สวัสดีค่ะ เราเป็นนิสิตจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ตอนนี้อยู่ปี 3 แล้วค่ะ ซึ่งแต่ละเทอมของเราจะได้ไปออกทริปในที่ต่าง ๆ ในรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลาย เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย และวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์กันค่ะ โดยการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ เป็นการท่องเที่ยวเชิงคุณค่าที่ชุมชนนำวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์มานำเสนอผ่านการท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และทำกิจกรรมร่วมกับคนในชุมชน การท่องเที่ยวประเภทนี้จึงถือว่าเป็นการสร้างความผูกพันระหว่างคนในชุมชนกับนักท่องเที่ยว รวมถึงเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและประสบการณ์ระหว่างกันอีกด้วย ตอนที่เราเดินทางไปถึง “บ้านริมคลองโฮมสเตย์” หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์ คนในชุมชนให้การต้อนรับน่ารักมากค่ะ บรรยากาศเย็นสบายและอาหารก็อร่อยมากเลยค่ะ ซึ่งชุมชนนี้มีเอกลักษณ์คือวิถีชุมชนมะพร้าว ที่คนในชุมชนออกแบบกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์โดยใช้มะพร้าวเป็นสื่อ โดยมีปราชญ์ชาวบ้านถ่ายทอดเรื่องราวเพื่อมอบประสบการณ์ให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงบ้านริมคลองโฮมสเตย์ยังได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 20 ชุมชนสร้างสรรค์ของประเทศและเป็นต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง โดยกิจกรรมที่เราได้ไปเรียนรู้มีทั้งหมด 5 ฐาน คือ ฐานที่ 1 ฐานผ้ามัดย้อม เป็นสินค้าโอทอป สามารถนำมาทำเป็นกระเป๋า เสื้อ ผ้าพันคอในลวดลายที่แตกต่างกัน ซึ่งที่นี่มีสีที่ทำจากเปลือกมะพร้าว ใบเตย และอัญชันค่ะ อุปกรณ์ : ไม้ลายกังหัน ผ้าเส้นใยธรรมชาติ น้ำย้อม และหนังยาง วิธีทำ 1. เอาไม้ปักกึ่งกลางผ้าแล้วบิดหมุนเป็นเกลียวไปเรื่อย ๆ จนสุดปลายผ้า 2. จากนั้นเอาไม้ออก และนำหนังยางมามัดไขว้ผ้าที่ม้วนไว้ไม่ให้คลายออก 3. แล้วนำผ้าไปย้อมใช้ระยะเวลา 1 ชั่วโมง แล้วนำผ้ามาแกะ ล้าง และตาก ฐานที่ 2 ฐานพิพิธภัณฑ์มะพร้าว เป็นฐานที่ป้าเล็ก (ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์) เล่าถึงประวัติความเป็นมาของชุมชน ในตอนแรกชุมชนทำโฮมสเตย์ก่อนแล้วทำเส้นทางท่องเที่ยว หลังจากอัมพวาเปิดก็เริ่มปรับตัวให้มีความโดดเด่นและดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับมะพร้าว ซึ่งคนในชุมชนใช้วิถีชีวิตเป็นตัวให้ความสุข นำมะพร้าวมาสร้างเรื่องราวทำเป็นกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมและเรียนรู้ เช่น นำน้ำตาลมะพร้าวมาทำเป็นขนม และนำมาต่อยอดเกี่ยวกับผ้ามัดย้อมที่ใช้สีย้อมจากเปลือกมะพร้าว อีกทั้งยังต่อยอดในเรื่องสปาเท้า โดยใช้น้ำมันมะพร้าวที่มีส่วนในการนวดให้สบายตัว เป็นต้น นอกจากนี้ชุมชนยังได้รับรางวัลกินนรี เป็น 1 ใน 10 ชุมชนของประเทศไทย และมีองค์กรต่าง ๆ มาทำ CSR จึงเป็นที่มาของการทำพิพิธภัณฑ์ขึ้น เพื่อบ่งบอกประวัติความเป็นมาของมะพร้าว ฐานที่ 3 ฐานขนมไทย ฐานนี้เป็นฐานที่เราสนุกที่สุดเลยค่ะ เพราะเราได้ทำขนมต้มตั้งแต่นวดแป้ง ใส่ใส้ ปั้น และกินค่ะ 555 อุปกรณ์ : แป้งข้าวเหนียว น้ำมะพร้าว เนื้อมะพร้าว น้ำตาล และสีผสมอาหารธรรมชาติ วิธีทำ 1. ขูดมะพร้าวเตรียมไว้ 2. ค่อย ๆ เติมน้ำผสมสีลงแป้งแล้วนวดคลุกให้เข้ากัน 3. แบ่งแป้งมาใส่ไส้ที่ทำมาจากน้ำตาลมะพร้าว 4. ปั้นเป็นก้อนกลม และต้มลงในกระทะเดือด 5. พอลอยแล้วยกขึ้น แล้วนำมาคลุกกับมะพร้าวขูด ฐานที่ 4 ฐานจักสานจากใบมะพร้าว ในฐานนี้มีคุณลุงและพี่ ๆ คอยสอนทั้งสานหมวก ตะกร้า และปูค่ะ เราได้ลองสานปู ยอมรับว่ายากมากเลยค่ะ แต่พี่เขาใจดีมากคอยสอนทีละขั้นจนเราได้ปูมาตั้งชื่อว่าไดมอนด์ ซึ่งฐานนี้เราได้ทั้งความรู้ ประสบการณ์ และรู้สึกภูมิใจในผลงานตัวเองมาก ๆ ฐานที่ 5 ฐานน้ำตาลมะพร้าว เป็นฐานที่คุณตาให้ความรู้ในการทำน้ำตาลมะพร้าว พร้อมทั้งบอกข้อมูลความเป็นมาตั้งแต่การทำจนถึงส่งออก และบอกคุณประโยชน์ของมะพร้าวให้พวกเราได้รู้ รวมถึงในชุมชนมีการนำนวัตกรรมใหม่มาประยุกต์ใช้ โดยการใช้เครื่องอบไฟฟ้านำมาทำเป็นเกล็ดน้ำตาลมะพร้าวป่น และถ่านที่ทำจากกะลาบดละเอียดแล้วนำไปเผา มีข้อดีคือไม่เป็นมลพิษ ไม่มีสี และสามารถละลายน้ำได้ นอกจากกิจกรรมทั้ง 5 ฐานแล้ว ภายในชุมชนยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่รอให้ทุกคนได้ไปสัมผัส รวมถึงมีบ้านโซล่าเซลล์ให้นักท่องเที่ยวเข้าพักด้วยนะคะ เป็นบ้านพักต้นแบบรักษ์โลกและมีป่าชายเลนด้วยค่ะ สุดท้ายนี้ หลังจากหมดไวรัสโควิด -19 อยากให้ทุกคนไปเที่ยวกันเยอะ ๆ นะคะ เป็นชุมชนที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ได้รับทั้งความสนุกและความรู้แน่นอนค่ะ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม ถิรดา (เล็ก) 089-1702904 หรือ https://www.facebook.com/BaanrimklongHomestay/ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน และขอบคุณข้อมูลแพ็คเกจจากชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์)