อื่นๆ

สัมผัสพิเศษ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
สัมผัสพิเศษ

               ทุกคนไม่สามารถเลือกเกิดได้  แต่ทุกคนสามารถเลือกที่จะทำได้  ประโยคนี้คงเคยได้ยินกันมานักต่อนัก  แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีบางสิ่งบางอย่างที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด   แม้ว่าอยากสลัดทิ้งหรือไม่ต้องการมันมากแค่ไหนเราก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดี

               ชีวิตหนุ่มน้อยอายุ  14  ปีคนนี้ก็เช่นกัน  ชีวิตที่ไม่ได้เลือกเองของเขาเริ่มต้นตั้งแต่ยังเป็นทารกแบเบาะ  ร้องไห้งอแงอย่างไร้เหตุผลทุกค่ำคืนหรือที่วงการแพทย์เรียกกันว่าอาการโคริก  ถ้าย้อนไป 14 ปีที่แล้วคนเฒ่าคนแก่จะลงความเห็นกันว่าเด็กโดนกวนจากสิ่งที่มองไม่เห็นหรือผีนั่นเอง  แม้พ่อแม่ของเด็กจะพยายามพาไปรักษาแค่ไหนอาการนี้ก็ยังคงอยู่  จนเวลาผ่านพ้นไปเป็นปีจึงค่อยๆดี  ขึ้นร้องไห้น้อยลง  พ่อแม่เด็กชายตัวน้อยเริ่มสบายใจขึ้นที่ลูกชายไม่งอแงดังแต่ก่อน  แต่เมื่อถึงวัยที่ต้องเริ่มพูดแม้เด็กน้อยคนนี้จะสามารถส่งเสียงอ้อแอ้ได้เหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป   แต่เมื่อถึงวัยที่เขาต้องเริ่มพูดเด็กน้อยกลับไม่ยอมปริปากออกมาแม้แต่คำเดียว  เขาสามารถปฏิบัติตามที่แม่บอกได้  ฟังคนสั่งที่พ่อแม่พูดรู้เรื่องแต่เขาเลือกที่จะเงียบไม่พูดไม่จา   ภาษากายเท่านั้นที่เด็กน้อยเลือกเป็นภาษาสื่อสารเพียงอย่างเดียวจนคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกข์ใจ   พวกเขาตัดสินใจพาลูกไปพบแพทย์และก็ได้ผลจริงๆ เด็กสามารถพูดได้แต่คำพูดคำแรกที่เด็กน้อยคนนี้พูดออกมาคือคำว่า “กลัว”

Advertisement

Advertisement

               “กลัว”  ลูกชายของพวกเขากลัวอะไรหรือใคร  เป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อเป็นแม่อยากรู้ที่สุดแต่ไม่มีคำตอบออกจากปาก    เด็กน้อยพูดรู้เรื่องและสามารถตอบคำถามได้ทุกอยากแต่เมื่อถามว่าหนูกลัวอะไรเด็กชายตัวน้อยเลือกที่จะเงียบและชี้นิ้วเล็กๆออกไปแทนทำตอบเสมอ  เด็กชายตัวน้อยมีความสนใจที่พิเศษกว่าเด็กในวัยเดียว  เด็กคนอื่นเลือกที่จะดูการ์ตูนแต่เด็กน้อยคนนี้เลือกที่จะนั่งดูรูปพระ  ให้ปู่อ่านประวัติพระเกจิอาจารย์ต่างๆให้ฟัง  และมีความทรงจำเป็นเลิศในการจดจำชื่อและรูปประพันสัณฐานของพระอาจารย์แต่ละรูป  ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แกคนที่พบเห็น 

               วันเวลาผ่านไปจากเด็กน้อยเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น   แม้จะเริ่มมีความสนใจตามวัยแต่เขาก็ยังคงไม่ละทิ้งความชอบส่วนตัวคือการศึกษาเกี่ยวกับธรรมะและพระบูชาต่างๆ  แต่มีสิ่งหนึ่งที่อาจแตกต่างจากคนอื่นคือความเงียบ บางครั้งเมื่อไปกับครอบครัวไม่ว่าจะเป็นที่ไหน  แม้ว่ากำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานก็ตามหลายครั้งเด็กหนุ่มเงียบกะทันหัน  เงียบและจ้องมอง  เมื่อมีใครถามว่าเป็นอะไรไม่มีใครเคยได้คำตอบจากปากเด็กหนุ่ม  ความเงียบคือคำตอบที่พ่อแม่ได้รับเสมอ  แม้จะพยายามคาดคั้นหรือเค้นเอาคำตามแค่ไหนแต่ก็ไม่มีใครได้คำตอบจนเมื่อต้นปีที่ผ่านมาคำตอบทุกอย่างได้ถูกเปิดเผย

