ประสบการณ์วิ่งเทรลครั้งแรก วิ่งเทรล 17 km โดยที่ไม่ได้ซ้อม การวิ่งเทรลเป็นสิ่งที่เราสนใจมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ด้วยคิดว่าร่างกายตัวเองไม่น่าจะพร้อม และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นไปวิ่งเทรลอย่างไร เอาจริงๆก็คือยังไม่ได้คิดจริงจังที่จะไปวิ่งเทรลขนาดนั้นเมื่อหลายปีที่แล้ว จนกระทั่งในปี 2565 ช่วงปลายปีเราเริ่มออกกำลังกายได้ ร่างกายเราเริ่มแข็งแรงมากขึ้น เราเห็นพัฒนาการความแข็งแรงของร่างกายตัวเอง การวิ่งเทรลจึงเข้ามาอยู่ในความสนใจอีกครั้งหนึ่ง แล้วเราก็กดสมัครวิ่งเทรลระยะ 17 กิโลเมตร เราเลือกสนามที่ไม่น่าจะยาก คือความชันไม่มาก น่าจะวิ่งได้อย่างสบายๆ เหมาะสำหรับการเริ่มต้นวิ่งเทรล สำหรับเราเป็นคนที่ออกกำลังกายอยู่บ้างแต่ไม่สม่ำเสมอ มาเริ่มออกกำลังกายได้สม่ำเสมอก็เดือนตุลาคมปี 2565 เราออกกำลังกายด้วยการกระโดดแทรมโพลีนครั้งละประมาณไม่ถึง 1 ชั่วโมง เมื่อเราออกกำลังกายไปได้ 1 เดือน เราก็เริ่มรู้สึกได้ว่าร่างกายเราแข็งแรงขึ้น เราจึงอยากให้ตัวเราเองออกกำลังกายได้แบบนี้ไปตลอด เราจึงกดสมัครวิ่งเทรลระยะ 17 กิโลเมตรไป เพื่อเป็นการบอกตัวเองว่าอย่างไรก็ต้องออกกำลังกาย ไม่อย่างนั้นไปวิ่งเทรล 17 กิโลเมตร ไม่ไหวแน่ เราคิดว่าตัวเราเองก็น่าจะแข็งแรงพอที่จะวิ่งเทรลระยะนี้ได้ และเราก็ออกกำลังกายด้วยการกระโดดแทรมโพลีนมากขึ้น เราเพิ่มระยะเวลาการออกกำลังกายของเราเป็น 1 ชั่วโมง - 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยที่เราไม่ได้ออกไปวิ่งเลย เพราะคิดว่ากระโดดแทรมโพลีนก็ได้กล้ามเนื้อขาเหมือนกัน แล้วก็สะดวกสำหรับเราที่จะออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งกลางเดือนธันวาคมเริ่มดูข้อมูลเกี่ยวกับการวิ่ง คนที่ไปวิ่งระยะไกลๆโดยปกติแล้วต้องซ้อมวิ่งก่อนที่จะไปวิ่งจริงต้องฝึกกล้ามเนื้อขา ต้องฝึกท่าวิ่ง ส่วนตัวเรารองเท้าวิ่งยังไม่มีเลย ปลายเดือนธันวาคมถึงได้ไปซื้อรองเท้าวิ่งเทรล และเราถึงได้ลองวิ่งด้วยรองเท้าวิ่งเทรลที่ซื้อมาใหม่ เมื่อเราไปออกกำลังกายโดยการวิ่งนอกบ้าน สิ่งที่เราพลาดไปคือเราวอร์มไม่พอในวันที่เราลองวิ่ง วอร์มนิดหน่อยเห็นถนนดินแล้ววิ่งเลย ผลปรากฏคือวิ่งไปได้หน่อยเดียวเริ่มรู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อ เลยวิ่งๆเดินๆและพยายามวิ่งต่อจนวิ่งไปได้ประมาณ 6 กิโลเมตร รู้ตัวเลยว่าควรหยุดวิ่ง ไม่อย่างนั้นอาจจะเจ็บมากกว่านี้ แล้วเราก็พักการออกกำลังกายไปเลย 1 สัปดาห์ จนกระทั่งวันวิ่งจริง ก่อนวันวิ่งจริงเราพยายามปรับร่างกายเราให้ตื่นเช้าขึ้น เข้านอนเร็วขึ้น และเมื่อถึงวันวิ่ง ร่างกายเราค่อนข้างพร้อม อาการเจ็บจากการลองวิ่งหายทันวันวิ่งจริงพอดี ก่อนวิ่งมีการวอร์มร่างกาย ร่างกายเราค่อนข้างอบอุ่นและยืดหยุ่นพอสมควร ในที่สุดก็ถึงเวลาปล่อยตัวนักวิ่งระยะ 17 กิโลเมตร ร่างกายเราดีมาก 6 กิโลเมตรแรก เราวิ่งได้แบบสบายๆ แต่พอวิ่งไปประมาณ 8 กิโลเมตร เริ่มมีความเจ็บขาหน่อยๆเลย 11 กิโลเมตรไปเริ่มเจ็บขาเจ็บน่องเจ็บเท้า แต่ก็ยังวิ่งต่อได้ พอ 3 กิโลเมตรสุดท้ายนี่ วิ่งแทบไม่ไหว วิ่งก็เจ็บ เดินก็ปวด วิ่งต่อไปได้ด้วยบอกตัวเองว่า “คนอื่นวิ่งไหว เราก็วิ่งไหว” บอกตัวเองตลอดระยะทางการวิ่ง 3 กิโลเมตรสุดท้าย ช่วง 2 กิโลเมตรสุดท้าย บอกตัวเองว่าเหลืออีกสองกิโลเอง “ต้องวิ่งให้ถึง” พอวิ่งและเดินต่อมาเรื่อยๆมองเห็นลานกางเต็นท์ รู้สึกโล่งเลยว่าใกล้ถึงแล้ว ในที่สุดเราก็วิ่งเข้าเส้นชัยครบ 17 กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 20 นาที ภูมิใจมากกับการที่ไม่ได้ซ้อมวิ่งเลย เป็นการวิ่งเทรลครั้งแรกเป็นการวิ่งและเดินไกลที่สุดตั้งแต่เคยวิ่งและเดินมา วิ่งและเดินจนถึงเส้นชัยโดยใช้เวลา 3 ชั่วโมง 20 นาที ตามเวลา Gun time การลงวิ่งเทรลระยะ 17 กิโลเมตร โดยที่ไม่ได้ซ้อมไม่ใช่เรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง การวิ่งไกลๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิ่งขึ้นเขาลงเขา วิ่งบนเส้นทางธรรมชาติที่มีทั้งดินและหิน หนักสำหรับร่างกายมาก มันจะหนักมากถ้าไปวิ่งระยะทางไกลๆ โดยที่ไม่ซ้อมวิ่งเลย มันหนักมากที่จะวิ่งได้โดยที่ไม่ฝึกตัวเอง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราไม่ได้ฝึก ไม่ได้ซ้อมเกี่ยวกับการวิ่งแล้วไปลงวิ่งระยะทางขนาดนั้นแล้วจะไม่มีอาการบาดเจ็บของร่างกาย เพราะกล้ามเนื้อเราไม่เคยฝึก ไม่เคยซ้อมที่จะรับแรงกระแทกในการวิ่ง การออกกำลังกายธรรมดาไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง ไปลงวิ่งเทรลระยะ 17 km บอกเลยว่าหนัก มันเกินกำลังของร่างกายเพราะเราไม่เคยฝึกให้ร่างกายต้องเจอการวิ่งยาวนานขนาดนั้น และเราไม่ได้ออกกำลังกายด้วยการวิ่งเลยการวิ่งเทรลใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนมาก และมันเป็นการวิ่งที่เกิน 1 ชั่วโมง ตอนวิ่ง 6 กิโลเมตรแรกร่างกายเราก็วิ่งได้สบายๆดีอยู่ แต่พอเลยกิโลเมตรที่ 10 ไปนี่หนักสำหรับร่างกายพอสมควร เพราะเราไม่เคยใช้ขาเราหนักขนาดนั้น และไม่เคยวิ่งนานขนาดนั้น 3 กิโลเมตรสุดท้ายนี่ฝืนร่างกายตัวเองสุดๆ แต่ก็ผ่านมันมาได้ วิ่งได้ครบ 17 กิโลเมตร ภายในเวลา Cut off 4 ชั่วโมง อาการที่ตามมาหลังจากวิ่งเสร็จคือเจ็บขามาก ตอนเย็นของวันนั้นตัวเราเดินแทบไม่ไหวคือเจ็บข้อพับด้านหลังเข่า คือเราเข้าใจว่ามันอาจจะเป็นเส้นเอ็น ซึ่งเราเจ็บมาก เป็นครั้งแรกๆที่เราต้องกินยาเพราะเจ็บขา โชคดีที่วันรุ่งขึ้นอาการดีขึ้น มีแค่อาการเจ็บกล้ามเนื้อปกติที่ใช้งานหนักเกินไป แต่อีกสามวันถัดมาคือข้อเข่าเราไม่ค่อยดีเลย เดินขึ้นลงบันไดลำบากมาก งอไม่ค่อยได้ นั่งยองๆไม่ได้เลย ถ้าคิดจะไปวิ่งอีกบอกเลยว่า “ต้องซ้อมวิ่ง” ต้องฝึกตัวเอง ฝึกร่างกายตัวเอง ให้ค่อยๆพัฒนาไปทีละนิด แบบนี้แบบที่ไม่ได้ฝึก ไม่ได้ซ้อมวิ่งเลย บอกเลยว่า “ไม่ควรไป” เราควรฝึกให้ร่างกายเราแข็งแรงพอสำหรับระยะทางที่เราจะไปวิ่ง เพื่อที่ร่างกายเราจะได้ไม่บาดเจ็บจากการวิ่งที่หักโหมเกินไป ประสบการณ์ใหม่ๆดีเสมอ การวิ่งเทรลในครั้งนี้ทำให้เรารู้ร่างกายตัวเอง เห็นความพร้อมทางร่างกายของนักวิ่งคนอื่นๆ หลายๆคนที่วิ่งปกติ คือร่างกายแข็งแรงมาก การที่จะวิ่งไกลๆได้โดยที่ร่างกายปกติ คือต้องฝึก ต้องซ้อมวิ่งสม่ำเสมอ ต้องพัฒนาร่างกายตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนร่างกายคุ้นเคยกับการวิ่งได้ไกลๆแบบนั้น แล้วเราจะออกกำลังกายได้อย่างมีความสุข การออกกำลังกายที่ดี คือการออกกำลังกายอย่างพอดี ไม่ฝืนร่างกายตัวเองมากจนเกินไป แล้วการออกกำลังกายของเราจะเป็นการออกกำลังกายที่มีความสุข และทำให้สุขภาพร่างกายของเราแข็งแรง ภาพโดย Konbondin (ผู้เขียนบทความ)ออกกำลังกายอยู่บ้านได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !