เป็นที่ทราบกันดีว่าจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนรามคำแหง สมัยสุโขทัยมีความสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ไทยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยถือหลักว่านั่นคือหลักไทยที่ชัดเจน การลงหลักปักหมุดสำแดงความเป็นไทย และจารึกสุโขทัยอีกหลาย ๆ หลักที่ถูกกล่าวถึง และทำให้ภาพพจน์ของสุโขทัยคือบ้านเมืองที่มีจารึกแต่เพียงที่เดียว โดยทำให้เรามองข้าม หรือ ลืมมองไปว่า สมัยอยุธยานั้น มีจารึกหรือไม่ เพราะทุกครั้งที่เรากล่าวถึงประวัติศาสตร์อยุธยา เรามักจะอิงกับพระราชพงศาวดารกันแทบทั้งสิ้น หรือไม่ก็เอกสารต่างชาติ โดยเราไม่มีความคิดเรื่องที่จะนำจารึกมาอ้างอิงกันเลย หรือแม้แต่จะฉุกคิดว่า สมัยอยุธยามีจารึกไหม แล้วมีความสำคัญต่อการศึกษาอย่างไร ดังนั้นบทความนี้ จะเป็นบทความที่กล่าวถึงภาพรวมให้ทุกท่านได้รับทราบว่า สมัยอยุธยามีจารึกไหม และมีความสำคัญอย่างไร เชิญติดตามรับชมกันได้เลยครับ สมัยอยุธยาเป็นสมัยที่ยาวนานร่วม 417 ปี เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อมีคำถามว่ามีจารึกไหม....น้อยคนนักที่จะตอบได้ หรือไม่ก็ตอบว่า ไม่มี แต่หลังจากได้อ่านบทความนี้ ให้ถือว่าเป็นการช่วยเผยแพร่ให้ทราบกันนะครับ ว่า"สมัยกรุงศรีอยุธยามีจารึกเช่นเดียวกับสุโขทัย''แล้วจารึกอยุธยาต่างกับจารึกสุโขทัยไหม หรือมีความสำคัญต่อการศึกษาอย่างไร ?ต้องบอกครับว่าจารึกของสมัยอยุธยานั้น นิยมจารึกขึ้นเพื่ออุทิศแด่พุทธศาสนาเป็นหลัก จะปรากฏว่าจารึกของอยุธยาจะอยู่ในกรุพระปรางค์ประธานของวัดเป็นหลัก ๆ และมีลักษณะเป็นจารึกที่ไม่ใช่แค่ ศิลาก้อนใหญ่ ๆ แบบทางสุโขทัย แต่จะเป็นจารึกลานเงิน จารึกลานทอง ต่าง ๆ เหล่านี้ แต่แบบศิลาจารึกที่เป็นหินทรายก็มีเช่นกันนะครับ แต่ให้เข้าใจว่า จารึกหลัก ๆ สมัยอยุธยา ส่วนมากมักจารึกขึ้นเพื่ออุทิศให้ศาสนา แต่ก็มีทั้งที่เป็นจารึกที่เป็นการกล่าวถึงเรื่องราวบางเหตุการณ์เช่นกัน เช่น จารึกขุนศรีไชยราชมงคลเทพ ที่กล่าวถึงการยกทัพไปตีเมืองพิมายและพนมรุ้ง ตลอดจนการไปตีเมืองนครหลวง สมัยสมเด็จเจ้าสามพระยา ดังที่บทความก่อนหน้านี้ที่ผมได้เขียนนำเสนอไป วัดราชบูรณะ สมัยเจ้าสามพระยา ต้นอยุธยา พบจารึกในกรุพระปรางค์ส่วนความสำคัญต่อการนำมาศึกษานั้น นับได้ว่ามีความสำคัญอย่างมากครับ เพราะ จารึกเป็นหลักฐานชั้นปฐมภูมิที่อยู่ร่วมสมัยกับเหตุการณ์นั้น ๆ แม้ว่าจารึกสมัยอยุธยาจะกล่าวถึงการอุทิศแด่ศาสนามากก็จริง แต่ก็มีความสำคัญมาก เพราะ สะท้อนความเชื่อของชาวอยุธยาว่า