Advertisement

Advertisement

               วันนั้นเด็กหนุ่มติดสอยห้อยตามผู้เป็นแม่ไปเยี่ยมเพื่อนร่วมงานที่ป่วยด้วยอาการที่รักษาไม่หายมานับ 10 ปี อย่างน้อยต้องเข้ารับการผ่าตัดปีละ 3  ครั้ง  เด็กหนุ่มจ้องร่างที่นอนบนเตียงอย่างไม่วางตา  จ้องอยู่เช่นนั้นจนแม่ของเขาเอะใจ  หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงเองก็สงสัย  แม้จะลากลับแล้วแต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่วายหันหลังกลับไปดู  เมื่อถึงบ้านแม่ของเด็กหนุ่มตำหนิกริยาท่าทางที่เด็กหนุ่มทำว่าเป็นกริยาที่ไม่สมควร  และมองแบบนั้นเพื่ออะไร ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าวันนี้จะเป็นวันที่เฉลยคำตอบทั้งหมด 

               “ผมเห็นผู้หญิงใส่เสื้อผ้าสกปรกยืนข้างเตียงจ้องหน้าน้าเขาอยู่ตลอดเวลา  เหมือนโกธรแค้นมากๆ”  ประโยคแรกที่ไขข้อสงสัยมาหลายปี  ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้เคยเจออะไรมาบ้าง  เมื่อลูกไม่ตอบคนเป็นแม่เลือกที่จะไม่ซักไซ้  แต่วันนี้ความลับได้ถูกไขออกมาแล้ว  เรื่องราวต่างๆพร่างพรูออกจากปากลูกชายเขา  ว่าเด็กหนุ่มพบเจออะไรมาบ้าง  ครั้งหนึ่งเขาเคยไปงานบวชญาติซึ่งบิดาของนาคเสียชีวิตไปแล้วแต่เด็กหนุ่มกลับเห็นลุงยืนรออยู่นอกโบสถ์ดูขบวนแห่นาคที่กำลังส่งลูกชายเข้าโบสถ์  แม้แต่ไปทำบุญในวันพระเด็กหนุ่มคนนี้ก็จะเห็นเหล่าวิญญาณยืนอยู่บริเวณเมรุเผาศพเหมือนรอส่วนบุญที่ใครอุทิศให้

Advertisement

Advertisement

               แม่ของเขาตัดสินใจนำเรื่องที่เด็กหนุ่มไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง  เพื่อหวังจะให้หญิงสาวได้รู้และหาทางแก้ไข  แต่เมื่อไปเล่าให้เธอฟังแล้วเขากลับได้รับรู้เรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นเกี่ยวกับตัวหญิงสาวที่ป่วยไม่หายสักที  “ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาทักแบบนี้นะพี่” เพื่อนร่วมเอ่ยออกมา เคยมีคนทักสามีเขามาว่าแฟนพี่มีเจ้ากรรมนายเวรตาม  เขากะจะเอาให้ตาย  ต้องให้แฟนพี่ห้อยพระตลอดเวลาห้ามถอด  ถอยคำที่ออกมาจากปากเพื่อนร่วมงานนั้นเหมือนเป็นสิ่งยื่นยันว่าสิ่งที่ลูกชายของเขาพบเจอคือเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องที่มโนภาพขึ้นมาเอง  ลูกชายของเขาต้องอยู่กับสิ่งนี้มาตั้งแต่เกิด  แล้วเด็กหนุ่มทนอยู่ได้อย่างไร

               “ผมก็ใส่พระไงแม่” คำตอบสั้นๆที่ไขข้อข้องใจว่าทำไมเด็กหนุ่มจึงสนใจการดูพระสนใจพุทธคุณของเกจิอาจารย์รุ่นต่างๆ  เด็กหนุ่มเลี่ยงการพูดคุยหรือทำให้วิญญาณเหล่านั้นรู้ว่าเขาเห็น   เลือกที่จะกลับมาสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิเพื่อแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้วิญญาณเหล่านั้นแทน   บางสิ่งติดตัวมาเป็นดังสัญญาเก่าที่คนอื่นอาจคิดว่าเป็นเรื่องพิเศษหรือวิเศษ  แต่คนที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่ทุกวันเช่นเด็กหนุ่มคนนี้มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์