(ภาพโมเดลจำลองพระที่นั่งสุริยามรินทร์ จัดแสดงที่ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ถ่ายภาพและแต่งสีโดย ส.อ.อัศวนนท์ กุลฉวะ เจ้าของบทความ) สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้ว กระผม ส.อ.อัสวนนท์ กุลฉวะ แอดมินเพจประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา วันนี้กระผมก็จะมาเสนอบทความเกี่ยวกับพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ที่พระราชวังหลวงกรุงเก่าอยุธยา โดยอาศัยหลักฐานอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลดังต่อไปนี้ หนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) หนังสือคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม หนังสือคำให้การขุนหลวงหาวัด หนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า และ หนังสือจดหมายเหตุระวางทูตลังกาและสยามครั้งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งขอยืนยัน ณ ตรงนี้ ว่าภาพทั้งหมดที่ปรากฎในบทความนี้เป็นของผมทั้งหมด ส่วนบทความมีทั้งการวิเคราะห์ส่วนตัวของเจ้าของบทความเองและเรียบเรียงมาจากหลักฐานที่ยกมาข้างต้นนั้นแล้ว หาได้คัดลอกบทความมาจากเว็บหรือเพจอื่นใดไม่ ซึ่งบางคำอาจเป็นศัพท์โบราณ สะกดตามต้นฉบับเดิมแตกต่างจากการสะกดในปัจจุบัน พระที่นั่งสุริยามรินทรมหาปราสาท นั้นเป็นพระที่นั่งในเขตพระราชฐานแห่งพระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเทียบจากหลักฐานหลักๆอย่างหนังสือคำให้การขุนหลวงหาวัด และ คำให้การชาวกรุงเก่าได้กล่าวไว้ตรงกันว่า "ครั้นต่อมา พระเจ้าปราสาททองให้สร้างพระที่นั่งขึ้นใหม่อีก ๓ องค์ พระราชทานนามว่า สุริยาศน์อมรินทร์ องค์ ๑ วิชัย (จักรวัติไพชยนต์) องค์ ๑ ไอสวรรย์ทิพอาศน์ที่บางปะอินองค์ ๑ แล้วให้สร้างพระราชมณเฑียรแลพระคลังขึ้นอีกเป็นอันมาก ให้สร้างพระอารามขึ้นอีก ๒ พระอาราม พระราชทานนามว่า ทยามะ ไชยวัฒนารามอาราม ๑ ราชทุลาราราม อาราม ๑ ให้จำหน่ายเครื่องแต่งพระองค์ต่างๆ ตั้งแต่ครั้งเมื่อยังไม่ได้ราชสมบัติ เอาทรัพย์ที่ได้มานั้นสร้างพระเจดีย์องค์ ๑ แผ่ทองคำหุ้มทั้งองค์ เวลาปวารณาพรรษาแล้วเสด็จพระราชทานพระกฐินตามพระอารามทั้งปวงเป็นนิจ แล้วให้หล่อพระรูปพระเจ้าแผ่นดินเก่า ๆ จาฤก( อ่านออกเสียงจารึก สะกดตามรูปแบบอักขระโบราณ ตามต้นฉบับ)ประวัติไว้ให้ปรากฎพระเกียรติยศทุกพระองค์" ซึ่งหากพระที่นั่งสุริยามรินทร์ เป็นพระที่นั่งรุ่นเดียวกับพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์ จริงดังบันทึกคำให้การได้ให้รายละเอียดไว้ เทียบเคียงกับพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ก็จะทราบช่วงปีที่สร้างพระที่นั่งสุริยามรินทร์นี้ได้ ความจากพระราชพงศาวดารฯ "ศักราช ๙๙๔ ปีวอกศก (พ.ศ ๒๑๗๕ ) ทรงพระกรุณา สร้างพระมหาปราสาทองค์หนึ่ง ๑๑ เดือนเสร็จ ให้นามว่าศิริยโสธรมหาพิมานบรรจง ในกลางคืน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสุบินนิมิตร ว่าสมเด็จอมรินทราธิราช เสด็จลงมานั่งแทบพระองค์ไสยาศน์ตรัสบอกว่าให้ตั้งจักรพยุหะ แล้วสมเด็จอมรินทราธิราชหายไป เพลาเช้าเสด็จออกขุนนางเข้าเฝ้า ทรงพระกรุณาตรัสเล่าสุบินให้โหราพฤฒาจารย์ทั้งปวงฟัง พระมหาราชครูปโรหิตโหราพฤฒาจารย์ ถวายพยากรณ์ทำนายว่า