การเดินทางไปพร้อมกับคนที่ใช่ และเพลงโปรดที่ชอบฟัง ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเร่งรีบอะไร ค่ำไหนนอนนั้น เป็นเสมือนยาวิเศษ ที่จะช่วยเพิ่มพลังชีวิตของเรา ให้มีแรงกลับไปสู้กับงานที่แสนจะน่าเบื่อได้อีกครั้ง และทุกครั้งที่ออกเดินทาง จุดหมายของเราก็คือที่ไหนก็ได้ ที่จะเพิ่มความสบายใจให้เรามากขึ้น การเดินทางครั้งนี้ จุดหมายของเราก็คือ "โฮมเสตย์บ้านนาต้นจั่น" สถานที่ท่องเที่ยงเชิงอนุรักษ์ ที่มาพร้อมกับบรรยากาศสไตล์บ้านทุ่ง ให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบครบวงจร บ้านนาต้นจั่น ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แสดงถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชน ถ่ายทอดผ่านการเชิญชวนให้คนภายนอกลองมานอนพักในหมู่บ้านสักคืน สองคืน ได้ลองมาทำกิจกรรมร่วมกับคนในหมู่บ้าน ให้อารมณ์เหมือนมานอนค้างบ้านญาติพร้อมกับการทานอาหารที่แสนอร่อยด้วยฝีมือของเจ้าของบ้าน ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาเยือนก็จะเป็นในช่วง ฤดูหนาวและฤดูฝน เพราะจะเป็นช่วงที่ให้ความรู้สึกสดชื่น และเย็นสบายสุดๆ 2 วัน 1 คืน ที่นาต้นจั่น เราเริ่มต้นเดินทางจากที่ทำงาน เพื่อไปที่โฮมสเตย์ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ช่วงเดือนมีนาคม 2563 ออกเดินทางสายๆ หน่อยเพราะเขาให้เช็คอินเข้าที่พัก เวลาบ่ายสามโมง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่ากว่าจะจองที่พักได้ ใช้เวลาตั้งหลายเดือน เลื่อนแล้วเลื่อนอีกและสุดท้ายก็ได้ไปเยือนสักที การจองที่พักก็จะจองผ่าน เพจเฟสบุ๊ค:โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย โดยทางเพจจะส่งรูปบ้านพักมาให้เราดู และให้เราเลือกได้ว่าจะพักบ้านหลังไหน แต่ก็เลือกได้ตามจำนวนหลังที่ยังว่างอยู่ ในหมู่บ้านจะมีบ้านที่เป็นโฮมเสตย์ทั้งหมด 26 หลัง ลักษณะเป็นบ้านที่เจ้าของบ้านแบ่งห้องให้ลูกค้าอยู่ด้วย เจ้าของบ้านพาชมพาเที่ยวในหมู่บ้าน บางหลังก็มีเครื่องปรับอากาศ บางหลังก็ไม่มี เราเลือกพักบ้านเรือนเล็กจันทรา (ไม่มีเครื่องปรับอากาศ) ตอนแรกนึกว่าจะร้อน ที่ไหนได้เย็นสุดๆ จนอยากจะขอผ้าห่มเพิ่ม เมื่อไปถึงโฮมเสตย์ เวลา 15.00 น. เก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย ก็ได้เวลาเยี่ยมชมกิจกรรมภายในชุมชน โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะเดินไป (ไม่น่าไหวเพราะไกลอยู่เหมือนกัน) ปั่นจักรยาน มีค่าบริการคันล่ะ 30 บาท (เราเลือกอันนี้ชิลล์ๆ ดีแต่แอบหอบเล็กน้อย) หรือจะนั่งรถอีแต๊ก อัตตราค่าบริการ นั่งรถอีแต๊กราคา 800 บาท/นั่งได้ 8 คน และราคา1,100 บาท/นั่งได้ 12 คน ซึ่งกิจกรรมในช่วงบ่ายก็จะมีดังนี้ 1.