อื่นๆ
ความรักและความห่วงหาครั้งสุดท้าย
.jpg)
cr: รูปหน้าปก : https://pixnio.com/people/male-men/black-and-white-grandfather-people-hat-man-portrait-elderly-monochrome
ความรักของพ่อแม่เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์
แม้คนบนโลกนี้จะใจร้ายขึ้นมาก พ่อแม่บางคนอาจทำร้ายลูกของตนเอง แต่ก็ยังมีพ่อแม่อีกหลายท่านที่ดูแล และโอบกอดลูกของพวกเขาด้วยความรักที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง ฉันรู้ดีเพราะพ่อแม่ดูแลฉันมาเช่นนั้น และฉันเชื่อว่าตายายของฉันก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน แม้ฉันจะไม่ค่อยได้พบพวกท่านตอนที่พวกท่านยังมีชีวิตมากเท่าใดนัก แต่สิ่งที่พวกท่านทำเป็นครั้งสุดท้ายตอนที่พวกท่านจากไปแล้ว ทำให้ฉันเข้าใจดีว่าพวกท่านรักและเป็นห่วงแม่ของฉันมากเพียงใด ..
"คุณตา"
บ้านเกิดของแม่ฉันอยู่ต่างจังหวัด ตายายและพี่น้องของแม่ประมาณคนสองคนก็อยู่ต่างจังหวัดเพื่อดูแลตายาย แต่ครอบครัวของฉันอยู่กันที่ปริมณฑล ฉันเติบโตมาก็เห็นแต่ฝุ่นควันในเมืองอุตสาหกรรมเช่นนี้แล้ว นาน ๆ ทีพ่อแม่จึงจะพาฉันกลับไปที่ต่างจังหวัด ฉันแทบจำหน้าตาของคุณตาไม่ได้ เพราะท่านเสียตั้งแต่ฉันยังเด็กมาก และฉันเองก็ได้พบท่านน้อยครั้งมาก ๆ
Advertisement
Advertisement
ฉันจำได้ว่าคุณตาท่านเสียตั้งแต่ตอนที่ฉันอายุเพียง 4-5 ขวบ ฉันจำเรื่องราวอะไรไม่ค่อยได้นัก เพราะฉันยังเด็กมาก ฉันจำได้เพียงว่าพวกเราเดินทางกลับไปต่างจังหวัดเพื่อร่วมพิธีงานศพในคืนก่อนเผาและวันเผา ฉันจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าสิ่งที่ฉันทำก็เป็นเพียงแค่การจับกลุ่มเล่นกับพี่ ๆ ที่อายุมากกว่าตามประสาเด็ก ๆ ไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมใด ๆ ในการเตรียมพิธีมากนัก จนเมื่อพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้น ครอบครัวของฉันก็เดินทางกลับบ้านของตนเองในปริมณฑล แม่ของฉันยังคงร้องไห้อยู่ในบางครั้ง แต่พอผ่านไปสองสามวันแม่ก็เริ่มเข้มแข็งขึ้น อาจเพราะท่านได้กลับมาทำงาน กลับมาใช้ชีวิตอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อดูแลฉันกับพี่ชายต่อไป จึงทำให้แม่ไม่มีเวลาเสียใจมากเท่าใดนัก นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี ฉันจำได้ว่าฉันรู้สึกแย่และเป็นกังวลมากตอนที่รู้ว่าแม่ยังคงเสียใจอยู่มาก และดูเหมือนว่าคุณตาเองก็กังวลเช่นกัน ...
Advertisement
Advertisement
ในคืนวันหนึ่งที่พวกเราพ่อแม่และฉันนอนรวมกันที่ชั้น 1 ของบ้าน โดยนอนบนเสื่อ ในตอนเด็กฉันยังนอนคนเดียวไม่เป็น จึงนอนรวมกับพ่อแม่อยู่ และยังไม่กล้าเข้าห้องน้ำคนเดียวเสียด้วยซ้ำ แหม .. ก็ทางมันมืดนี่นา ...
และแล้วก็เจ้ากรรมเอ๊ย กลางดึกวันนั้นฉันดันปวดปัสสาวะขึ้นมา ฉันงัวเงียขึ้นมานั่ง สะกิดหลังพ่อที่นอนด้านซ้ายของฉันเบา ๆ เพื่อให้ท่านพาฉันไปเข้าห้องน้ำ แต่ท่านก็ไม่ยอมตื่น ฉันเริ่มหายงัวเงีย หันหน้าและตัวไปฝั่งพ่ออย่างเต็มตัวเพื่อจะสะกิดท่านให้แรงขึ้น ฝั่งที่ฉันหันหน้าไปหาพ่อนั้นมีทีวีขนาดพอดี ๆ ตั้งอยู่บนโต๊ะ ข้างหลังทีวีจะเป็นส่วนของห้องน้ำและห้องครัว ยังไม่ทันที่ฉันจะสะกิดพ่ออย่างเต็มแรง ดวงตาของฉันก็สะดุดกับเงาอะไรบางอย่างท่ามกลางความมืด แม้เวลานั้นจะมืดมากจนไม่ควรเห็นอะไร แต่ฉันสาบาน ณ ตรงนี้ว่าตอนนั้นฉันเห็นเงาบางอย่างที่มืดดำกว่าความมืด เงาที่เหมือนรูปร่างคนกำลงเดินไปมาข้างหลังทีวีนั่น ......... เงานั้นเดินผ่านจากฝั่งซ้ายไปกำแพงฝั่งขวา และเดินวนกลับมาจากฝั่งขวามากำแพงฝั่งซ้าย ฉันนั่งนิ่งเห็นเงานั้นเดินอยู่รอบสองรอบ ก็ค่อย ๆ ถดตัวกลับไปนอนก่อนด้วยความกลัว .. และพยายามสะกิดพ่ออย่างแรง ๆ หลาย ๆ ครั้ง แต่ท่านก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมาเลย ฉันนอนมองเงานั้นอยู่เนิ่นนาน แม้จะกลัว แต่ฉันก็ปวดปัสสาวะมากจริง ๆ นะ ... แต่เงานั้นไม่มีทีท่าจะหายไปเลย ฉันพลิกตัวกลับไปช้า ๆ เพื่อสะกิดแม่ดู แต่แม่ก็ไม่ตื่นเช่นกัน สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจนอนคลุมโปงและอั้นปัสสาวะไว้แทน ..........
