รู้รึเปล่า ว่าการเซลฟี่ไม่ได้ทำได้เพียงแค่การยกกล้องมือถือขึ้นมุมสูง หรือวางกล้องลงมุมต่ำถ่ายหน้าตัวเองเพียงเท่านั้น แต่เรายังสามารถนำกล้องมือถือของเราไปวางไปบนวัตถุต่างๆ โดยรอบบริเวณของสถานที่แห่งนั้นเพื่อจะหามุมมองแปลกๆ ใหม่ๆ ให้กับรูปถ่ายของเราเอง เหมือนกับรูปปกของบทความนี้ ในเนื้อหาของบทความนี้ผู้เขียนจะลองยกตัวอย่างรูปภาพ และบอกเล่าถึงวิธีการวางกล้องมือถือว่ามีวิธีการจัดวางอย่างไร พิงกับวัตถุหรือวางบนอุปกรณ์อะไรโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้เซลฟี่แต่อย่างใดอาศัยเพียงแค่ วัตถุหรือสิ่งของที่อยู่โดยรอบของบริเวณนั้นเพื่อเปลี่ยนองค์ประกอบของรูปเซลฟี่ของคุณให้มัน ว้าวมากขึ้นจากการถ่ายเซลฟี่ด้วยตัวเอง ว้าวชนิดที่ว่าเพื่อนของคุณในโลกโซเชียลต้องคอมเม้นท์ถามว่า ใครถ่ายให้เนี่ยะ ไปกับใครแล้วเราก็ตอบ เก๋ เก๋ กลับไปว่าถ่ายด้วยตัวเอง ตั้งกล้องเอง อะไรอย่างเนี่ยะ รูปที่ 1 กระโดดขาลอยไปคนเดียวก็ถ่ายได้ รูปนี้ถ่ายที่บึงหนองหาร จังหวัดสกลนคร แน่นอนครับว่าการออกไปวิ่งออกกำลังกายแบบนี้เราคงไม่พกไม้เซลฟี่คงไปให้เกะกะตัวรำคาญใจอย่างแน่นอน แล้วในช่วงจังหวะที่กำลังวิ่งเพลินๆ อยู่นั้นแสงตะวันแห่งอรุณรุ่งที่หนองหารก็เริ่มฉายแสง เอาละสิเราก็อยากได้รูปสวย ๆ ที่มีตัวเองแทรกเข้าไปอยู่ในฉากทิวทัศน์ของบึงแห่งนี้จะทำยังไงดี ฉับพลันทันใดนั้นตามเลนถนนของการวิ่งก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตกแต่งทำเป็นเนินดินเรียบไปตามริมขอบสระของบึงหนองหารแห่งนี้ และต้นมะพร้าวปลูกเรียงรายไว้บนเนินนั้นเป็นทิวแถวไปไอเดียการถ่ายเซลฟี่ก็เลยบังเกิด How to รูปอรุณรุ่งที่หนองหาร คือ วางโทรศัพท์พิงไว้กับโคนต้นมะพร้าว จัดการเปิดโทรศัพท์เปลี่ยนมาใช้โหมดกล้องหน้าและตั้งเวลาไว้ที่ 10 วินาที แล้วไปยืนรอสวยๆ เพื่อถ่ายเซลฟี่ประกอบฉากของบึงแห่งนี้ เมื่อเลขบอกเวลาเดินถอยหลังมาถึงวินาที ที่ 1 ก็ย่อตัวแล้วกระโดดขึ้นไปเก๊กท่าสวยๆ ถ่ายครั้งเดียวผ่านเลยเหรอ เป็นไปไม่ได้แน่นอน ภาพนี้ต้องกระโดดอยู่ถึง 4 รอบ กว่าจะได้ภาพนี้ออกมาครับอย่างเป็นที่น่าพึงพอใจ ขอบคุณโคนต้นมะพร้าวต้นนั้้นด้วย รูปที่ 2 ยืนตัวเอียงในร้านหนังสือ ก็อยากมีภาพที่ดูเป็นคนใฝ่รู้ดูเป็นเด็กเรียนเข้าไปยืนในร้านหนังสือกับเค้าบ้างเหมือนกัน แต่จะนั่งกับพื้นทำท่าอ่านหนังสือแล้วถ่ายมันก็จะดูเบสิคเกินไปใครๆ ก็ทำได้เลยลองมองกวาดสายตาแลซ้ายมองขวาไปมาก็ได้พบเจอที่พึ่งพิงของโทรศัพท์เราจนได้ เลยได้ภาพเท่ห์ๆ มุมเอียงๆ แบบนี้ออกมาให้ผู้คนเพื่อนฝูงได้ถามไถ่กันเข้ามาว่า ใครถ่าย? ถ่ายยังไง? ไปกับใคร? How to รูปยืนตัวเอียงดูใฝ่รู้หน้าแผงหนังสือ คือ วางโทรศัพท์ ไว้บนชั้นวางหนังสือแต่ต้องหันหลังเครื่องโทรศัพท์เพื่อวางพิงไว้กับสันขอบของหนังสือและเปิดกล้องตั้งจับเวลาไว้เช่นเดิม 10 วินาทีแล้วเดินไปยืนเอียงๆ เท่ห์ๆ เหล่สายตามองมาที่จอโทรศัพท์เพื่อจัดท่าทางให้สวยงามเมื่อเวลาเดินไปจนถึงเลข 0 มีเสียงดัง แชะ เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์มาลองเลื่อนตรวจสอบภาพกันหน่อยเพื่อความพึงพอใจ ถ้ายังไม่เข้าท่าภาพยังไม่สวยโดนใจ ก็ถ่ายซ้ำๆ วนไปจนกว่าพนักงานในร้านจะมายืนมองหน้าละกัน รูปที่ 3 เดินราวกับซุปตาร์ที่สนามกีฬา ไปออกกำลังกายก็อยากมีภาพแบบสมาร์ท สปอร์ตดูแข็งแรงกับเค้าบ้างจะยกกล้องถ่ายหน้า ถ่ายตัวเองสะท้อนกระจกนั้นใครๆ เค้าก็ทำกันเบสิคมากอีกแล้วลองมาหาทางเปลี่ยนมุมบ้างดีกว่าภาพที่ออกมาจะได้ ดูเท่ห์ดูน่าสนใจมากขึ้นไปกว่าเดิม How to ถ่ายให้รู้ว่ามาออกกำลังกาย คือ ในช่วงที่หยุดวิ่งเพื่อเดินพักผ่อนอยู่ที่บริเวณจุดพักของสายปั่นทั้งหลาย เป็นช่วงเวลาเดียวกับทิศทางของแสงแดดได้สาดส่องเข้ามาปะทะโดนตรงแกนกลางลำตัว แสงเข้มจัดจ้านร้อนแรงกำลังดี เลยจัดการเปิดกล้องมือถือขึ้นมาเอาไปวางพิงไว้กับวงล้อของจักรยานที่จอดพักอยู่บริเวณนั้นแล้ว เปิดกล้องตั้งเวลาทิ้งไว้เช่นเดิม 10 วินาที เพื่อพอให้มีเวลาวิ่งย้อนกลับไปแล้วเดินกลับมาแบบเท่ห์ๆ อย่างช้าๆ จังหวะนี้พยายามระมัดระวังเรื่องสายตานะครับอย่าเผลอก้มลงมามองที่หน้าจอโทรศัพท์กันเดี๋ยวภาพจะดูไม่เป็นธรรมชาติ วิธีการแบบนี้อย่าไปทำในที่ลับตาคนเด็ดขาดนะครับ อาจจะโดนเค้าแจ้งความจับข้อหาขโมยของวงล้อจักรยานก็เป็นได้ 555 รูปที่ 4 สถานีรถไฟดอนเมือง ไปสนามบินไงอยากถ่ายเซลฟี่ให้รู้ว่ามาถึงแล้วนะแต่ถ้าวิวหรือองค์ประกอบบริเวณโดยรอบนั้นเป็นภาพเดิมๆ มุมเดิมๆ ที่ใครเค้าก็ถ่ายกันมันจะไปดูโดดเด่นชวนให้คลางแคลงใจสงสัยกันได้อย่างไรเลยตัดสินใจเดินข้ามสะพานลอยที่เชื่อมต่อกับสนามบินเพื่อไปยังสถานนีรถไฟดอนเมือง ถึงที่หมายแล้วก็จัดแจงเดินหามุมมองใหม่ๆให้กับเพื่อนๆ ในโลกโซเชียลของเรากันบ้างแล้วก็ได้พบเจอจนได้มุมที่จะทำให้โลกได้รู้ว่าเรามาถึงแล้วนะ ดอนเมือง How to ถ่ายให้รู้ว่ามาถึงแล้ว ดอนเมือง คือ ยืนอยู่สักพักกวาดสายตาไปมาเพื่อมองหาจุดสำหรับวางโทรศัพท์ที่เก็บบันทึกภาพของกิจกรรมในวันนี้เอาไว้ เลยได้เล็งเห็นจุดที่เหมาะสมมากในบริเวณนี้สถานที่ตรงนั้นคือกำแพงกั้นระหว่างถนนกับสถานีรถไฟ ว่าแล้วก็ค่อยๆ บรรจงเอาโทรศัพท์ไปวางพิงไว้กับขอบกำแพงแห่งนั้นแล้วกลับมายืนแอ็คท่าถ่ายรูปอยู่ตรงป้าย ดอนเมือง รูปนี้เทคเดียวผ่าน รูปที่ 5 ถ่ายรูปตอนวิ่งเท้าต้องลอย อยากมีภาพเท่ห์ๆ แบบนักกีฬาเค้าบ้างแต่ไม่มีตากล้องส่วนตัว อุปกรณ์ก็ไม่ได้พกพามาด้วยแต่อารมณ์มันกำลังได้องค์ประกอบก็ให้ แต่จะให้มาถ่ายรูปขณะตอนวิ่งจากานข้าง ด้านหน้า หรือแม้แต่ยกกล้องขึ้นมาเซลฟี่ก็ไม่โดนใจอยากถ่ายเซลฟี่จากด้านหลังตอนวิ่งให้เท้าลอยบ้างทำยังไงดีล่ะ มันช่างเป็นความท้าทาย How to ถ่ายด้านหลังตอนวิ่งให้เท้าลอย อยากโชว์ฝ่าเท้าสีดำ คือ ภาพนี้บันทึกไว้โดยการตั้งโทรศัพท์ พิงไว้กับเสาไฟส่องสว่างริมทางที่ตั้งอยู่บนทางฟุตบาทนั่นเองแล้วจัดแจงวางกล้องให้เอียงขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้เก็บภาพฝ่าเท้าที่แสนสวยงามของเราในช่วงที่กำลังล่องลอยเหนือพื้นดิน ภาพนี้ต่องถ่ายทำไปเป็นจำนวน 3 รอบเพื่อได้ภาพนี้ที่น่าพึงพอใจ รูปที่ 6 ใจกลางเมืองไปคนเดียวจะถ่ายยังไงล่ะ จำได้แม่นว่าในเช้าวันจันทร์ที่แสนจะเร่งรีบนั้นมีผู้คนที่เริ่มทยอยออกเดินทางสัญจรไปมาเพื่อจะไปดำเนินชีวิตประจำวันกันตามปกติ ความคิดในตอนนั้นก็แค่อยากจะได้รูปภาพยืนเท่ห์ๆ ใจกลางสี่แยกอโศกที่การจราจรขวักไขว่ แต่ใจยังไม่ถึงพอที่จะไปยืนอยู่บนถนนจริงๆ เพราะเกรงจะไปขัดขวางและก่อให้เกิดอันตรายกับตัวเองและผู้ที่ใช้ถนนร่วมกัน เลยขยับมายืนถ่ายแบบเท่ห์ๆและปลอดภัยบนฟุตบาทแทน How to เซลฟี่กลางสี่แยกที่แสนวุ่นวาย แต่ไม่ค่อยขยับ คือ ภาพนี้ได้มาโดยการตั้งกล้องมือถือไว้กับป้ายบอกชื่อของแยกอโศกที่อยู่ตรงถนนนั่นเอง โดยการนำโทรศัพท์มือถือมาวางพิงไว้กับเสาป้ายและจัดแจงเปิดกล้องตั้งเวลาทิ้งไว้เท่าเดิมที่ 10 วินาทีกดชัตเตอร์แล้วเดินล้วงกระเป๋าไปยืนทำหน้าเหนื่อย ๆ อยู่ริมฟุตบาทของสี่แยกอันขึ้นชื่อเรื่องการใช้เวลาที่สิ้นเปลืองที่สุดแห่งนี้ แยกอโศก รูปที่ 7 เซลฟี่ในรถเปลี่ยนมุมกันบ้างได้ไหม เห็นแต่ถ่ายกับพวงมาลัยบ้าง ถ่ายจากด้านข้าง