วันนี้ผมอยากจะมาแชร์เกร็ดความรู้ เกี่ยวกับโรคสมาธิสั้นกันสักนิดนึงหลังจากอ่านหนังสือเรื่อง “THRIVING with ADHD WORKBOOK for KIDS” ใน Kindle ที่มีโอกาสได้อ่านนั้นสืบเนื่องมาจากลูกชายของผมถูกวินิจฉัยจากคุณหมอ จิตแพทย์เด็ก ว่ามีอาการบ่งชี้ว่าเป็น “โรคสมาธิสั้น” ก็เลยอยากค้นคว้าหาความรู้ของโรคและวิธีเลี้ยงดู ว่ากันมาเนิ่นนานแล้วผมขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน Photo by Ashton Bingham on Unsplash โรคสมาธิสั้น มีชื่อย่อทางการแพทย์เป็นภาษาอังกฤษว่า ADHD ซึ่งย่อมาจาก Attention Deficit Hyperactivity Disorder ซึ่งโรคนี้เกิดจากความผิดปกติของสมองส่วนหน้าที่มีชื่อว่า Frontal Cortex ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสมองที่ทำหน้าที่หลักในการเรียบเรียงความเป็นระเบียบ แรงจูงใจแรงกระตุ้น และการจัดการอารมณ์ ซึ่งเหตุนี้ทำให้เด็กๆที่มี ADHD นั้นค่อนข้างที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ หุนหันพลันแล่น ไม่มีสมาธิจดจ่ออะไรที่ตัวเค้าไม่ได้สนใจได้นานๆ พอผมอ่านหนังสือมาถึงตรงนี้แล้วก็เกิดความรู้สึกกังวลไม่น้อยเลยทีเดียว วางเครื่องอ่าน Kindle ซักพักนึงมองไปที่หน้าลูกก็มีความรู้สึกเป็นห่วงอนาคตของเค้า คิดกังวลไปสักพักก็ก้มหน้าอ่านต่อ บรรทัดถัดไปในหนังสือช่วยดึงความรู้สึกผมจากเหวขึ้นมา เค้าบอกว่า พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป เด็กๆที่มี ADHD สามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ต่างจากคนอื่นไม่ว่าจะเป็น วิศวกร หมอ นักบิน หรือแม้แต่บุคคลสำคัญของโลกที่ว่ากันว่า ฉลาดเป็นกรด อย่าง อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และนักกีฬาราชาเหรียญทองโอลิมปิกอย่างไมเคิล เฟลป์ส ก็เป็นบุคคลที่มี ADHD หรือเป็นโรคสมาธิสั้นนั่นเอง ในหนังสือยังแบ่งโรคสมาธิสั้นออกเป็น 3 ชนิด ดังต่อไปนี้ (ลองมาดูกันนะครับ ว่าลูกของเราอยู่ในชนิดไหน) Photo by MI PHAM on Unsplash 1. ADHD , Primary Hyperactive Impulsive Type (หรือ จำง่ายๆใน กลุ่มชนิด นกฮัมมิ่งเบิร์ดจอมพลัง) โดยเด็ก ADHD กลุ่มนี้เป็นที่พบเห็นได้ส่วนใหญ่ และมากกว่าอีกสองกลุ่มที่เหลือ โดยลักษณะเด่นของเด็ก ADHD ฮัมมิ่งเบิร์ดจะเต็มไปด้วยพลังงานทั่วทั้งตัว ไม่อยู่นิ่ง วิ่งโหน ปีนป่ายจนตามจับไม่หวั่นไม่ไหว พูดเยอะ เสียงดังและบางครั้งจะโพล่งคำพูดออกมาทั้งๆที่คู่สนทนายังพูดไม่จบ พวกเค้ามักจะมีปัญหาในการควบคุมตนเอง Photo by Kuanish Reymbaev on Unsplash 2. ADHD , Primary Inattentive Type (หรือ จำง่ายๆใน กลุ่มชนิด เป็ดน้อยพเนจร) โดยเด็ก ADHD กลุ่มนี้จะมีปัญหาในการปฏิบัติตามคำสั่ง และไม่สามารถมีสมาธิจดจ่อในงานหรือการบ้านที่ได้รับหมอบหมายได้เป็นเวลานาน เพราะพวกเค้าค่อนข้างจะมีปัญหาในการจัดระเบียบความคิด และสมาธิในงานนั้นๆค่อนข้างมาก เด็กกลุ่มนี้มักจะถูกพบว่าชอบทำสิ่งของหายบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสมุดการบ้าน