อื่นๆ

เสียงลมหายใจนั้น! ใครเป็นเจ้าของ???

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เสียงลมหายใจนั้น! ใครเป็นเจ้าของ???

        เรื่องมีอยู่ว่า ตากับยายของเราอยู่บ้านสวนต่างจังหวัด คนแถนนั้นจะเรียกกันว่าบ้านสวนขวัญ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เรื่องเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ระยะเวลาผ่านมาแล้ว 10 กว่าปีเห็นจะได้ แต่เรายังจำเสียงลมหายใจนั้นได้ดี............
        เมื่อวันที่ 6 เมษายน ของปีหนึ่ง ตอนเราศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เราได้รับแจ้งข่าวจากแม่ ว่าตาเสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลราชบุรีหรือโพธาราม สถานที่จำได้ไม่แน่ชัด แต่วันที่เสียเราจำได้ดีเพราะตรงกับวันจักรี สาเหตุเนื่องจากติดเชื้อในกระแสเลือด  ตาเป็นคนสูงอายุ ใจดี ลักษณะค่อนข้างผอม ญาติๆลงความเห็นว่าให้กลับมาไว้ศพจัดงานกันที่บ้านสวนขวัญ บ้านที่ตาอาศัยอยู่ อาจจะเรียกว่าคนบ้านนอกก็ได้ ก็มักจะจัดงานศพเอาไว้ที่บ้านมากกว่าที่วัด สถานที่จัดงานสรุปเป็นบ้านที่ขายของ คนที่บ้านเราเรียกกันว่าบ้านนอก มาจากบ้านที่อยู่ข้างนอกเอาไว้ขายของ สำหรับญาติๆจะให้มานอนพักกันที่บ้านใน มาจากบ้านที่อยู่ในสวน คนในบ้านเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้
         งานศพถูกจัดบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 7 วัน เนื่องด้วยตาของเราก่อนท่านจะเสีย อายุค่อนข้างจะเยอะแล้ว 80 กว่าจะย่าง 90 ปี ลูกหลานคนรู้จักก็เยอะ จึงถูกจัดงานไว้หลายวัน แม่ของเราทำอาหารอร่อยมาก (ไม่ใช่ราคาคุย เพราะทุกคนต่างพูดชมเป็นเสียงเดียวกัน) จึงได้รับหน้าที่ให้เป็นหัวเรือใหญ่เรื่องทำกับข้าวเลี้ยงแขก งานบ้านนอกแบบนี้ เรื่องกินถือเป็นเรื่องใหญ่มาก จริงไหม! ถ้าใครอยู่บ้านนอกเหมือนกันคงจะเข้าใจ ไม่ใช่งานศพแบบตัวเมืองหลังจบงานก็ขนมกลับบ้านคนละกล่องเป็นจบ         
         ทุกเช้ามืด เวลาน่าจะราวๆตี 4-5 ของทุกวัน แม่ของเราจะต้องตื่นเช้ามาคอยสั่งงานว่าจะให้ใครทำอะไร ต้องไปตลาดซื้ออะไรบ้าง วันนั้นจะมีเมนูอะไรไว้เลี้ยงพระและแขกที่มาร่วมงาน คอยคิดและวางแผนโดยมีญาติๆคอยช่วยอยู่ไม่ห่าง เรียกว่าไม่จ้างคนนอกเลย ทุกเช้าที่แม่เราต้องตื่นออกมา เรากับพี่ก็จะยังนอนอยู่จนกว่าจะถึงเวลาเลี้ยงพระเช้า ก็ประมาณเกือบ 7 โมงเช้า เราถึงจะลุกตื่นออกมาพร้อมกับพี่ชาย เพราะจะเป็น 2 คนสุดท้ายของบ้านที่ตื่นสายสุด ก่อนออกไปบ้านนอกที่จัดงานก็ต้องล็อคประตูบ้านในให้ดีก่อน ผีก็กลัวแต่กลัวคนมากกว่า ฮ่าฮ่า
บ้านใน บ้านไม้ทรงไทยยกสูง ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนที่ปลูกต้นมะพร้าวและกล้วยไว้รายล้อม ห้องน้ำ ห้องครัวแยกห่างจากตัวบ้าน ยามเช้ามืดและยามเย็นของทุกวันงาน ก็จะต้องเปิดเทปเสียงปี่พาทย์ลาดตะโพน คงไม่ต้องบรรยายหรอกนะ ว่าจะเศร้าเคล้าหลอนขนาดไหน (จนมีครั้งหนึ่งแม่ถึงกับเอ่ยบอกเราว่า ถ้างานแม่ ไม่เอาพวกนี้นะแม่ไม่ชอบ) ก็มันขนลุกจริงๆ
         หลังเสร็จงานของทุกวัน ญาติๆก็จะพากันกลางมุ้งนอนกัน เรานอนมุ้งเดียวกับแม่โดยมีพี่นอนอยู่มุ้งข้างๆ ก่อนจะนอนหลับในคืนแรกเป็นเรื่องยากเสมอ บ้านในช่างเงียบสงัด เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องดังชัดในบรรยากาศแบบนี้ นอนมองออกไปเห็นใบมะพร้าวสั่นไหวใจก็พลันให้นึกถึงเปรตในบัดดล แม้ห้ามใจไม่ให้คิดมันก็คิดไปเอง ด้วยความเหนื่อยล้าปะปนกับความกลัวแต่คิดว่าญาติอยู่เยอะ อย่ากลัว ไม่มีอะไรหรอกแถมนอนกับแม่ (แม่เราเป็นคนไม่กลัวผี) ก็ทำให้เราหลับได้ในทุกวัน
       จนกระทั่งเช้ามืดของวันนี้ก็เช่นกัน เรารู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะเทปเสียงปี่พาทย์ลาดตะโพนที่เปิดดังขึ้นเป็นประจำทุกเช้าเป็นสัญญานว่างานได้เริ่มขึ้นแล้วอีกวัน มองไปข้างๆแม่คงไปที่บ้านนอกจัดเตรียมเรื่องกับข้าวดั่งเช่นทุกวัน เราก็ยังคงสะลึมสะรือยังอยากนอนต่อ แล้วก็รู้สึกว่าได้ยินเสียงลมหายใจของมุ้งข้างๆแผ่วมาเบาๆคล้ายจะกรนเป็นเสียงผู้ชาย เราก็ว่าพี่เรายังนอนอยู่ก็ยังไม่อยากปลุก แต่ก็เหมือนจะสายแล้ว เริ่มมองเห็นฟ้าสาง กลัวจะไปไม่ทันเลี้ยงพระเช้า จึงตะโกนไปเบาๆเรียกพี่อยู่ 3-4 ครั้งก็แล้วไม่มีเสียงตอบกลับ เราเริ่มโมโหเรียกตั้งนานทำไมไม่ตื่น ก็เลยตัดสินใจลุกไปเปิดมุ้งพี่ที่นอนอยู่ข้างๆ ภาพมุ้งตรงหน้าที่ว่างเปล่า เสียงลมหายใจที่หายไป ทำเรารู้สึกเย็นวาบเลยทีเดียว วินาทีนั้นนึกได้อย่างเดียวว่าหยิบลูกกุญแจเพื่อเดินไปล็อคประตู.....อยู่ไม่ได้แล้วโว้ยยยยยยย><

Advertisement

Advertisement

Advertisement

Advertisement

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์