วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เราจะพาเพื่อน ๆ ย้อนรอยชมประวัติศาสตร์อยุธยา เมืองเก่ามรดกโลกของไทย ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลยค่ะเริ่มต้นทริปโดยนั่งรถไฟจากสถานีบางซื่อมาลงที่สถานีอยุธยา ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเป๊ะ ตั๋วราคา 14 บาทมาถึงที่สถานีก็จะครึกครื้นหน่อยเพราะชาวต่างชาติมาเที่ยวที่นี่เยอะมาก เรานั่งวินจากสถานีรถไฟอยุธยาราคา 40 บาท มาลงที่ Grandparent's Home เป็นโรงแรมที่เราจองผ่านแอพออนไลน์ ราคาคืนละ 500 บาท หน้าโรงแรมจะมีร้านอาหารชื่อ Walk In Cafe ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกัน ห้องพักก็จะออกแนวน่ารัก ๆ พักได้ 2 คน มีเครื่องปรับอากาศและทีวี คุณยายเจ้าของที่พักแนะนำที่เที่ยวให้เราเยอะมาก และให้แผนที่ท่องเที่ยวมาด้วย เราชอบที่อยุธยาเพราะบนถนนจะมีพื้นที่สำหรับคนปั่นจักรยานเขียนไว้อย่างชัดเจน และมีนักท่องเที่ยวปั่นจักรยานกันเยอะมาก เราเช่าจักรยานจากที่พัก ค่าเช่าวันละ 50 บาท ใครกลัวร้อนจะเช่ารถมอเตอร์ไซค์ก็ได้ค่ะ ราคาวันละ 300 บาท ว่าแล้วก็เริ่มปั่นกันเลยค่ะ ปั่นต่อ ไม่รอแล้วน้าา!! จุดเช็คอินแรกที่เรามาคือ วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่ใกล้ที่พักไม่ถึง 1 กิโลเมตร จริงๆเดินมาก็ได้นะ แต่ปั่นจักรยานจะดีกว่า555 ซื้อตั๋วค่าเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์คนละ 10 บาทเท่านั้น ใครอยากเช่าชุดไทยเดินชมก็ได้ละ แต่อากาศร้อนมาก ผิวอาจไหม้ได้ เข้ามาในวัดแล้วเหมือนได้ย้อนยุคมาในสมัยอโยธยา เป็นแม่หญิงการะเกดที่กำลังรอพี่หมื่น มาฟังสาระกันบ้างดีกว่าค่ะ วัดมหาธาตุเป็นวัดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนคร และเป็นที่พำนักของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสีอีกด้วย วัดแห่งนี้จึงได้รับการก่อสร้างและดูแลตลอดเวลาจวบจนถูกทำลายและถูกทิ้งร้างลงหลังเสียกรุงครั้งที่ 2 นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุแล้ว ยังเป็นวัดศูนย์กลางเมืองและเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีต่าง ๆ ของกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย อันซีนของที่นี่คือเศียรพระพุทธรูปหินทรายสมัยอยุธยาในรากต้นโพใกล้วิหารรายของวัดมหาธาตุ วัดนี้เป็นสถานที่ที่มีผู้มาเยี่ยมชมและถ่ายรูปมากที่สุดแห่งหนึ่ง อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาซึ่งได้รับการพิจารณาให้แหล่งมรดกโลกจากยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ. 2534 หลังจากเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์กันเรียบร้อยแล้ว เราก็มาไหว้พระกันที่วิหารพระมงคลบพิตร ที่นี่เป็นวิหารเก่าแก่ในเขตกำแพงเมืองที่ได้รับการบูรณะเป็นอย่างดี ภายในวิหารมีพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปขนาดใหญ่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์องค์เดียวในประเทศไทย ที่ได้รับความเสียหายตั้งแต่เสียกรุงครั้งที่สอง แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมด ด้วยทองสำริดตามภาพปัจจุบัน ภายในวิหารจะมีพระพุทธรูปสมัยกรุงศรีอยุธยาจัดแสดงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมเราปั่นจักรยานต่อไปเรื่อย ๆ จนมาเจอเจดีย์กลางวงเวียนที่มีชื่อว่า เจดีย์วัดสามปลื้ม มีความสวยงาม และเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของจังหวัดอยุธยา ใกล้ค่ำแล้ว เราปั่นจักรยานผ่านสะพานปรีดี-ธำรง สะพานประวัติศาสตร์ของอยุธยา บรรยากาศดีมาก ที่ตั้งชื่อสะพานว่า ปรีดี-ธำรงเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ชาวเมืองกรุงเก่า 2 ท่านที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศ คือ นายปรีดี พนมยงค์ และพลเรือตรีหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ จะชมวิวนานกว่านี้คงไม่ได้แล้ว เพราะต้องรีบปั่นจักรยานกลับที่พัก วันนี้ทั้งวันน่าจะปั่นไปประมาณ 20 กิโล โอ้โห เยอะเหมือนกันนะเนี่ย เริ่มต้นเช้าวันที่ 2 ของทริปนี้ รับแสงแดดอ่อนๆยามเช้า ลงไปกินมื้อเช้าที่ร้าน Walk In Cafe กันเถอะ คาเฟ่นี้อยู่ด้านหน้าที่พักเราเอง เป็นคาเฟ่สไตล์น่ารัก เหมาะแก่การถ่ายรูป ตอนเช้า ๆ แสงสวยมาก บรรยากาศตอนเช้า ๆ ภายในร้าน ร้านเปิด 11:00–20:00 เป็นร้านเล็ก ๆ โล่ง บรรยากาศภายในร้านโปร่ง ตกแต่งเป็นโทนสีขาว มีเมนูอาหารหลากหลายทั้งอาหารเช้า อาหารจานเดียว และของหวานเราเริ่มมื้อเช้าเบา ๆ กับขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอก และโกโก้ร้อน ต่อด้วยข้าวต้มกุ้ง เนื้อกุ้งเน้น ๆ เราว่าเริ่มไม่เบาแล้วนะ555 พนักงานที่นี่น่ารักและบริการดีมากค่ะ ถึงเวลากลับกทม.แล้ว คนเยอะมาก เราขอลาทุกคนไปก่อน เพราะต้องรีบไปจองที่นั่งบนรถไฟต่อ555 บ๊ายบาย เจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ ภาพโดยนักเขียน