หรือเสื้อกันหนาวที่พกติดตัวไปโรงเรียน อาจจะเหมือน Dory ในเรื่อง Finding Nemo ที่ชอบพูดว่า “ความจำชั้นหายไปจากสมองแล้ว” Photo by Gabriel Tovar on Unsplash 3. ADHD , Combined Type (หรือ จำง่ายๆใน กลุ่มชนิด ADHD ลูกผสม) โดยเด็ก ADHD กลุ่มนี้จะมีแนวโน้มว่าจะเป็นเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด และมีความคล่องแคล่วว่องไว มักจะชอบฝันกลางวัน จินตนาการไปไกลกว่าโลกความเป็นจริง คิดหรือทำเรื่องนึงกระโดดไปอีกเรื่องนึงได้อย่างรวดเร็ว โดยจะมีลักษณะ ของนกฮัมมิ่งเบิร์ดและเป็ดน้อยพเนจรอย่างละครึ่งๆเลย เรียกได้ว่าดึงจุดแข็งของกลุ่มที่หนึ่งและกลุ่มที่สองกันเลยทีเดียว Photo by Xavier Mouton Photographie on Unsplash Copy สำหรับการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ผมขออนุญาตแชร์เทคนิคการเลี้ยงดูให้เพื่อนฟังสักนิดนึงครับ.... อย่างที่ทราบกันเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นจะค่อนข้างหุนหันพลันแล่น เพราะฉะนั้นเวลาที่ลูกของผมโมโห ผมจะเข้าไปกอดเค้าแล้วให้เค้าพูดแสดงความรู้สึกในใจออกมา เพราะบางครั้งเวลาเด็กโกรธเค้าไม่รู้วิธีแสดงออกที่ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่นให้เค้าพูดว่า " หนูรู้สึกโกรธลุงมาก ที่ลุงมาแกล้งหนู" , " ผมไม่ชอบเลยที่เวลาเพื่อนมาแย่งของเล่น" นอกจากนั้นอาจให้พวกเค้าสังเกตุร่างกายตัวเอง เวลาโมโห โกรธ กลัว กังวล ยกตัวอย่างเช่น ให้บอกกับเด็กว่า "หนูลองจับหัวใจตัวเองดู ว่าเต้นเร็วมั้ย หายใจถี่มั้ย ท้องยุบพองมั้ย" ซึ่งเป็นหลักการทางจิตแบบนึง เพื่อก่อให้เกิดการรู้สึกตัว หรือให้เค้าได้เล่นในสิ่งที่เค้าชอบก่อนทำกิจกรรมที่จำเป็น อย่างการบ้านเป็นต้น หวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ที่ทำให้เพื่อนๆรู้จักและเข้าใจโรคสมาธิสั้นได้ดีขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ ต้องยอมรับว่าสังคมปัจจุบันยังเข้าใจผิดกับโรคๆนี้กันอยู่มาก คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องทำความเข้าใจและยอมรับสมองของพวกเค้า ว่าบางครั้งการเลี้ยงดูแบบเด็กทั่วไปจะใช้ไม่ได้ผล ในหนังสือจะมีกิจกกรรมบำบัดในการที่จะช่วยดึงแต่สิ่งดีๆของพวกเค้าออกมาให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตุร่างกายเวลาโมโห การวาดรูปเพื่อตอบสนองถึงจินตนาการอันรวดเร็วของพวกเค้า และโรคนี้จริงๆแล้วการใช้ยาอาจจะไม่ใช่การรักษาที่แท้จริง ยาทำได้แค่ลดอาการ การรักษาที่แท้จริงคือความเข้าใจของพ่อแม่ที่มีต่อลูก และการทำจิตบำบัดหรือกิจกรรมบำบัด ถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจหนังสือเล่มนี้เพื่อค้นคว้ารายละเอียดเพิ่มเติม ผมอยากเป็นส่วนนึงของพ่อที่มีลูกมี ADHD อยากจะเชิญชวนเพื่อนๆเข้าไปหามาอ่านดูได้จากลิงค์ ADHD และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะทำให้เพื่อนๆที่ ทำหน้าที่พ่อกับแม่เข้าใจภาวะโรคนี้มากขึ้นกว่าเดิมครับ แล้วพบกันใหม่ครับ…………