อื่นๆ
ป่าช้าสยองขวัญ

เข่งเป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่ที่วัดป่ากับหลวงพ่อมาตั้งแต่จำความได้ อาศัยข้าวก้นบาตรเลี้ยงชีวิตให้เติบโต หลวงพ่อท่านก็มีความเมตรตาเลี้ยงดูเข่งเป็นอย่างดีราวกับลูกแท้ๆ ส่งเสียให้เรียนหนังสือเหมือนเด็กทั่วไป ส่วนเข่งเองก็ไม่เคยเกเร ขยันช่วยงานภายในวัดเอาการเอางาน พากเพียรเรียนหนังสือจนเป็นที่รักใครของพระในวัด คุณครูและเพื่อนๆ ที่โรงเรียน หากวันไหนหลวงพ่อบิณบาตรมาได้มากจนฉันไม่หมด เข่งก็มักจะมีน้ำใจเอาขนมไปฝากเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเสมอ
เมื่อถึงช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนมักจะมีชาวบ้านพาลูกหลานมาบวชเณรช่วงปิดเทอม เพื่อให้หลวงพ่อและพระให้วัดให้คำสอนของพระพุทธศาสนาช่วยชัดเกลา ซึ่งในฤดูร้อนครั้งนี้เข่งก็ได้ตัดสินใจบวชกับเพื่อนๆ ด้วย เด็กๆ ที่มาบวชแต่ละคนล้วนแต่มาด้วยความสมัครใจ จึงไม่มีภาพของเด็กที่ร้องให้งอแงให้เห็น มีแต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเด็กๆ ที่เต้นกันตลอดเวลา
Advertisement
Advertisement
เมื่อพิธีบรรพชาสามเณรสำเร็จไปได้ด้วยดี พระพี่เลี้ยงก็พาบรรดาสามเณรขึ้นไปจับจองที่พักบนกุฏิไม้ ที่เตรียมไว้สำหรับต้องรับเหล่าสามเณรด้วยเฉพาะ สามเณรที่มาบวชในครั้งนี้มีด้วยกันสิบรูป ทั้งหมดนอนรวมกันในกุฎิไม้ที่เป็นห้องโถงใหญ่ไม่คับแคบ หลังจากนั้นหลวงพี่ก็ได้สอนการปฏิบัติตนต่างๆ ให้แก่สามเณร พร้อมทั้งนัดแนะตารางกิจวัตรประจำวันให้สามเณรปฏิบัติตาม ซึ่งเหล่าสามเณรเองก็ทำตามต่างเคร่งครัด สามเณรเข่งเป็นเด็กวัดมาก่อนจะธรรมเนียมต่างๆ ภายในวัดเป็นอย่างดี หลวงพี่ศร จึงแต่งตั้งให้สามเณรเข่งเป็นหัวหน้สามเณร
ที่วัดป่าแห่งนี้ไม่มีเมรุเผาศพ ดังนั้นเมื่อมีคนในหมู่บ้านเสียชีวิตก็มักจะนำไปฝังไว้ในป่าช้าท้ายวัด หรือไม่ก็นำไปเผาที่เชิงตะกอนในป่าช้า ซึ่งก็มักจะมีเรื่องเล่าต่างๆ นานาถึงป้าช้าแห่งนี้ว่าผีดุ ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าไปใกล้ๆ ป่าช้าแห่งนี้ วันหนึ่งหลวงพี่ศรได้พาเหล่าสามเณรเข้าไปเก็บกวาดศาลาในป่าช้าเพราะจะมีชาวบ้านน้ำศพมาทำพิธีเผา เหล่าสามเณรก็ตั้งใจทำความสะอาดกันอย่างกล้าๆ กลัว แต่สามเณรบางรูปที่นึกสนุกอยากจะรู้ว่าป่าช้าแห่งนี้ผีดุจึงรึป่าว จึงชวนกันมาท้าพิสูจน์ในเวลากลางคืนโดยจะอาศัยช่วงที่พระในวัดจำวัดหมดแล้วแอบออกมากัน ซึ่งในเวลาค่ำสามเณรห้ารูปได้แอบลักรอบออกมาจากกุฏิหนึ่งในนั้นมีสามเณรเข่งรวมอยู่ด้วย สามเณรทั้งห้ารูปพากันเดินเข้าไปในป่าช้ากล้าๆ กลัวๆ ท่ามกลางความมืดได้ได้ยินแต่เสียงนกแลก หาหอนและเสียงจิ้งหรีดร้องประสานเสียงกันระงม พอเดินเข้ามาจนถึงศาลาทำพิธี สามเณรเข่งเริ่มกลัวจึงถามเพื่อนๆ สามเณรว่า " บรรยากาศมันน่ากลัวแปลกๆ แล้วมืดมากด้วย เรากลับกันดีกว่าไหม เดี๋ยวหลวงพ่อจับได้โดนไม่เรียวเฆี่ยนหลังลายแน่ " แต่สามเณรแจ็คก็บอกว่า " ไหนๆ ก็มากันแล้วยังไม่ได้ทันจะได้รู้เลยว่าผีดุจริงรึป่าว เราลองเดินไปดูตรงหลุมฝังศพกันสักหน่อยดีป่าว ถ้าไม่มีอะไรเราค่อยกลับ " เหล่าสามเณรจึงพอกันเดินไปจนเกือบจะถึงหลุมฝังศพ ทุกคนก็เห็นเงาคนยืนก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างกำแพงเก่าที่เป็นที่เก็บกระดูก สามเณรเริ่มกลัวและจับกลุ่มกันแน่น ทันใดนั้นเงาดำๆ ก็เพิ่มจำนวนขึ้น จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ และเพิ่มขึ้นจนนับไม่ถ้วน สามเณรเห็นดังนั้นจึงไม่รอช้ารีบพากันวิ่งหนีทันดี จนวิ่งมาจึงเชิงตะกอนเผาศพ เป็นเงาคนนั่งอยู่บนเชิงตะกอน ทำให้เหล่าสามเณรร้องเสียงหลงก้มหน้าก้มตาวิ่งออกมาจนถึงทางเข้าป่าช้า เห็นหลวงพี่ศรและพระอีกสองรูปสองไปเดินตามหาสามเณรอยู่ เหล่าสามเณรจึงรีบวิ่งเข้าไปหาหลวงพี่ศรทันที หลวงพี่ศรจึงพาเหล่าสามเณรกลับไปที่วัดและปลอบใจให้สามเณรหายกลัว และจากวันนั้นเหล่าสามเณรก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปเล่นซนแถวป่าช้านั้นอีกเลย..............
Advertisement
Advertisement
ความคิดเห็น
