สำหรับใครที่ชมซีรี่ย์ดัง "ศรีอโยธยา ภาค ๒" จะเห็นได้ว่าภายในเรื่องนั้นส่วนใหญ่ จะเป็นส่วนฉากของพระบรมมหาราชวังในกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในซีรี่ย์สวยงามน่าดู วันนี้ เราเลยจะมาตามรอยสถานที่ประวัติศาสตร์สถานที่จริงกันของ วัดพระศรีสรรเพชญ์ และพระบรมมหาราชวังกรุงศรีอยุธยา ว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร เมื่อเรามาถึงเราจะมีค่าเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ 20 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเข้ามาจะพบกับวัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นจุดแรก ถ้าเปรียบกับวัดพระศรีสรรเพชญ์กับในปัจจุบันก็คือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในกรุงเทพมหานครนั่นเอง ลักษณะของวัดนั้นจะมี 3 พระเจดีย์ใหญ่อยู่ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา 3 พระองค์ 1. องค์ทางซ้าย (ทิศตะวันตก) นับจากทางเข้ามา ประดิษฐานพระบรมอัฐิ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 2. องค์กลาง ประดิษฐานพระบรมอัฐิ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 3. องค์ขวา (ทิศตะวันออก) นับจากทางเข้ามา ประดิษฐานพระบรมอัฐิ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยสร้างขึ้นตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ต้นกรุงศรีอยุธยา โดยอยู่มาตลอด 417 ปี จนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ให้กับพม่า ออกมาจากส่วนของวัดพระศรีสรรเพชญ์ทางด้านหลังแล้ว จะเป็นประตูรั้วเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง กรุงศรีอยุธยา อย่างแท้จริง โดยเข้ามาส่วนเขตพระราชฐานชั้นใน จะพบฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ซึ่งนั่นคือ พระที่นั่งวิหารสมเด็จ และถัดมาก็จะเป็นฐานใหญ่อีกฐาน ซึ่งนั่นคือ พระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท เป็นพระที่นั่งองค์ประธาน สมัยก่อนใช้สำหรับในการออกว่าราชการ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ในกรุงเก่า ในซีรี่ย์เรื่องศรีอโยธยา ทั้งภาค 1 และ ภาค 2 ในฉากออกว่าราชการและพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ก็ล้วนเป็นฉากที่จำลองมาจาก พระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท แห่งนี้ ข้างๆกัน จะมีองค์พระที่นั่งที่ดูลักษณะเป็นแบบใหม่ ซึ่งนั่นคือ พระที่นั่งตรีมุข รากฐานเดิมสร้างขึ้นในรัชสมัย พระเจ้าอู่ทอง ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แต่มีการสร้างและบูรณะขึ้นมาใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 กรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อใช้สำหรับในการบวงสรวงอดีตบูรพมหากษัตริยาธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยา จนถึงรัชสมัยของรัชกาลที่ 9 ก็เคยใช้พลับพลาแห่งนี้เช่นเดียวกัน สำหรับวัดพระศรีสรรเพชญ์และพระบรมมหาราชวังกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ในเกาะเมือง อำเภอพระนครศรีอยุธยา นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมและเดินศึกษาร่องรอยกรุงเก่ากันได้ เปิดทุกวัน เวลา 07.30 - 18.30 น. เดินทางด้วยรถตุ๊กตุ๊กปากกบ หรือเรียก Grab ปั่นจักรยานก็ได้ หรือขับรถส่วนตัวมาจอดที่วิหารมงคลบพิตรได้เช่นเดียวกัน