เที่ยวชมการทำตุ๊กตาบาร์โหน และซ้อมยิงหนังสติ๊ก 2. ชมวิธีการทำตะเกียบและชมวิธีการทำผ้าหมักโคลน และผลิตภัณฑ์จากผ้าหมักโคลน (ได้ลองทำแปปเดียวเพราะมัวแต่ถ่ายรูป ต้องรีบไปต่อเดี๋ยวไม่ทันดูพระอาทิตย์ตก) 3.ชมสะพานใจเชื่อมทุ่ง ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดิน ที่จะทำให้เราได้สัมผัสกับกลิ่นอายของทุ่งนา ให้ความรู้สึกอยากกลับบ้านมากๆ จุดนี้คือดี (ไม่ทันเห็นพระอาทิตย์ตกเพราะมัวแต่เชื่องช้า 555 ไว้โอกาสหน้าจะไปดูใหม่) จากนั้นเราก็ปั่นจักรยานชมบรรยากาศรอบๆ หมู่บ้านและกลับเข้าที่พัก พร้อมรับประทานอาหารเย็น สำหรับค่าที่พัก ราคา 600 บาท/คน รวมอาหารเช้า-เย็น แบบจัดเต็ม (จัดเต็มมากๆ) ประทับใจสุดๆ ก็ตรงอาหารนี่แหละ อยากบอกว่าอาหารอร่อยมากๆ จัดมาอย่างดี อาหารหลักครบ 5 หมู่ทั้งเช้าและเย็นเลยจ้า พอทานข้าวเสร็จก็เข้านอน เพราะในหมู่บ้านมีกฎห้ามเสียงดังรบกวนคนอื่น หลังจากเวลา 21.00 น. ให้หลับสนิทในทันที (ล้อเล่น ไม่ต้องหลับก็ได้แต่ห้ามเสียงดัง) เช้าวันใหม่....ที่นาต้นจั่น รุ่งเช้าจะมีกิจกรรมตักบาตรหน้าบ้าน ซึ่งพี่เจ้าของบ้านจะเป็นคนเตรียมชุดอาหารสำหรับตักบาตรไว้ให้ ราคาชุดล่ะ 30 บาท หรือจะเตรียมไปเองก็ได้ อยากจะบอกว่าเราไม่ได้ไปตักบาตร เพราะนอนเพลินเกินห้ามใจ อาการช่วงเช้ามันหนาวเย็นเกินไป ทำให้ลุกไม่ขึ้น ถ้าไปในช่วงหน้าหนาว ก็จะมีกิจกรรมขึ้นเขาไปดูทะเลหมอก ซึ่งจะต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ พี่เจ้าของบ้านบอกไว้ถ้ามาครั้งหน้าต้องได้ดูทะเลหมอกนะ (เราไม่รับปากแต่จะพยายาม) เราตื่นมาก็จะพบกับชุดขันโตกตั้งไว้ที่ระเบียงหน้าห้อง พร้อมกับอาหารหลักครบ 5 หมู่อันแสนอร่อยเหมือนเดิม ทานข้าวเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัว ไปชมผลิตภันฑ์จากผ้าหมักโคลน ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของชุมชนบ้านนาต้นจั่น ไปชิม ข้าวเปิ๊บ หรือ ก๋วยเตี๋ยวพระร่วงอันเลืองชื่อ หากไม่ได้ชิมข้าวเปิ๊บ ถือว่ายังมา ไม่ถึงบ้านนาต้นจั่น เสร็จกิจกรรมทั้งหมดเวลา 12.00 น. พอดี จากนั้นก็เตรียมตัวเดินทางกลับได้ ก่อนกลับพี่เจ้าของบ้านก็เดินมาส่งถึงรถ พร้อมทั้งกล่าวคำอำลาอารมณ์เหมือนส่งลูกหลานกลับไปทำงานต่อ อยากบอกว่าเลือกไม่ผิดจริงๆ ที่มาพักกาย พักใจที่นี่ ประทับใจทุกอย่างเลย ไว้โอกาสหน้าจะไปเที่ยวใหม่ และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะได้เจอทะเลหมอก หวังว่าเราจะได้ไปดูทะเลหมอกด้วยกันสักครั้งที่...โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น ภาพถ่ายโดย:ผู้เขียน