อื่นๆ

กระท่อมปลายนา

12.8k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
กระท่อมปลายนา

             การทำนาเป็นวิถีชีวิตของคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณนานมา  ครอบครัวของจ้อยก็ทำนานมาตั้งแต่สมัยปู่ย่า ตัวจ้อยเองก็ทำนาเป็นตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้เริ่มเข้าวัยรุ่นแล้วแต่ก็ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะครอบครัวมีฐานะยากจน ทำให้จ้อยต้องช่วยพ่อแม่ทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว บ้านของจ้อยมีที่นาเพียงสิบกว่าไร ระยะหลังผลผลิตหลังเก็บเกี่ยวไม่ค่อยดีนัก ทำให้ครอบครัวของจ้อยมีหนี้สินเพิ่มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามจ้อยก็ยังขยันขันแข็งทำงานหาเงิน ทั้งช่วยพ่อแม่ทำนาบ้าง รับจ้างทั่วไปบ้าง ก็พอทำให้พอมีเงินซื้อข้าวกินไปวันๆ 

         วันหนึ่งได้มีคนมาว่าจ้างให้จ้อยไปนอนเฝ้าเครื่องสูบน้ำเข้านา ที่อยู่บ้านข้างๆ จ้อยจึงรีบรับปากเพราะต้องการเงินค่าจ้าง เมื่อจ้อยเดินทางมาถึงนาของลุงดำผู้ว่าจ้างฟ้าก็เริ่มมืด ลุงดำให้จ้อยนั่งเฝ้าอยู่ที่กระท่อมปลายนาที่สร้างไว้สำหรับเฝ้านาโดยเฉาะ จ้อยจึงรีบจัดแจงก่อกองไฟไล่ยุงเพื่อเอาไว้ให้ความอบอุ่น และไล่ลุงในทันที การเฝ้านาก็ไม่ได้มีอะไรมาก แค่เฝ้าเครื่องสูบน้ำไว้ไม่ให้ใครกล้าเข้ามาขโมยเท่านั้นเอง   ระหว่างที่จ้อยนั่งเล่นอยู่หน้ากระท่อมนั้น มองถัดไปอีกสามสี่คันนา ก็เห็นกระท่อมอีกหลังหนึ่งอยู่ที่ท้ายทุ่งเหมือนมีเงาคนนั่งอยู่หน้ากระท่อมเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะก็เป็นเรื่องปกติของช่วงที่ต้องเอาน้ำเข้านาที่จะต้องมีคนมานั่งเฝ้าตามกระท่อมปลายนาอยู่เสมอ

Advertisement

Advertisement

         แต่สิ่งที่จ้อยแปลกใจอยู่ก็คือเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง จ้อยมองไปที่กระท่อมท้ายทุ่งกี่ครั้งก็ยังเห็นคนที่อยู่กระท่อมนั้นนั่งอยู่ท่าเดิมไม่ขยับ พยายามส่องไฟฉายแกว่งไปมา ก็ไม่ได้สัญญาณตอบรับกลับมา ทำให้จ้อยอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเขาจะเป็นอะไรรึป่าว จึงตัดสินใจถือไฟฉายเดินไปที่กระท่อมแห่งนั้น แต่พอเดินไปถึงกระท่อมกลับไม่พบใครสักคน ก็ได้แต่คิดว่าเขาคงเดินไปยืดเส้นยืดสายที่อื่น จ้อยจึงเดินกลับมาที่กระท่อมของตนเอง  

          หลังจากที่จ้อยเดินกลับมาได้แค่ครึ่งทางหันกลับไปที่กระทอมนั้นอีก ก็เห็นคนนั่งอยู่ที่กระท่อมท่าเดิม แต่จ้อยก็ยังไม่ได้สนใจอะไรและเดินกลับไปที่กระท่อมของตน หลังจากนั้นจ้อยก็นอนหลับไปสักพักและตื่นขึ้นมาอีกทีกลางดึก คืนนี้เป็นคืนเดือนหงายทำให้จ้อยพอมองเห็นพื้นที่รอบๆ ได้บ้างเพราะไม่มืดมาก เมื่อจ้อยมองไปที่กระท่อมท้ายนา ก็ยังเห็นร่างคนนั่งอยู่ท่าเดิม จ้อยรู้สึกแปลกใจมากกว่าเก่าว่าทำไมเขาถึงนั่งนิ่งท่าเดียวได้ขนาดนั้น จึงเอาไฟฉายส่องไปที่กระท่อมให้แล้วแกว่งไปมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ร่างที่เห็นในกระท่อมนั้นก็ลุกขึ้น และเดินตรงมาที่กระท่อมของจ้อย จ้อยคิดว่าเขาคงจะเดินมาทักทายเฉยๆ จึงนั่งรอด้วยความสงบนิ่ง

Advertisement

Advertisement

           แต่เมื่อร่างนั้นเดินมาถึงที่กระทอมของจ้อย จ้อยก็ต้องตกใจจนร้องเสียงหลง เพราะภาพที่เห็นคือร่างของขายที่มีใบหน้าเละลูกตาถลนออกมานอกเบ้า ลิ้นห้อยมา่จนถึงคอ จ้อยหยิบไฟฉายได้ก็รีบวิ่งร้องตะโกนลั่น " ช่วยด้วย ผีหลอก ช่วยด้วย ช่วยด้วย " วิ่งร้องตะโกนอยู่อย่างนั้นจนเข้ามาที่หมู่  บ้านทำเอาชาวบ้านตกใจ ออกมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น จ้อยก็เล่าเรื่องราวที่ตนเจอมาให้ชาวบ้านฟัง  ลุงดำจึงให้จ้อยมานอนที่บ้านของลุงดำก่อน พอเช้าก็ให้เงินค่าจ้างและให้จ้อยกับบ้านไป โดยที่ไม่ได้เล่าอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่จ้อยเห็นที่กระท่อมนั้นให้ฟัง  และจ้อยก็ไม่กล้ามารับเฝ้านาที่หมู่บ้านแห่งนั้นอีกเลย................

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์