เมื่อ COVID-19 แพร่ระบาด ทริปต่างประเทศของเราก็ชะงักไป แม้จะวางแผนไว้ข้ามปี เรากับเพื่อนก็คุยกันว่าอย่าเสี่ยงจะดีกว่า โควิดยับยั้งการไปต่างประเทศของพวกเราได้ แต่จะห้ามเราเที่ยวนั้นอย่าหวังเลย ว่าแล้วเราก็แพลนทริปท่องเที่ยว ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ฯ สามารถขับรถไปเองได้โดยไม่ต้องนั่งเครื่องบิน แถมได้บรรยากาศสบาย ๆ ชิล ๆ เหมือนไปฤดูใบไม้ผลิที่ญี่ปุ่น ที่พวกเราใฝ่ฝันกันไว้ และสถานที่ที่พวกเราเลือกกันก็คือ อุทยานหินเขางู จังหวัดราชบุรี (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) การเดินทางมาอุทยานหินแห่งนี้ง่ายมาก ขับรถจากกรุงเทพ ฯ มาเพียง 2 ชั่วโมง ผ่านทางหลวงหมายเลข 3087 อยู่ห่างจากตัวเมืองราชบุรีเพียง 8 กิโลเมตร อุทยานหินแห่งนี้เดิมเป็นเหมืองหินปูนมาก่อน เป็นแหล่งระเบิดและย่อยหินที่สำคัญของไทยตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ ต่อมาภาครัฐและชาวบ้านเห็นความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม และเห็นถึงความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ ที่เป็นทั้งเหมืองหินปูนเก่า เป็นแหล่งโบราณสถานตั้งแต่สมัยทวารวดี และหินที่นี่ยังเป็นหินที่มีอายุเก่าแก่ระดับ 200 - 300 ล้านปี จึงได้ช่วยกันพัฒนามาเป็นแห่งท่องเที่ยว เรามาช่วงเย็น ๆ อากาศเย็นกำลังดี มีลมพัดเรื่อย ๆ สบาย ๆ สะดุดใจตั้งแต่ลานจอดรถที่กว้างขวางใหญ่โต จากที่เสิร์ชดูก็ไม่มีอะไรนอกจากถ่ายรูปสวย ก็เกิดสนใจขึ้นมาทันทีว่า ที่นี่คนมาเที่ยวเยอะขนาดนั้นเลยหรอ พอเดินเข้าไป แค่เห็นเขาและสะพานวับ ๆ แวม ๆ ก็แอบหลงรักเลย วิวแบบนี้มีในไทยด้วย (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) เดินเข้าไปอีก ก็เห็นเรือถีบหลากสีสัน เรียงรายคอยให้บริการ แถมราคาก็เป็นมิตรมาก ๆ ผู้ใหญ่เพียง 20 บาท เด็ก 10 บาท ในเวลา 20 นาที จะรอช้าอยู่ใย ไปถีบเรือชิล ๆ กลางน้ำกันก่อนเลยดีกว่า (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) บึงนี่กว้างใหญ่พอสมควรเลย น้ำใสมาก ปลาเยอะมาก แถมมีลมพัดเย็น ๆ ตลอดเลย ถีบเรือไปใจก็รู้สึกอิสระ ความเหนื่อย ความเครียด ความกังวล หายไปเป็นปลิดทิ้ง (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) เมื่อถีบเรือให้อาหารปลาจนพอใจแล้ว เราก็มาขึ้นบกแล้วเดินไปต่อที่สะพานข้ามบึง ที่โดดเด่น งดงาม สะพานสีครีม - เลือดหมู ช่างตัดกับทัศนียภาพของเขางู เขาสีขาว ต้นไม้สีเขียว และน้ำใส ๆ มากเลย (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) เมื่อข้ามสะพานมา ก็เดินตามทางไปต่อได้เรื่อย ๆ เลย มีม้านั่งให้นั่งพักผ่อน ชมวิว เป็นระยะ ๆ หรือใครจะเดินไปเรื่อย ๆ ถ่ายรูปเล่น ออกกำลังกาย จูงน้องหมามาเที่ยว ก็ทำได้หมดเลย สะพานที่ทอดยาว กว้างขวาง และลมที่พัดโชยตลอดเวลาช่วยบำบัดใจเราได้มาก ๆ อ่อ เราไม่ได้เดินไปจนสุดทางหรอกนะ อยู่แค่ต้น ๆ ใช้ชีวิต slow life ไป ก็เลยไม่รู้ว่าทางมันไกลแค่ไหน และควรเดินไหม (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) เดินเล่น นั่งเล่น สูดอากาศ ถ่ายรูป จนหนำใจ ฟ้าเริ่มมืด เป็นสัญญาณให้เรากลับได้แล้วล่ะ ถ้าหิวอยากทานข้าวเย็นทท่ามกลางวิวหลักล้าน ก็นั่งทานข้าวที่ร้าน "ไหน" ด้านหน้าได้ด้วย มีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และกาแฟสด เครื่องดื่มต่าง ๆ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) อ้อ ลืมบอกกติกาของที่แห่งนี้ ที่นี่เข้าชมได้ฟรี แต่ห้ามลงเล่นน้ำ ห้ามจับสัตว์น้ำ และห้ามให้อาหารลิง ที่นี่ลิงเยอะมากจริง ๆ นะ แต่ยังดูเป็นลิงที่มีมารยาท (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) นอกจากจะพักผ่อนกับธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งพุทธสถานเก่าแก่ที่มีองค์พระให้สักการะมากมายเลย หรือถ้าสะดวกสุดและเป็นทางผ่านอยู่แล้ว ก็ตรงริมถนน ฝั่งทางเข้าเลย มีองค์พระประทับยืน สีทอง ตัดกับสีเทาของเขาอย่างงดงาม (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) มาพักผ่อน รีเฟรช กายและใจ ที่อุทยานหินเขางู ตำบลพลับพลา จังหวัดราชบุรี กัน ที่นี่เปิดทุกวัน ไม่มีค่าเข้าบริการ เหมาะทั้งมากับกลุ่มเพื่อนฝูง หรือพาครอบครัวมาพักผ่อนก็ย่อมได้ ช่วงเวลาที่เราอยากแนะนำให้มาคือ ช่วงเช้า กับช่วงเย็น ที่อากาศเย็น ๆ แดดไม่ร้อน แต่ถ้ามาช่วงแดด ๆ ก็จะถ่ายรูปสวยมากเลยแหละ เลือกได้ตามชอบใจเลยจ้า แม้ COVID จะระบาด แต่อย่าให้ความสุขขาดหายไปจากใจเรานะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกันค่ะ