เพลาวานนี้พระกรุณาให้ชื่อพระมหาปราสาทว่า ศิริยโสธรมหาพิมานบรรจง นั้นเห็นไม่ต้องนาม สมเด็จอมรินทราธิราชซึ่งลงมาบอกให้ตั้งจักรพยุหะ อันจักรพยุหะนี้เป็นที่ ตั้งใหญ่ในมหาพิชัยสงคราม อาจข่มเสียได้ซึ่งปัจจามิตรทั้งหลาย ขอพระราชทานเอานามจักรอันนี้ ให้ชื่อพระมหาปราสาทว่า จักรวรรดิไพชยนมหาปราสาท ตามลักษณะเทพสังหรณ์ให้พระสุบินนิมิตรอันประเสริฐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสได้ทรงฟัง ก็มีพระทัยปรีดายิ่งนัก จึงให้แปลงชื่อพระมหาปราสาทตามคำพระมหาราชครูทั้งปวง" จากข้อความในพระราชศาวดารสรุปได้ว่า พระที่นั่งสุริยาศน์อมริรทร์ปราสาท เป็นพระมหาปราสาท ที่ทรงก่อสร้างรุ่นเดียวกันกับพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์ที่เขตพระราชฐานชั้นนอก พระราชวังหลวง กับ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ที่บางปะอิน ซึ่งปีสร้างนั้นคือ ปีวอก จุลศักราช ๙๙๔ หรือ พ.ศ.๒๑๗๕ นั้นเอง ลักษณะเฉพาะ ของพระที่นั่งสุริยามรินทร์ ตามหลักฐานพรรณนาภูมิสถานกรุงเก่า ฉบับหอหลวง พระที่นั่งสุริยามรินทรมหาปราสาทยอดมณฑปนั้น อยู่ในกำแพงพระราชฐานชั้นต้นทิศเหนือริมน้ำมีมุขโถงออกไป ข้างทิศเหนือเป็นพระที่นั่งเย็นองค์ ๑ มีบุษบกแว่นฟ้าตั้งในมุขโถง ริมชานชาลามหาปราสาทสุริยามรินทรนั้น มีพระตำหนักใหญ่ห้าห้อง [เรียงกันมา] ฝากระดานหลังเจียด (เจียดคำนี้น่าจะแปลว่า จิตร ซึ่งแปลว่าเขียน) พื้นฝาทาแดงเขียนลายทองทรงข้าวบินฑ์เทพนมพรหมภักตร เป็นพระตำหนักฝ่ายในหลัง ๑ แล้วมีพระตำหนักใหญ่ห้าห้องฝาทาแดงเปล่าเรียงต่อกันมาเป็นพระตำหนักสำหรับประทมเพลิงอยู่ริมประตูต้นส้มโอหลัง ๑ อยู่ฝ่ายใน แลฝ่ายทิศใต้พระที่นั่งสุริยามรินทรมหาปราสาทนั้น มีพระตำหนักตึกหลังน้อย ไว้พระรูปสมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า กับเครื่องพระแสงต้นด้วย ฝาปิดทองหลังคามีฉ้อฟ้าหางหงษ์(สะกดตามไวยกรณ์โบราณต้นฉบับ ซึ่งใช้ ษ์ ก่อนจะมีการเปลี่ยนมาใช้ ส์) มีเกยอยู่น่ามุขพระตำหนักนั้น ซึงอีกหลักฐานคือประชุมพงศาวดารภาคที่ ๖๓ เป็นคำวินิจฉัยของพระยาโบราณฯ ท่านได้กล่าวถึงลักษณะของพระที่นั่งสุริยามรินทร นี้ว่า พระที่นั่งสุริยามรินทร์ เป็นปราสาทจัตุรมุขก่อด้วยแลงสลับอิฐ อยู่ใกล้กําแพงด้านเหนือริมนํ้า เป็นพระที่นั่งพื้นสูงกว่าองค์อื่น ๆ เดี๋ยวนี้มีผนังตรงรักแร้ด้านเหนือเป็นที่สูงอยู่ตอนหนึ่ง บนนั้นมีรูรอด เมื่อปลูกสร้างสถานที่ต่าง ๆ ในพระราชวังครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบําเพ็ญพระราชกุศลในงานรัชมงคลเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๐ ผู้ตรวจสอบหนังสือเรื่องนี้ ได้เป็นแม่กองปลูกปราสาทเครื่องไม้ลงบนฐานพระที่นั่งสรรเพ็ชญ์ปราสาท ทําตามรูปทรวดทรงเดิม กับทําป้อมกําแพงซุ้มประตูพระนคร และป้อมกําแพงซุ้มประตูพระราชวังเท่าขนาดและตามรูปลวดลายที่สอบสวนได้ เมื่อทํากําแพงแล้วได้ขึ้นไปอยู่ในที่สูงเสมอหลังรูรอด ก็แลข้ามกําแพงไปเห็นเรือในแม่น้ำได้ เห็นจะเป็นมุขนี้เองที่เรียกว่าพระที่นั่งเย็น สมกับจดหมายเหตุ เรื่องคณะพระสงฆ์สยามครั้งพระวิสุทธาจารย์ไปลังกามีความว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เสด็จทอดพระเนตรกระบวนแห่พระสงฆ์บนพระที่นั่งสุริยามรินทร การใช้งานหลักทั้งงานพระราชพิธีมงคล