อื่นๆ

เรือนหลอนมรณะ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เรือนหลอนมรณะ

          ปั่นได้ซื้อเรือนไม้ทรงไทยหลังเอา เพราะชื่นชอบในความสวยงามและความโบราณของเรือนไม้หลังหนี้  แต่สภาพของตัวบ้านค่อนข้างทรุดโทรม หลังจากที่ซื้อมาแล้วเขาจึงทำการหาผู้รับเหมามาซ่อมแซมก่อน   ซึ่งจะต้องจ้างช่างมืออาชีพที่ชำนาญด้านบ้านไม้ทรงไทยเป็นอย่างดี   ปั่นได้ตกลงทำสัญญาจ้างให้ช่างทดเป็นผู้รับเหมาในการซ่อมแซมบ้านให้กับเขาในราคาที่มากโข  ซึ่งช่างทดเองก็เป็นผู้รับเหมาผีมือดีที่มีชื่อเสียงเรื่องการทำบ้านไม้มานาน  ปั่นจึงวางใจที่จะให้ช่างทดรับงานนี้ไปทำ

          ทันที่ที่ช่างทดพาคนงานมาถึงที่บ้านเรือนไทยแห่งนี้  เขารีบนำเครื่องเส้นไหว้และทำพิธีเซ่นสรวงเจ้าที่เพื่อให้ทำงานลุล่วงสำเร็จโดยไม่มีภูตผีวิญญาณมารบกวน   เพราะช่างทดเป็นช่างที่มากประสบการณ์ เขาจึงรู้ว่าบ้านโบราณอายุร้อยกว่าปีแบบนี้จะต้องมี  สิ่งลี้ลับคอยรังควานแน่  เขาจึงต้องทำพิธีก่อนเพื่อให้เขาทำงานได้อย่างราบรื่น

Advertisement

Advertisement

          เมื่อช่างทดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คนงานตั้งแค้มป์งานอยู่ภายในบริเวณบ้าน  ซึ่งพื้นที่ภายในบริเวณบ้านนั้นก็กว้างขวาง เรือนใหญ่อยู่ 1  เรือน  มีเรือนเล็กอยู่ 2 เรือน  ด้านหลังมีศาลาติดกับริมคลองใต้ต้นก้ามปูใหญ่  คนงานที่ช่างทดมามีด้วยกันสิบกว่าชีวิต  ทุกคนล้วนเป็นมืออาชีพทำงานกับช่างทดมานาน

            เมื่อถึงเวลาเริ่มงานก็ได้มีสิ่งแปลกเกิดขึ้น อยู่ๆ ก็มีช่างที่ปีนอยู่บนหลังคาพลัดตกลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ช่างทดจึงพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล  ขณะที่ช่างทดไม่อยู่นั้นคนงานก็ทำงานกันต่อไปเรื่อยๆ  อยู่ๆ ก็มีชายแก่ๆ คนหนึ่งเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน ยืนมองคนงานทำงาน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “พวกมึงระวังตัวกันไว้ให้ดีเถอะ” พอดูจบประโยคแล้วเดินจากไป คนงานที่ทำงานกันอยู่ต่างรู้สึกไม่ค่อยหรือ ต่างคิดว่าชายแก่คนนั้นคงจะมาเตือนอะไรบางอย่าง  ทดกลับเข้ามาถึงไซต์งานในช่วงค่ำ  คนงานก็เลิกงานและหุงหาอาหารกินกัน  ทดจึงเข้าไปในเต็นท์นอนของตัวเองแล้วพักผ่อน

