อื่นๆ
ผีซ่อนแอบ

ตอนเด็กๆ เรามักเคยได้ยินผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง หรือข่มขู่เสมอว่า อย่าไปเล่นซ่อนแอบตอนมืดๆ ค่ำๆ เชียวนะ เดี๋ยวผีจะลักตัวไปซ่อนเอา ถามว่าเชื่อมั้ย ร้อยทังร้อย คงไม่เชื่อหรอก ต่างพากันคิดว่า พ่อแม่เป็นห่วง ไม่อยากให้เราออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านในเวลากลางคืนมากกว่า
เราเองก็เช่นนั้น ไม่ค่อยเชื่อหรอกเรื่องนี้ จนมาวันหนึ่ง ที่เพื่อนชวนเราไปเดินเล่นในสวนเด็กเล่นเปิดใหม่แถวบ้าน มองดูเวลา ก็คิดว่าน่าจะกลับมาบ้านก่อนมืด เราก็เลยบอกแม่และซ้อนท้ายจักรยานไปกับเพื่อน แต่ความที่สวนเด็กเล่นมีเครื่องเล่นใหม่ๆ เยอะมาก เราก็เลยเล่นกันจนเพลินไปหน่อย ฟ้าเริ่มมืด แต่ไฟในสวนเปิดแล้ว เด็กๆ หลายคนเริ่มกลับเข้าบ้าน เราหันไปมองเพื่อน เห็นยังเล่นชิงช้าเพลินอยู่ เลยแอบเดินไปเข้าห้องน้ำใต้ถุนตึกของอาคาร ในตึกมีไฟเปิดแค่เฉพาะด้านล่าง แต่ชั้นบนดูเงียบ และมืดสนิท เราไม่สนใจอะไร นอกจากเดินไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระเสร็จเรียบร้อย ก็ตั้งใจจะเดินออกไปหาเพื่อนที่สวนและกลับบ้านกัน แต่อะไรบางอย่างที่หางตาทำให้เราต้องหันกลับไปมอง เห็นชายผ้าขาวๆ ไหวๆ เหมือนใครบางคนเดินขึ้นบันไดไป
Advertisement
Advertisement
มืดค่ำป่านนี้ ใครมาเดินอยู่แถวนี้นะ !
ถามตัวเอง และด้วยความอยากรู้ ทำให้เราเหลียวซ้ายแลขวา ลังเลอยู่ไม่นาน เราก็ก้าวขึ้นบันไดไป ช้าๆ แต่แล้วจู่ๆ บันไดก็เหมือนถูกเขย่าอย่างแรง จนเราเซเกือบหงายหลัง ดีกว่าคว้าราวบันไดไว้ทัน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ทำให้ร่างเล็กๆ ของเรานั่งกระแทกตัวลงบนขั้นบันไดได้ ใจหายใจคว่ำ เราก็ค่อยถอนหายใจ รุ้สึกใจหาย และคิดถึงแม่ขึ้นมา เราน่าจะรีบกลับบ้าน มากกว่าวิ่งตามอะไรบางสิ่งไปมากกว่า เราขยับจะลุกขึ้น แต่รู้สึกได้ถึงแรงมือหนักๆ ที่กดลงบนบ่า มือหนักๆ และเย็บเฉียบจนขนลุกซู่กรูเกรียวไปหมด คิดในแง่ดีว่า อาจเป็นใครบางคนที่เดินขึ้นบันไดไปและเดินกลับลงมาดูตามเสียงที่เราล้มลงมากกว่า แต่เมื่อเราเงยหน้าขึ้นมอง เราก็ต้องแทบเบิกตาโพลงด้วยความตกใจสุดขีด ใบหน้าที่ก้มต่ำลงมา เป็นใบหน้าสีขาวซีดราวกระดาษ เสื้อผ้าสีขาวยาวรุ่มร่ามกรอมเท้า ผมยาวเหม็นกลิ่นสาปสางนั่นปกคลุมใบหน้าเมื่อหญิงคนนั้นก้มต่ำลงมาหา เราแทบแหกปากร้องเสียงหลงให้คนช่วย ใครก็ได้ช่วยเราออกไปจากที่นี่ที...และวินาทีนั้น เรารู้สึกดีใจที่เห็นเพื่อนเราก้าวเข้ามา ได้ยินเสียงเพื่อนเรียกหา ขณะที่เราเองก็พยายามตะโกนตอบกลับเสียงดัง เราเชื่อว่ามันดังมากพอ แต่เพื่อนเรากลับไม่ได้ยินเสียงของเรา รวมทั้งเสียงหัวเราะที่กรีดดังเหมือนคนบ้าคลุ้มคลั่งจากร่างที่กดมือทับไหล่เราเอาไว้จนเราขยับไม่ได้นั่น ก็เหมือนว่าเพื่อนเราจะไม่ได้ยิน
Advertisement
Advertisement
เราเริ่มร้องไห้ น้ำตาไหลออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิต เราคิดถึงคำเตือนของแม่ อยากกลับบ้าน อยากออกไปจากที่นี่ แต่ก็ไม่มีใครเห็นเราเลย เพื่อนเราเดินกลับออกไป เรายังนั่งอยู่ที่เดิมด้วยความหวาดผวา มือที่กดบนบ่า ยังคงยึดแน่น กลิ่นน้ำเลือดน้ำหนองคละคลุ้งชวนสะอิดสะเอียน เกินกว่าจะทนได้ ทำให้ในที่สุด เราก็หมดสติไป มารู้สึกตัวอีกที เรานอนอยู่บนเตียงที่บ้านแล้ว แม่บอกว่า เพื่อนกลับไปบอกว่าเราหายไป พ่อกับแม่ออกตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จนรปภ.เดินทางมาช่วยตามหาด้วย และบอกกล่าวกับวิญญาณร้ายที่นั่น ที่อาจแค่อยากหยอกล้อเล่น หรือเตือนให้เรารู้จักเชื่อฟังพ่อแม่บ้าง
แต่จวบจนถึงวันนี้...เราไม่เคยชอบสวนเด็กเล่นอีกเลย ไม่เคยแม้แต่จะเฉียดกรายไปไหนในยามค่ำคืนอีก ด้วยความฝังใจกับผีซ่อนแอบตนนั้น...
ขอบคุณภาพจาก : Supansa Chongman
ความคิดเห็น