สมัยอยุธยาชาวบ้านหรือผู้สูงศักดิ์มักสร้างพระพิมพ์หรือจารึกกล่าวถึงการสร้าง กัลปนาที่ดิน ยกที่ดิน ถวายข้าทาสให้พระสงฆ์หรือศาสนสถาน เพื่อให้รับใช้กันไป และมักลงท้ายในจารึก ว่า ''ขอให้ได้เกิดทันยุคพระศรีอารียไมตรี'' นี่สะท้อนถึงลักษณะการทำบุญเพื่อให้ทันไปเกิดในชาติหน้าให้ได้ร่วมกับพระศรีอารียไมตรี เหล่านี้เป็นต้น วัดมหาธาตุ อยุธยา หนึ่งในวัดที่พบจารึกในพระปรางค์ เป็นจารึกในช่วงต้นอยุธยา หรือจารึกที่เป็นการกล่าวถึงเรื่องราวอย่างจารึกขุนศรีไชยราชมงคลเทพ ก็เป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่า มีการยกทักไปตีเขมรสมัยนครหลวงอย่างแท้จริง ตรงกับพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ เมื่อหลักฐานที่น่าเชื่อถืออย่างพงศาวดารกล่าวตรงกับจารึกเช่นนี้ ก็เป็นการไขความสงสัยว่าจริงหรือไม่จริงไปโดยปริยาย หรืออย่างจารึกกฏหมายลักษณะโจรที่พบที่สุโขทัย ก็สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่า ในสมัยนั้น หรือราวพุทธศตวรรษที่ 20 อยุธยาในสมัยเจ้าสามพระยา เข้าไปมีอำนาจในสุโขทัยอย่างแน่นอนแล้ว เพราะเนื่องจากเนื้อความกฏหมายในจารึกนั้น ค่อนข้างตรงกับกฏหมายสมัยพระเจ้าอู่ทองที่ตราขึ้นในช่วงสถาปนาอยุธยา วัดไชยวัฒนาราม สมัยพระเจ้าปราสาททอง ศิลปะอยุธยาตอนปลาย เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีการพบจารึกเช่นกัน จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นการสรุปรวมเพื่อให้ทุกท่านได้ทราบว่า สมัยอยุธยาก็มีจารึกเช่นเดียวกับสุโขทัย และมีหลายแบบด้วย ไม่ว่าจะเป็นจารึกลานทอง ลานเงิน จารึกแผ่นดีบุก และศิลาจารึกที่เป็นหินทราย แต่ลักษณะของจารึกสมัยอยุธยาส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงการทำบุญในทางพุทธศาสนา มากกว่าการกล่าวถึงเรื่องราวเหตุการณ์แบบสุโขทัย แต่ก็ไม่ใช่ว่าสมัยอยุธยาจะไม่มีจารึกหลักใดที่กล่าวถึงเรื่องราวร่วมสมัยเลย แต่ความสำคัญของจารึกอยุธยานั้นก็ไม่ได้น้อยไปกว่าสุโขทัยเลย หากนำจารึกอยุธยามาจับต้องกับหลักฐานเช่นพระราชพงศาวดารแล้วนำมาวิเคราะห์ตีความ ในบางทีก็อาจจะไขข้อปริศนาที่เป็นข้อสงสัยมานมนานได้ แต่แค่ในช่วงที่ผ่านมานั้น จารึกอยุธยาถูกละเลยอย่างมาก และจารึกกลายเป็นเรื่องของอาณาจักรสุโขทัยไปแบบไม่ได้ตั้งใจ เครดิตภาพหน้าปก https://unsplash.com/photos/jQvGQs6Z_Rcภาพประกอบที่ 1 https://unsplash.com/photos/0H4xugLX_G8ภาพประกอบที่ 2 https://unsplash.com/photos/VAz5eDPJDF4ภาพประกอบที่ 3https://unsplash.com/photos/sQiYalV4i7E