โอบล้อมด้วยขุนเขา และเรียนรู้วัฒนธรรมการกินอยู่ของผู้คนที่นั่น ตอนพักอยู่ที่โฮมสเตย์ในชุมชนนั้นสิ่งที่ประทับใจและอย่างบอกเล่าในที่นี้ คือ “ไข่ป่าม” และ “หลามไก่” ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านที่ชาวบ้านนครชุมได้ตระเตรียมไว้สำหรับแขกผู้มาเยือน ไข่ป่าม หรือ ป่ามไข่ มีความคล้ายคลึงกับไข่เจียวมากครับ แต่ไม่ได้ใช้น้ำมันในการทำ เขานำไข่ที่ปรุงแล้วนาบกับกระทะที่มีใบตองรองไว้อีกที ซึ่งทีเด็ดคือใบตองที่โดนความร้อนนี้จะหอมกรุ่นกระตุ้นความหิวมาก หากได้ลองตักหนึ่งคำกินกับข้าวเหนียวร้อนๆ นี่อร่อยเหาะ ต่อมา คือ “หลามไก่” นับเป็นไฮไลท์ที่ชาวบ้านภูมิใจนำเสนอ เขานำเนื้อไก่บ้านมาหั่นพอดีคำ แล้วนำมาคลุกเคล้ากับส่วนผสมเครื่องสมุนไพรพื้นบ้านทั้งที่อยู่ในป่าและสวนครัว คือ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมกระเทียม ใบผักชีไทย มะขามเปียก กระชาย ถั่วฝักยาว หรือมะเขือเปราะ แล้วปรุงรสตามชอบ เมื่อเตรียมเครื่องเสร็จแล้วนำยัดใส่กระบอกไม้ไผ่ป่า จากนั้นก่อไฟเผาจนน้ำเครื่องปรุงและเนื้อไก่เดือดฟอดเข้าด้วยกัน วิธีการดูว่าไก่สุกได้ที่ คือ น้ำจะเดือดและล้นออกมาจากปากกระบอก บางคนจึงตั้งกระบอกไม้ไผ่เฉียงไว้เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจความสุก เมื่อน้ำเดือดจนล้นออกมาสักพักกลิ่นเครื่องสมุนไพรที่เคลือบไก่บ้านจะคละเคล้ากับกลิ่นเยื่อไผ่บางๆ เสริมรสชาติให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เพียงเท่านี้ก็ได้เวลายกขึ้นสำรับพร้อมรับประทาน วิธีการทำอาหารพื้นบ้านด้วยไม้ไผ่และใบตองที่สร้างรสและกลิ่นอย่างเป็นเอกลักษณ์ อย่างกรณีหลามไก่และป่ามไข่นี้ นับเป็นมรดกภูมิปัญญาอาหารของชาวนครไทยจังหวัดพิษณุโลก ชาวหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ รวมถึงชาวด่านซ้าย จังหวัดเลย ซึ่งเป็นเขตเทือกเขาเพชรบูรณ์ แสดงให้เห็นว่าทรัพยากรไผ่และใบตองในละแวกนี้มีความสมบูรณ์จนเกิดภูมิปัญญาด้านอาหารส่งต่อให้กับลูกหลานรุ่นสู่รุ่น ไม่ใช่แค่นั้น แต่การปรุงอาหารด้วยวิธีที่สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นแฟ้นนี้มีคุณค่าด้านโภชนาการ คือ ไร้น้ำมันและครบครันด้วยสมุนไพรท้องถิ่นที่มีสรรพคุณแก่ร่างกายอีกด้วย