พระสมุทรเจดีย์ เป็นเสมือนสัญลักษณ์และภาพความทรงจำของหลายคน เมื่อพูดถึงจังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งเป็นศาสนสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนในพื้นที่ นับตั้งแต่การแรกเริ่มก่อสร้างตามพระราชบัญชาของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 จนถึงปัจจุบัน อายุนับ 192 ปี ผ่านการจัดงานนมัสการองค์พระเจดีย์มาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเคยผ่านมาการบูรณะมาแล้วหลายครั้ง เนื่องจากการเสื่อมสภาพ อันเนื่องมากจากไอความเค็มของทะเล ที่มาจากอ่าวไทยทางปากน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา และเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงพื้นที่อำเภอพระสมุทรเจดีย์ เพื่อประชุมร่วมทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร เขต1 ราชบุรี เทศบาลพระสมุทรเจดีย์ นายอำเภอพระสมุทรเจดีย์ รวมทั้งประชาชน ในการวางแผนการบูรณะองค์พระสมุทรเจดีย์ ซึ่งในเบื้องต้นได้ข้อสรุปในการดำเนินการ และการจัดสรรงบประมาณให้การบูรณะครั้งนี้ สำหรับแผนการดำเนินการ เท่าที่มีการพูดถึงกันนั้น จะมีในส่วนการบูรณะทาสีองค์พระสมุทรเจดีย์ ที่ในปัจจุบัน มีร่องรอยกระดำกระด่างตลอดองค์เจดีย์ ทำให้เกิดความไม่สง่างาม รวมทั้งวิหารหลวง ที่ได้สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และมีการสร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมวางของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาที่ 3 ประดิษฐาน ซึ่งมีจุดที่ชำรุด รวมทั้งอาคารทรงยุโรป ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชบัญชาให้สร้างขึ้นมา อีกทั้งยังมีจุดทรุดตัวข้างต้นโพธิลังกา ที่ถูกนำมาปลูกในช่วงวาระการฉลองพระพุทธศาสนาครบกึ่งพุทธกาล ทั้งนี้ นอกเหนือจากคำร้องเรียนในการให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลบูรณะจัดการต่อองค์พระสมุทรเจดีย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของพื้นที่นี้ ก็เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการดำเนินการ ประสานความร่วมมือต่าง ๆ ด้วยความรักและเคารพ ในโบราณสถานที่สำคัญของบ้านเกิด ผมได้มีโอกาส พูดคุยกับ นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ โฆษกคณะกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร เขต 7 อำเภอพระสมุทรเจดีย์และตำบลบางจาก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวให้ฟังว่า ประเด็นนี้เริ่มต้นจาก ส่วนตัวเห็นความไม่สวยงามขององค์พระสมุทรเจดีย์ ที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความร้อน ไอของทะเล ที่เป็นสิ่งที่ทำลายพื้นผิวต่างๆของโบราณสถานสำคัญแห่งนี้ และมีคำร้องเรียนจากประชาชน ที่ต้องการให้ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลโบราณสถาน เข้ามาปรับปรุงบูรณะให้เหมาะสม จึงเป็นโอกาสที่ดี ด้วยความที่ตนนั้น เป็นผู้แทนประชาชนในพื้นที่นี้ จึงได้ดำเนินการประสานงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง วางแผนงานร่วมกันให้เกิดความเหมาะสม และสามารถดำเนินงานให้ลุล่วงได้ ก่อนมีการประชุมในครั้งนี้ ( 15 มิ.ย.) ล่วงหน้า 3 วัน ตนกับเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากร เขต1 ราชบุรี เทศบาลพระสมุทรเจดีย์ ปลัดอำเภอพระสมุทรเจดีย์ มาตรวจสอบ วางแผน ดูแบบแปลน ในจุดต่าง ๆ ที่จะต้องมีการบูรณะ ซึ่งทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องและร่วมกันวางแผนการบูรณะอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน และยิ่งได้มีการประชุมร่วมในวันนี้ ยิ่งสามารถทำความเข้าใจกับประชาชน และแผนงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “จากการรายงานเบื้องต้นของเทศบาลพระสมุทรเจดีย์ และกรมศิลปากรนั้น เบื้องต้น เพื่อให้ทันกับงานเทศกาลนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์ ที่จะมาถึงในช่วงเดือนตุลาคม และแผนการบูรณะองค์พระสมุทรเจดีย์ รวมทั้งตัวอาคารทรงยุโรป วิหารหลวง ได้มีการประเมินงบประมาณเบื้องต้นแล้ว จะอยู่ในจำนวนประมาณ 38 ล้านบาท โดยทางคณะกรรมาธิการฯ จะนำเสนอเข้าบรรจุเป็นวาระ ในปีงบประมาณ ปี 2565-2566 ต่อไป และดิฉันเอง ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร และเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการ ขอขอบคุณกรรมาธิการทุกท่านที่ร่วมลงพื้นที่ ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เข้ามาดูแลการบูรณะครั้งนี้ และเห็นถึงปัญหา รวมทั้งความสำคัญขององค์พระสมุทรเจดีย์ของเรา เพราะโบราณสถานศาสนสถานแห่งนี้ เป็นศูนย์รวมจิตใจ และหนึ่งในสัญลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการ “ นอกจากนี้ ส.ส.ไพลิน ยังได้ฝากทิ้งท้ายผ่านผมอีกด้วยว่า อยากจะฝากถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และอธิบดีกรมศิลปากร ให้ได้จัดแผนบูรณาการ รวมทั้งงบประมาณในการดำเนินการต่าง ๆ ของอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ซึ่งอยากให้แผนงานการบูรณะองค์พระสมุทรเจดีย์ เป็นแผนแม่บทอันดับแรก ๆ เพื่อให้องค์พระสมุทรเจดีย์กลับมาสง่างามและเป็นสัญลักษณ์ที่เต็มภาคภูมิ รวมทั้งศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนทุกคน. เรื่องและภาพ โดย วรกร เข็มทองวงศ์