“เก็บเรื่องมาเล่า โดยหนุ่ม สุทน” ทักทายกันวันพฤหัสที่ 1 ธันวาคม 2565 วันนี้ขอพาทุกท่านไปท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม กราบขอพร "หลวงพ่อแก้วสารพัดนึก" ณ วัดคลังทอง ริมน้ำคลองข้าวเม่า ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาวัดคลังทอง (เดิมชื่อวัดโกโรโกโส)สำหรับเรื่องราวของวัดคลังทองนั้นหนุ่ม-สุทนขอเริ่มต้นเขียนด้วยเรื่องราวประวัติความเป็นมาจากเมื่อครั้งอดีต ชาวบ้านในย่านนี้อยู่ในเขตอาณาจักรแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี มีอาชีพทำนา ทำสวนแล้วก็ร่วมกันสร้างวัดขึ้นมาชื่อ "วัดสี่โอ" เป็นวัดเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมน้ำหรือคลองหน้าวัดมีเนื้อที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าประกอบด้วยกุฏิพระสงฆ์ พระอุโบสถเล็ก ๆ ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยเรียกว่า "หลวงพ่อแก้ว" แต่เมื่ออดีตเคยเรียกว่า "หลวงพ่อดำ" เนื่องจากพุทธลักษณะขององค์พระพุทธรูปเป็นสีดำชาวบ้านจึงเรียก "หลวงพ่อดำ" ต่อมาเมื่อได้กราบบูชาขอพรแล้วได้ทุกเรื่องก็เปลี่ยนมาเรียกว่า "หลวงพ่อแก้วสารพัดนึก" ถึงปัจจุบันนี้ครับ ส่วนชื่อวัดก็มาใช้ชื่อว่า "วัดโกโรโกโส" ชื่อนี้สันนิษฐานกันเองว่ามีชาวจีนแต้จิ๋วสองพี่น้องค้าขายทางเรือผ่าน "วัดสี่โอ" แล้วเกิดศรัทธาองค์พระพุทธรูปคือ "หลวงพ่อดำ" จึงได้บูรณะซ่อมแซมโครงสร้างของวัดขึ้นมาใหม่ด้วยเหตุผลนี้จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดโกโรโกโส" ตามนามของผู้สร้างคือ "อาโกโรและอาโกโส" นั้นเองวัดคลังทอง ร่มรื่น เย็นสบายตั้งอยู่ริมน้ำครับเมื่อครั้งเสียเกาะเมืองกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2309-2310 ครั้งนั้นพระเจ้าตากสินหรือพระยาวชิรปราการหรือกาลเวลาต่อมาคือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพราะเมื่อกอบกู้เอกราชกลับคืนได้แล้วก็ได้สร้างราชธานีใหม่คือกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร เรากลับมาที่บริเวณวัดโกโรโกโส พอพระเจ้าตากสินรวบรวมผู้คนได้ประมาณ 500 ชีวิตก็ตีฝ่าวงล้อมของกองทัพพม่ามาจนถึงวัดโกโรโกโส ตามประวัติของวัดนี้กล่าวไว้ว่า พระเจ้าตากสินพักกองกำลังแล้วเข้าพระอุโบสถกราบบูชาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กอบกู้เอกราชได้สำเสร็จทุกประการก็ประสบผลสำเร็จสามารถกอบกู้เอกราชได้สมใจนึก พอชาวบ้านในย่านนี้รู้ว่ากองกำลังของพระเจ้าตากสินตั้งทัพพักผ่อนอยู่แล้วต้องเดินทางต่อไปภาคตะวันออก จึงได้รวบรวมข้าวเม่ามอบให้เป็นเสบียงระหว่างเส้นทาง ส่วนหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามช่วยกันทำธนูเป็นอาวุธสู้กับข้าศึก ดังนั้นพระเจ้าตากสินเห็นความสำคัญที่ชาวบ้านช่วยเรื่องเสบียงและอาวุธจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นมาเป็น "วัดคลังทอง" ส่วนคลองหน้าวัดให้เรียกชื่อ "คลองข้าวเม่า" นี่เองที่มาของชื่อ "วัดคลังทองและชื่อคลองข้าวเม่า"คลองข้าวเม่าเมื่อเดินทางมาถึง "วัดคลังทอง" จอดรถได้ที่ด้านนอกวัดเนื่องจากเป็นวัดเล็ก ๆ ครับ แล้วเดินเข้ามาภายในวัดแล้วก็ได้กราบบูชาองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คือ "หลวงพ่อดำ" หรือ "หลวงพ่อแก้วสารพัดนึก" ประดิษฐานในวิหารเล็ก ๆ ล้อมรอบด้วยซากอิฐของพระอุโบสถ ที่กองกำลังทหารพม่าเข้ามาเผ่าเสียหายหมดเมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ 2 ต่อมามีพระภิกษุสามเณรและชาวบ้านในคลองข้าวเม่าช่วยกันบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ก็กลับมาเป็น "วัดคลังทอง" ที่สวยงามเช่นเดิมครั้งกราบขอพร "หลวงพ่อแก้วสาพัดนึก" ขอพรได้ทุกเรื่องตามที่ต้องการเลยครับนอกจากนี้ทางวัดได้ร่วมกันจัดสร้าง "พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ประดิษฐานริมน้ำคลองข้าวเม่าไปกราบขอพรกันได้ครับ ผมไปเดินเล่นตรงจุดนี้อยู่ริมน้ำ ลมพัดเย็นสบาย อากาศดีครับ แถมเป็นวัดที่เงียบสงบมาก ๆ ด้วยครับ ใครผ่านไปทางแถบนี้ต้องอย่าลืมแวะมากราบสักการะกันนะครับ เดินเล่น เดินชิลกันได้ครับ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชหนุ่ม-สุทนได้พูดคุยกันกับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลวัดคลังทองได้ให้ข้อมูลเรื่องราวต่าง ๆ น่าประทับใจมาก ๆ ครับ บริเวณโดยรอบวัดร่มเย็น อากาศเย็นสบายมากเพราะติดริมน้ำคลองข้าวเม่าเดินเล่น เดินเพลิน ๆ ได้ครับ เนื่องจากวัดมีขนาดเล็กจึงไม่ค่อยมีสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น แต่หากท่านผู้อ่านมาแล้วได้กราบขอพร "องค์หลวงพ่อแก้วสารพัดนึก" ก็เพียงพอและเป็นมงคลชีวิตครับอธิฐานจิตขอได้ทุกเรื่อง ขอให้ทุกท่านได้สมหวังสมปรารถนาดั่งใจคิดในทุกสิ่งครับมากราบขอพรกันได้ไปกราบขอพรกันครับ "หลวงพ่อดำ หรือ หลวงพ่อแก้วสารพัดนึก"น่าไปเที่ยวครับ "วัดคลังทอง" ได้กราบขอพรองค์พระพุทธรูป "หลวงพ่อดำหรือหลวงพ่อแก้วสารพัดนึก" ขอให้สมหวังดั่งได้แก้วสารพัดนึกจริง ๆ กันทุกคนทุกท่านครับ "กินเที่ยวทั่วไทย เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ถ้าอยากรู้ต้องออกเดินทางไป...กับ...ผมหนุ่ม-สุทน” แล้วฝากติดตามฟังรายการ "กินเที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์" ทางคลื่นข่าว fm 100.5 mhz ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน วัฒนธรรมและอาหารถิ่นของชุมชนได้ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. ขอบคุณและสวัสดีครับเงียบสงบ ร่มเย็น ร่มรืนครับ "วัดคลังทอง ริมคลองข้าวเม่า"พิกัด "วัดคลังทอง" https://goo.gl/maps/1o7m1tHvKHgeoLi7Aเรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์แฟนเพจเฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/#ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. #เที่ยวเพลิน #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #เที่ยวใกล้เที่ยวง่ายสไตล์ภาคกลาง 🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “ท่องเที่ยว”