และอวมงคล และเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ณ พระที่นั่งสุริยามรินทร์- เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ฯเสด็จสวรรคตที่ลพบุรี ได้อัญเชิญพระบรมศพลงมาเป็นกระบวนเรือมาจากลพบุรี อัญเชิญพระบรมโกศขึ้นประดิษฐานที่พระที่นั่งสุริยามรินทร์ ณ พระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา- ปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเสือ ทรงเสด็จมาประทับ ณ พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์จนสวรรคต ณ พระที่นั่งหลังนี้ และใช้ตั้งพระบรมโกศในคราเดียวกัน- ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการณ์พิธีบายศรีเจ้าฟ้าอุทุมพร ณ พระที่นั่งสุริยามรินทร์ เนื่องในพิธีโสกันต์เจ้าฟ้า- ศักราช ๑๐๙๗ สัปตศก (พ.ศ. ๒๒๗๘ ) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สั่งให้ปรุงเครื่องบนพระที่นั่งสุริยารินทร์ขึ้นใหม่ ทำ ๘ เดือนจึงแล้ว ทรงพระกรุณาสั่งให้ปิดทองด้วย- ในต้นรัชกาลสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ เกิดศึกพม่าติดพัน ต้องปืนใหญ่พม่าโดนเครื่องบนยอดถล่มลงมา พอเสร็จศึกสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ทรงแต่งตั้งให้กรมหมื่นพิทักษ์ภูเบศร (พระองค์เจ้าอาทิตย์) เป็นแม่กองบูรณะพระที่นั่งสุริยามรินทร์หลังนี้ในส่วนที่เสียหายจากสงคราม พระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ หลังเสียกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.๒๓๑๐- โดนข้าศึกเผาทำลายเสียหาย- มีการมารื้ออิฐกรุงเก่า ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ทำให้พระที่นั่งในวังโบราณพระนครศรีอยุธยา สูญหายไปเสียส่วนใหญ่(คงเหลือแต่ฐานอาคาร)(สภาพพระที่นั่งสุริยามรินทรมหาปราสาท ในปัจจุบัน ถ่ายภาพโดย ส.อ.อัศวนนท์ กุลฉวะ เจ้าของบทความ) ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ กรุงเก่า กับ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท- สิ่งที่พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์บันทึกไว้เพียงว่า ตอนสร้างพระที่นั่งดุสิตว่า สร้างสูงใหญ่เท่าพระที่นั่งสุริยามรินทร์ที่กรุงเก่าเหมือนแค่ความสูงความใหญ่นอกนั้นแตกต่างกันทั้งหมดครับ เช่น๑. พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เป็นพระมหาปราสาทชั้นเดียวยกพื้นสูงยอดมณฑปยอดเดียว ส่วนพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ กรุงเก่าเป็นพระมหาปราสาท ๒ ชั้น ยอดเป็น ยอดมณฑป ๕ ยอด จึงแตกต่างกันสิ้นเชิง จะไปเหมาว่าเหมือนกันเป๊ะเลยคงไม่ควรครับ (สภาพพระที่นั่งสุริยามรินทรมหาปราสาท ในปัจจุบัน ถ่ายภาพโดย ส.อ.อัศวนนท์ กุลฉวะ เจ้าของบทความ) (สภาพพระที่นั่งสุริยามรินทรมหาปราสาท ในปัจจุบัน ถ่ายโดย ส.อ.อัศวนนท์ กุลฉวะ เจ้าของบทความ) - พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) - หนังสือคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม - หนังสือคำให้การขุนหลวงหาวัด - หนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า - ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๖๓ (เรื่องกรุงเก่า)และ หนังสือจดหมายเหตุระวางทูตลังกาและสยามครั้งกรุงศรีอยุธยา