Advertisement
Advertisement
จนกระทั่งเช้าที่พ่อมาปลุกฉันอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียนนั่นแหละ ฉันจึงจะได้ลุกขึ้นมาปัสสาวะเสียที .. ฉันไม่กล้าบอกใครในบ้านเลย เพราะส่วนหนึ่งฉันก็รู้สึกกลัวและขนลุกเกินกว่าจะเล่าเรื่องนี้ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่นั่นคือครั้งแรกที่ฉันสาบานได้เลยว่ามันเกิดขึ้นจริง ๆ และฉันเห็นจริง ๆ ประกอบกับระยะเวลาไทม์ไลน์ของชีวิต ฉันจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเงานั้นอาจจะเป็นคุณตาของฉันที่มาดูแม่ของฉันเป็นครั้งสุดท้าย ....
"คุณยาย"
หลายปีต่อมา คุณยายก็เสียด้วยความชรา ขณะนั้นฉันอายุประมาณ 10 ขวบต้น ๆ และยังคงนอนกับพ่อแม่อยู่เช่นเดิม
ฉันเติบโตมากขึ้น และค่อนข้างจำเรื่องราว ณ ขณะนั้นได้ชัดกว่าตอนที่คุณตาเสียชีวิต แม่ของฉันตั้งใจจะไปเยี่ยมคุณยายที่ป่วย แต่ยังไม่ทันที่รถจะออกจากเขตบ้านตนเอง พี่น้องที่ต่างจังหวัดก็โทรมาหาแม่ของฉันว่าคุณยายเสียชีวิตแล้ว .. จากการไปเยี่ยมคนป่วย จึงกลายเป็นการไปร่วมทำพิธีงานศพ ทุกอย่างกะทันหันไปเสียหมด แม่กลับไปเก็บเสื้อผ้าและข้าวของต่าง ๆ เพื่อจะไปนอนค้างที่ต่างจังหวัดเลย จะได้ช่วยจัดเตรียมพิธีต่าง ๆ ส่วนฉันกับพ่อจะไปเพียงแค่วันนี้ และค่อยกลับไปร่วมพิธีในวันเผาอีกที ฉันร่วมพิธีต่าง ๆ และช่วยสิ่ง ๆ ต่าง ๆ ตามเท่าที่จะสามารถทำได้ตามปกติ
เมื่อพิธีเสร็จสิ้นทุกอย่าง แม่ก็กลับบ้านมาพร้อมกับพวกเรา และเช่นเดิม แม่ของฉันเสียใจและร้องไห้อยู่บ่อยครั้งในวันสองวันแรก จากนั้นท่านจึงเริ่มเข้มแข็งเช่นเดิม ส่วนฉันนั้น .. ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านนี้ ฉันก็นอนกลัวว่าจะเห็นเงามืดเช่นเดิม .. ฉันเลือกที่จะไม่หันหน้าไปทางทีวีเลยในช่วงวันสองวันแรก เพราะกลัวลืมตาขึ้นมาแล้วอาจจะเห็นจริง ๆ ส่วนมากจึงมักนอนหันไปอีกด้านหนึ่งที่เป็นด้านของหน้าต่าง มองออกไปจะเป็นโซนหน้าบ้าน มันทำให้ฉันสบายใจกว่าการมองในความมืด .. ซะที่ไหนหละ .......................... ในคืนหนึ่งที่ฉันตื่นมากลางดึกเพื่อจะเข้าห้องน้ำ ครั้งนี้ฉันโตพอจะไปเองได้แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป เพราะเห็นเช่นเดิม .. เงามืดที่เดินวนไปวนมาอยู่ใกล้ ๆ หน้าต่าง ครั้งนี้เห็นชัดกว่าเดิมเสียอีก เพราะข้างนอกสว่างกว่าในบ้านของฉัน แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ทนมองอีกต่อไป ฉันรีบคลุมโปงและอั้นปัสสาวะไว้เช่นนั้นจนกว่าจะเช้าเช่นเดิม
รุ่งเช้า ทุกอย่างปกติ ชีวิตดำเนินต่อไป พ่อปลุกฉันไปเรียน พ่อไปส่งแม่ทำงานและส่งฉันไปโรงเรียน และพ่อไปทำงาน เช่นนี้วนลูปไปมา ฉันไม่ปริปากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนอกจากพี่ชาย ฉันไม่กล้าเล่าให้พ่อและแม่ฟังมากเท่าใดนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันกลัวว่าพวกท่านอาจไม่เชือ่ และอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันกลัวแม่รู้แล้วจะดำดิ่งไปกับช่วงเวลาแห่งการจากลานั้นอีกครั้ง
ฉันจึงได้แต่จดจำเรื่องราวนี้ไว้กับตนเอง ฉันมั่นใจว่าเงาสองเงานั้นเป็นเงาของความรักและความห่วงหาของคุณตาคุณยายที่มาดูแลแม่ฉันเป็นครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่เคยพบเงาใด ๆ ในบ้านอีกเลย
----------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น
