ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าทั้งแบบใต้ดินและบนฟ้าต่างช่วยให้ไปถึงจุดท่องเที่ยวบริเวณปริมณฑลกรุงเทพฯ ง่ายขึ้น รวมถึงการเชื่อมต่อไปยังจังหวัดใกล้เคียง ในวันที่มีเวลาไม่มาก ได้วันหยุดสั้น ๆ การซื้อบัตรโดยสารเพื่อแวะท่องเที่ยวตามสถานีต่าง ๆ ของขนส่งสาธารณะประเภทบนฟ้าและใต้ดิน จึงกลายเป็นกิจวัตรสำหรับฉันไปแล้ว ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าทั้งแบบใต้ดินและบนฟ้าต่างช่วยให้ไปถึงจุดท่องเที่ยวบริเวณปริมณฑลกรุงเทพฯ ง่ายขึ้น รวมถึงการเชื่อมต่อไปยังจังหวัดใกล้เคียง ในวันที่มีเวลาไม่มาก ได้วันหยุดสั้น ๆ การซื้อบัตรโดยสารเพื่อแวะท่องเที่ยวตามสถานีต่าง ๆ ของขนส่งสาธารณะประเภทบนฟ้าและใต้ดิน จึงกลายเป็นกิจวัตรสำหรับฉันไปแล้ว จากสถานีทองหล่อถึงสถานีปากน้ำใช้เวลาประมาณ 20 นาที พอถึงสถานีปากน้ำ มีสองสิ่งที่ปะทะสายตาเบื้องหน้านั่นคือหอคอยที่ต้องบอกว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ ฉันเรียกว่า “ปากน้ำทาวเวอร์” รูปทรงคล้ายกับหอคอยแห่งอื่น ๆ มีแสงสีตอนกลางคืนดึงดูดใจ เวลากลางวัน หอคอยเผยให้เห็นทัศนียภาพร่วมกันระหว่างความเป็นเมืองเก่ากับสิ่งใหม่ที่เอาไว้สำหรับให้ผู้คนขึ้นไปเฝ้ามอง เพื่อชมทัศนียภาพมุมสูงของเมืองปากน้ำทั้งฝั่งปากน้ำและฝั่งพระสมุทรเจดีย์ ส่วนยามค่ำคืนฉันอยากเรียกหอคอยว่าเป็น “ประภาคารเมือง” ที่บ่งบอกความสำคัญของเมืองที่เป็นจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำสายหลักหลายสายมาบรรจบกันกับทะเล สะท้อนอาชีพของชาวเรือชาวประมง และการเป็นเมืองท่าสำคัญอีกแห่ง หอนาฬิกา เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ตั้งอยู่คนละฝั่งกับหอคอยเมืองปากน้ำ รูปทรงลักษณะคล้ายกับนาฬิกาบิ๊กเบนที่อังกฤษ แต่ก็มีเอกลักษณ์การออกแบบเฉพาะตัว ทำให้นึกไปถึงเวลาต่าง ๆ ของเมืองปากน้ำ โดยเฉพาะความเป็นมา ทางด้านประวัติศาสตร์ ฝั่งเดียวกับหอนาฬิกาเป็นศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ บริเวณนี้คือศูนย์ราชการของเมืองนั่นเอง ภายในบริเวณพื้นที่ของศาลากลางจังหวัดมีวิหารพระพุทธชินราชมงคลปราการตั้งอยู่ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราช ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง มีขนาดหน้าตัก 60 นิ้ว ขอใช้ภาษาทั่วไปว่าองค์พระพุทธชินราชงดงามมาก ภายในวิหารมีภาพวาดฝาผนังตามขนบแบบไทย วิถีชีวิต และภาพวาดสัตว์ทางพระพุทธศาสนา ที่น่าสนใจคือด้านบนของประตูทางเข้ามาสักการะ เป็นภาพวาดแสดงความเปลี่ยนแปลงของเมืองปากน้ำ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาของรถไฟฟ้า นับเป็นความทันสมัยและนำความสมัยใหม่มาวาดไว้ภายในวิหารที่มีความเก่าแก่ เพื่อให้เห็นถึงการเชื่อมโยงจากอดีตจนถึงปัจจุบันว่าเมืองขับเคลื่อนกับมีการเปลี่ยนผ่านอย่างไรบ้าง สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือภาพวาดฝาผนังมีภาพของกระต่ายปรากฏอยู่ค่อนข้างจะมากกว่าภาพสัตว์ประเภทอื่น สันนิษฐานว่าไปเชื่อมโยงกับปีที่มีการเททองหล่อพระพุทธชินราชเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2506 ซึ่งตรงกับปีเถาะ จากสามจุดนี้ ฉันยังไปชมศาลหลักเมืองภายในบริเวณตลาดเมืองปากน้ำ เดินตลาดท้องถิ่น ยิ่งมีร้านค้ามากเท่าไหร่ยิ่งย้อนให้เห็นว่าเมืองปากน้ำแห่งนี้เป็นเมืองท่าที่มีความรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจ และยังเหลือร่องรอยเหล่านั้นอยู่ ในย่านนี้เต็มไปด้วยห้องแถว อาคารพาณิชย์ของคนท้องถิ่น มีห้างสรรพสินค้าของชุมชน ไม่มีห้างใหญ่ยี่ห้อดังจากเมืองหลวงปรากฏให้เห็น เมืองแต่ละแห่งมีการเปลี่ยนผ่านของตัวเอง ส่วนจะก้าวกระโดดแบบข้ามขั้นไหมนั่นอีกเรื่อง ฉันพิศมัยการท่องเที่ยวระยะสั้นแบบนี้ การหลงไปในกาลของอีกแห่งเพียงแค่ตีตั๋วรถไฟฟ้าบีทีเอส บางครั้งก็อยากให้เมืองรอบนอกถูกแช่แข็งไว้บ้าง เพื่อให้ได้มีเวลาซึมซับกับสิ่งดั้งเดิมแบบค่อยเป็นค่อยไป และได้กลับไปเยือนบ่อย ๆ เพื่อรับทราบถึงการเปลี่ยนแปลงแบบทีละนิด Story and Photo by Nonglak Butler