ถ้ากล่าวถึง ณ สัทธา อุทยานไทย ซึ่งตั้งอยู่อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี น้อยคนนักที่จะรู้จัก แต่หลายคนถึงกับร้องอ๋อเมื่อบอกว่า คือ อุทยานหุ่นขี้ผึ้งเดิม ซึ่งทำการปรับปรุงโฉมใหม่ และเปิดให้บริการเมื่อกลางปี 2561 โดยเปลี่ยนชื่อเป็น ณ สัทธา อุทยานไทย แต่ยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้ และอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมของไทยเหมือนเดิม รวมทั้งมีการก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ เพิ่มเติม และจัดแสดงโดยแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ กว่า 10 โซน บนพื้นที่ 42 ไร่ โซนแรก มหาราชกษัตรา จุดแรกเมื่อผ่านประตูทางเข้าก็ตื่นตาตื่นใจ กับพระบรมราชานุสรณ์ของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ คือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และสมเด็จพระปิยะมหาราช ( รัชกาลที่ 5 ) โซน 2 ณ สัทธานุสรณ์ เป็นอาคาร 2 ชั้น จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญที่เป็นแบบอย่างที่ดี จำนวน 14 คน ในภาพเป็นศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ คุณไพบูลย์ บุตรขัน และประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ซึ่งปั้นได้เหมือนจริงมาก นอกจากนี้ยังมีบ้านจำลองของสมเด็จย่าในวัยเด็กแถววัดอนงคาราม โซน 3 ณ สัทธาปฏิมา จุดนี้งดงามอลังการมาก เพราะมีวิหารจำลองสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัย ซึ่งขนาบข้างด้วยพระพุทธรูปองค์ใหญ่ 2 องค์ ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย และมีการจัดแสดงเรื่องราวการเผยแพร่ศาสนาพุทธมาไทยในสมัยสุโขทัย โซน 4 ถ้ำพุทธชาดก เป็นถ้ำจำลองที่ใช้จัดแสดงเรื่องราวขององคุลีมาล โจรที่กลับใจออกบวชเพราะได้รับฟังคำสั่งสอนจากพระพุทธเจ้า การนำเสนอทำได้ดีเยี่ยมและน่าสนใจมาก เสียดายที่ห้ามถ่ายภาพจึงไม่มีภาพประกอบสวย ๆ มาให้ชม โซน 5 อริยสัทธา จัดแสดงกุฏิไม้และหอสวดมนต์ เป็นที่ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งพระอริยสงฆ์ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วทุกภาคของไทย โซน 6 สัทธาถิ่นเรือนไทย มีบ้านจำลอง 4 ภาค คือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ โดยแต่ละหลังจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ประจำภาคของตน ทำให้ได้เห็นวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละภาค โซน 7 ลานภิรมย์เป็นสวนต้นบอนไซที่มองเห็นอยู่ด้านนอกอุโมงค์ไฟ โซน 8 ลานอวโลสัทธาเป็นลานกว้างที่ประดิษฐานรูปหล่อพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปางมหาราชลีลา นอกจากโซนที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีโซนอาหาร ร้านกาแฟ ร้านของที่ระลึก และอื่น ๆ ซึ่งแต่ละโซนตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น จึงเป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และสถานที่พักผ่อน ณ สัทธา อุทยานไทย เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 น. - 16.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 น. - 17.00 น. ค่าเข้าคนละ 200 บาท ส่วนเด็ก นักเรียนและนักศึกษา พระภิกษุ และผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คนละ 100 บาท ฟรีสำหรับคนพิการ และผู้มีอายุ 70 ปีขึ้นไป (ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยนักเขียน "ชีพจรลงเท้า")