งานประจำปีของศาลเจ้า จะมีการแสดงที่น่าสนใจมากมาย ทั้งการเชิดสิงโต การแสดงสิงโตบนเสาลูกท้อ การแสดงคนต่อตัวกัน การแสดงของมังกรทองปีนเสา การแสดงล่อโก้วหรือการบรรเลงเพลงด้วยเครื่องดนตรีจีน การแสดงเอ็งกอ เป็นการแสดงนี้ชอบมากค่ะ เอาไม้ 2 อัน มาตีกันตามจังหวะ ผสมกับทางท่าต่าง ๆ ทาหน้าขาวและแต่งหน้าสีสันสดดี ดูเท่ห์และน่าสนใจ ยังมีการลุยไฟ การปีนบันไดมีด น่าตื่นตาตื่นใจมาก และการแสดงที่น่าสนใจมากอีกอย่างนึงคือ การแสดงงิ้วหรือการแสดงอุปรากรจีนที่จะมีการเล่นดนตรีจีน การขับร้องกลอน การพูดคุยกัน เป็นการร้องและพูดสดมาก สังเกตุที่เวทีตรงกลางจะมีไมค์ ห้อยลงมา เพื่อรับเสียงของนักแสดงให้ก้องกังวาล นักแสดงจึงต้องฝึกซ้อม ท่องจำให้แม่นซึ่งเป็นการแสดงที่ต้องอาศัยความสามารถมากงิ้วเป็นศิลปะการแสดงที่ผู้เขียนชอบดูค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้บทพูดคุยที่นักแสดงได้แสดงกัน แต่ด้วยเสียงของเครื่องดนตรีที่มีเสียงหนักเบาตามเนื้อเรื่องมั้งค่ะ และเสียงกับท่าทางลีลาร่ายรำต่าง ๆ ทำให้น่าสนใจ และการที่ต้องพูดบทสด ๆ ร้องกลอนสด ๆ มีน้ำหนักเสียงหลายแบบ ทั้งเสียงเข้มขรึม เสียงอ่อนหวาน หรือเสียงกังวานรวมทั้งชุดที่ใส่ของนักแสดงแต่ละคนก็มีสีและองค์ประกอบที่หลากหลาย เป็นศิลปะเฉพาะของงิ้ว การแต่งหน้าที่มีเอกลักษณ์ ล้วนแล้วแต่เป็นศิลปะที่ทรงคุณค่าควรมีการสืบสานต่อไป ให้อยู่คู่กับศาลเจ้าต่อไป เพราะผู้เขียนจะมีโอกาสที่จะได้ดูก็มีปีละครั้ง ดูกี่ทีก็ไม่รู้เรื่องแต่ก็ชอบเหมือนเดิมสมัยเด็กคุณตาชอบพาผู้เขียนไปไหว้ศาลเจ้าช่วงเทศกาลงานประจำปีเดือน 4 ซึ่งที่ศาลเจ้าจะมีการแสดงงิ้ว จะแสดงกันตลอดทั้งคืนถึงสว่าง คนที่มาดูส่วนใหญ่ก็เป็นรุ่นอากงอาม่ากับเด็ก เล็ก ๆ แต่ส่วนใหญ่เด็ก ๆ ก็จะวิ่งเล่นกันแถวนั้น ก็มีแต่ผู้เขียนนั่นแหละที่นั่งรวมกลุ่มกับผู้สูงวัย นั่งดูงิ้วกันสนุกสนาน พอมาถึงยุคปัจจุบันนี้ เล่นไม่ถึงสว่างแล้วค่ะ เล่นตอน 2 ทุ่ม แสดงจบก็เกือบ ๆ เที่ยงคืนได้ และที่เห็นมีกลุ่มผู้ชมที่หลากหลายขึ้น หลายเพศหลายวัย มาดูกันเป็นครอบครัว ซึ่งดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นแนวเดียวกับผู้เขียนคือไม่รู้เรื่องเลยแต่อยากดู ต้องขอขอบคุณศาลเจ้า ที่ยังคงเอกลักษณ์ ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีต่าง ๆ ให้ยังคงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการแสดงงิ้วที่ยังคงอยู่ และมีการถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลัง เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ดูได้ชมกัน ( ภาพปก และทุก ๆ ภาพโดยผู้เขียนค่ะ )