Advertisement

Advertisement

              กลางดึกขณะที่ทุกคนกำลังนอนหลับกันอยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีเสียงร้องกรี๊ดมาจากเต้นคนงาน พอทดวิ่งไปดูก็เห็นคนงานคนหนึ่งโดนไฟดูดตายคาที่นอน  รุ่งขึ้นทดจึงรีบจัดการเรื่องศพของคนที่ตาย และให้คนที่เหลือทำงานต่อตามปกติ  เมื่อเขากลับเข้ามาที่ไซต์งานในช่วงบ่ายเขาเห็นชายแก่ยืนขวางอยู่ตรงทางเข้าบ้าน  เขากำลังจะเดินลงรถไปถามว่าเป็นใคร แต่คนแก่เดินหายเข้าไปในสวนเสียก่อน  แต่พอเข้าไปถึงไซต์งาน ก็เห็นคนงานยืนมุงร่างของคนงานอีกคนหนึ่ง ที่นอนนิ่งไม่มีลมหายใจ จึงได้ถามคนงานว่าเกิดอะไรขึ้น  คนงานคนหนึ่งก็ตอบว่า อยู่ดีๆ เขาก็เป็นลมแล้วลงไป จากนั้นเขาก็สิ้นใจตายเฉยๆ   พอได้ยินดังนั้นทดเริ่มรู้สึกว่า สถานที่แห่งนี้ต้องมีอาถรรพ์อะไรบางอย่างแน่ๆ ที่มีคนงานเจ็บตายกันรายวัน   เขาจึงได้โทรศัพท์ไปคุยกับปั่นผู้เป็นนายจ้างว่า จะขอให้ปั่นนิมนต์พระมาช่วยทำพิธีปัดเป่าที่เรือนไทยแห่งนี้ และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ปั่นฟัง  และปั่นจัดการทุกอย่างให้ในวันถัดไป   และขอให้ทดอย่าเพิ่งให้คนงานทำงานต่อ เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก  เมื่อวางสายกับปั่น ทดก็เห็นชายแก่คนเดิมเดินเข้ามาตรงทางเข้าบ้าน  แล้วพูดด้วยเสียงอันดังอีกว่า “กูเตือนพวกมึงแล้ว พวกมึงต้องตาย”  พอพูดจบชายแก่คนนั้นก็เดินหายไปเฉยๆ   ทำให้ทุกคนกลัวมาก ทดจึงให้ทุกคนหยุดทำงานอย่าเพิ่งให้ใครเข้าไปในตัวบ้านให้พักกันอยู่ในแคม  พอตกดึกระหว่างที่ช่างทดกำลังนอนพักอยู่ในเต็นท์ ก็คนงานวิ่งมาเรียกให้ทดออกไปดูอาการของคนงานอีกคนที่กำลังนอนชักอยู่กับพื้น ช่างทดรีบให้คนขับรถพาคนป่วยไปหาหมอ โดยทดอยู่กับคนงานที่แค้มป์เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีก  ทันนั้นก็มีเสียงหลังคาที่เรือนไม้หลังใหญ่หล่นโครมลงมา  ทดกับคนงานวิ่งไปดูก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเห็นร่างของคนกลุ่มหนึ่งทั้งผู้ชายผู้หญิง ผู้ชายใส่แต่กางเกง ผู้หญิงนุ่งฟ้าถุง คล้องผ้าเตี่ยว ยืนทะมึนอยู่บนเรือน แต่ละคนมีใบหน้าที่น่ากลับผิวพรรณซีดเซียว  เมื่อพวกเขาเห็นก็รู้ทันทีว่าเป็นพวกภูตผีที่อาศัยอยู่ที่นี่   จากนั้นชายคนหนึ่งในกลุ่มของผีที่ยืนอยู่บนบ้านเอานิ้วชี้มาตรงที่พวกทดยืนอยู่ แล้วตะโกนมาด้วยเสียงดันดังว่า “ออกไปจากบ้านกู”  ทำให้ทดกับคนงาน พากันวิ่งหนีออกมาจากบ้านทันที  พวกเขาวิ่งหนีกันอย่างไม่คิดชีวิต จนมาเจอวัดแห่งหนึ่งอยู่ไม่ไกลนัก  พวกเขาจึงพากันนอนที่ศาลาวัด 

Advertisement

Advertisement

           พอตอนเช้าหลวงพ่อเดินมาเจอ ทดจึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อจึงรดน้ำมนต์ให้พวกเขา และบอกว่าให้รีบย้ายข้าวของออกมาเพราะที่บ้านหลังนั้นเฮี้ยนมากเจ้าที่แรง  มีคนมาซื้อต่อหลายคนก็มีอันเป็นไปกันหมด หลวงพ่อไม่อยากให้เอาชีวิตไปเสี่ยง   เมื่อได้ยินดังนั้นทดก็เล่าเรื่องดังกล่าวให้ปั่นผู้เป็นนายจ้างฟัง เมื่อปั่นได้ยินดังนั้นจึงคิดว่าหากเรื่องที่หลวงพ่อเล่าเป็นความจริง  เขาก็จะยกเรือนไทยแห่งนี้ให้เป็นที่ของวัด เพราะถ้าหากเขาขายต่อคนอื่นก็อาจจะทำให้มีคนตายเพิ่มขึ้นอีก   ปั่นจึงบอกเจตนาของเขาให้หลวงพ่อฟัง ซึ่งหลวงพ่อก็รับไว้และชื่นชมในความเป็นคนดีของปั่น จากนั้นหลวงพ่อก็พาทดกับคนงานไปเก็บข้าวของออกมาจากบริเวณบ้านหลังนั้นจนหมด และไม่ให้ใครเข้าไปใกล้บ้านเรือนไทยหลังนั้นอีกเลย

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์