โรงพยาบาลเดียวในประเทศไทยที่บริหารแบบพิเศษ คือ เป็นองค์การมหาชน ไม่ได้ขึ้นตรงกับกระทรวงฯ มีบอร์ดบริหารของตัวเอง ที่มีตัวแทนประชาชน ตัวแทนกระทรวงและตัวแทนบุคลากรบริหารหมายความว่าการบริหารจะคล้ายเอกชนที่ไม่แสวงหา นั้นคือ"โรงพยาบาลบ้านแพ้ว"นั่นเอง โรงพยาบาลบ้านแพ้ว เริ่มก่อตั้งเมื่อพศ. 2508 เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียง ต่อมาเพิ่มเป็นขนาด 300 เตียง และขยายสาขาออกไปถึง 9แห่ง ถือว่ามีการพัฒนาอย่างเนื่องทุกยุคทุกสมัย ทุกผู้อำนวยการ เนื่องจากชุมชนชาวบ้านแพ้วมีทุนทางสังคมที่ดี ในด้านการมีส่วนร่วมและการพัฒนาที่น่าสนใจคือการลงทุนขยายโรงพยาบาลและสาขาออกไป แทบไม่ต้องพึ่งพางบลงทุนจากกระทรวงสาธารณะสุขเลย หลายคนคงคิดว่าโรงพยาบาลบ้านแพ้วก็เหมือนโรงพยาบาลทั่วไปแต่น้อยคนหนักที่จะรู้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้มีความแตกต่างจากโรงพยาบาลแห่งอื่นเพราะโรงพยาบาลแพ้วมีคำว่า"องค์การมหาชน"ต่อท้ายนั้นเอง โรงพยาบาลบ้านแพ้วเป็นองค์การมหาชนเมื่อธันวาคม พ.ศ 2554 กระทั่งได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งโรงพยาบาลบ้านแพ้ว(องค์การมหาชน)พ.ศ 2543 ในวันที่ 11 กันยายนพ.ศ 2543 ถือเป็นองค์การมหาชนแห่งแรกและได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ 1 ตุลาคม พ.ศ 2543 เป็นต้นมา แต่น่าประหลาดที่ความสำเร็จของโรงพยาบาลแห่งนี้ประสบความสำเร็จแต่กระทรวงสาธารณะสุขกลับไม่ยอม ปล่อยโรงพยาบาลในสังกัดเป็นอิสระอีกเลย โรงพยาบาลบ้านแพ้วสามารถทำทุกอย่างได้เองไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง สมมุติว่ามีบุคลากรไม่พอ โรงพยาบาลก็สามารถรับสมัครเพิ่มได้เลย อยากสร้างอะไรก็สร้างได้เลยไม่ต้องรอส่วนกลาง โรงพยาบาลบ้านแพ้วถือเป็นต้นแบบโรงพยาบาลนอกระบบให้กับหลาย ๆ โรงพยาบาลอีกด้วย โรงพยาบาลบ้านแพ้วมีโครงการผ่าตัดต้อกระจกเคลื่อนที่แก้ผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดาล ถือเป็นโครงการดี ๆ อีกโครงการหนึ่ง แถมยังมีชื่อเสียงด้านการรักษาโรคตาติดอันดับต้น ๆ ของโลก และได้มีการสร้าง "โรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว" โรงพยาบาลตาแห่งแรกของประเทศไทย ที่สร้างขึ้นจากพลังของประชาชน โรงพยาบาลแห่งนี้ดูแลคนทุกชนชั้น หลายชีวิตพ้นจากการตาบอดเพราะโรงพยาบาลแห่งนี้ โรงพยาบาลแห่งนี้ถือเป็นความภูมิใจให้กับคนชาวบ้านได้มีโรงพยาบาลดี ๆ แบบนี้ ถ้าประเทศไทยมีโรงพยาบาลแบบนี้เยอะคงจะดีไม่น้อย ปล. ช่วงนี้ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ไม่มีใครดูแลเราได้ดีกว่าตัวเราแล้ว