เบื่อเนอะแต่พื้นที่ในรถเราก็จำกัดซ่ะเหลือเกินแล้วจะวางโทรศัพท์ถ่ายรูปตรงไหนมุมไหนดีเพื่อให้ภาพที่ออกมานั้นดูแตกต่างไปจากเดิม How to นั่งในรถถ่ายรูป คือ ภาพนี้ มุมนี้ ได้มาด้วยการหยิบเอาโทรศัพท์มือถือไปวางไว้ด้านบนคอนโซลรถมุมซ้ายสุดวางให้ชิดไปกับกระจกหน้าของรถยนต์ตั้งเวลาไว้เรียบร้อยก็ถอยตัวเองกลับมานั่งประจำตำแหน่งคนขับแล้วตะโกนออกไปว่า ชีสสสสส เพื่อให้กล้องเริ่มทำงานนับเวลาถอยหลังไป รับรองได้เลยการถ่ายเซลฟี่ในรถของคุณก็จะมีสีสันและมุมมองที่แปลกใหม่มากขึ้นไปกว่าเดิม รูปที่ 8 จับน้องหมามาถ่ายเซลฟี่ ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ใช่สุนัขของผู้เขียนนะครับแค่เวลาวิ่งผ่านหน้าบ้านหลังนี้ น้องมักจะออกมาต้อนรับทักทายกันเป็นประจำบางทีก็วิ่งร่วมทางมาด้วยกันดูท่าว่าน้องเค้าคงต้องชอบเราแน่ๆ เลยชวนมาเซลฟี่กันซ่ะหน่อย How to ถ่ายเซลฟี่กับน้องหมา คือ ระหว่างที่น้องหมาวิ่งตามเรามาบนถนนนั้นเป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่แสงตะวันเริ่มโผล่ขึ้นมาที่เส้นขอบฟ้าแสงและสีนั้นสวยบาดตาเลยทีเดียว เลยจัดแจงหยิบก้อนหินขึ้นมาหนึ่งก้อนเพื่อใช้เป็นที่สำหรับวางโทรศัพท์มือถือพิงไว้ กดตั้งเวลาเอาไว้และรีบวิ่งไปจับน้องหมามาเต้นรำภายใต้แสงตะวันที่สาดส่องมารอนๆ รูปนี้จำเป็นอย่างมากที่จะต้องถ่ายให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ที่สุดด้วยการลั่นชัตเตอร์เพียงแค่ครั้งเดียว เพราะไม่รู้ว่าถ้าต้องถ่ายซ้ำอีกรอบน้องจะยอมเข้ากล้องด้วยอีกรึเปล่า ไม่อยากรบกวนน้องหลายรอบเพราะเขี้ยวน้องคมมาก พอได้ไอเดียกันบ้างมั้ยครับกับ 8 วีธีการถ่ายเซลฟี่ที่ยกมาเป็นตัวอย่างพร้อมกับ How to ประกอบ อาจจะพอเป็นไอเดียให้ผู้อ่านได้ลองค้นหามุมมองใหม่ๆ ในการถ่ายเซลฟี่เพื่อให้ได้ภาพที่แตกต่างออกไปนะครับ จะได้มาช่วยกันเติมสีสันสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการเซลฟี่ของพวกเราบ้าง ลองไปมองหามุมสำหรับการวางกล้องกันดู แต่อย่าลืมประเมินความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยกันด้วยนะครับเดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสียเอา ขอให้เซลฟี่กันอย่างสร้างสรรค์และมีความสุขนะครับคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านCr :: ภาพปก และ ภาพประกอบบทความทั้งหมด ถ่ายโดยผู้เขียน