เราจะเริ่มทักทายแบบไหนดี 'สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน' จะดูทางการไปไหม หรือจะเป็น 'หวัดดีค่ะคุณผู้อ่าน' ก็ดูหวนๆ ไป เอาเป็นว่ายินดีที่ได้รู้จักนะคุณคนที่กำลังอ่านบทความฉบับนี้อยู่ เราอยากให้คุณคิดซะว่ากำลังอ่านจดหมายของเพื่อนคนหนึ่งจะได้มีความเป็นกันเองมากขึ้น ต่อจากนี้เราขอใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า 'ผม' และแทนบุรุษที่ 2 ว่า 'คุณ' นะคะ มันอาจจะดูแปลกๆ ไปหน่อยที่พูด 'คะ' แต่แทนตัวเองว่า 'ผม' แต่ผมว่ามันทำให้ตัวหนังสือเหล่านี้อบอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าคุณคนอ่านจะคิดเหมือนผมหรือเปล่านะ :) เท้าความก่อนว่า ผมเป็นคนชอบการท่องเที่ยว และการเดินทางมากๆ เพราะเหมือนได้ไปเปิดหูเปิดตา บวกกับการจับมือถือน้อยลง แล้วยังกลับมากับการค้นพบอะไรบางอย่างในตัวเอง พบความสงบ ความเรียบง่าย ความใจเย็นในการใช้ชีวิตหรือจะเรียกว่า slow life อ่ะแหละ และแน่นอนว่าทุกๆ คนก็คงชอบการท่องเที่ยวไม่ต่างจากผม แต่สถานการณ์โควิดแบบนี้ทำทริปการไปเที่ยวของผมกับเพื่อน 'ล่มแล้วล่มเล่า' ตั้งแต่งานคอนเสิร์ตที่เขาใหญ่ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ถึงการไปเที่ยวบางแสนในเดือนเมษายนปีนี้ จนจะได้ชื่อว่า 'แก๊งทริปล่ม' กันแล้ว และยังมีทริปกาญจนบุรีกับครอบครัวที่จองที่พักเรียบร้อยก็ล่มไม่เป็นท่า มันทั้งเซ็ง เบื่อ แต่ทำอะไรไม่ได้ สุขภาพและคนในครอบครัวต้องมาก่อน ถ้าเราไปเที่ยวแล้วกลับพร้อมนำเชื้อโรคมาแพร่กับครอบครัว เราคงไม่มีความสุขเป็นแน่ ถึงอย่างนั้นเองการได้อยู่บ้านเฉยๆ ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด การกักตัวครั้งนี้เป็นครั้งแรกในการอยู่บ้านติดต่อกันนาน 2 อาทิตย์ของผม บวกกับอยู่ในช่วงสอบปลายภาคของมหาวิทยาลัยพอดี ผมไม่ได้ออกไปเจอแสงแดด จนคุณป้าข้างบ้านทักว่า ทำไมผิวขาวขนาดนี้? การอยู่บ้านนานๆ ยิ่งทำให้ผมอยากไขว่คว้าความเรียบง่ายเข้ามาในชีวิต อยากใช้เงินเก็บไปกับการซ่อมแซมบ้าน ขยายบ้าน ต่อนู้นต่อเติมนี้ แต่ผมก็ได้แต่คิด พอนึกถึงเวลาต้องมีช่างเข้ามาในบ้าน แล้วใช้เครื่องจักรเสียงดัง เจาะนู้นเจาะนี่ ผมก็ไม่อยากทำแล้วแหละ เหมือนพวกเขาได้พรากความสงบในชีวิตผมออกไปแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ไหนจะรบกวนเพื่อนบ้าน และที่สำคัญเจ้าเหมียวๆ ของผมคงไม่ชอบเป็นแน่ ทำให้ผมนั่งชื่นชมและชื่นชอบสิ่งที่มีอยู่ภายในบ้าน ทำความสะอาดให้เอี้ยมในทุกวัน รวมถึงได้ลองทำอาหารเมนูที่ไม่เคยทำ รับบทเป็นเชฟเวลาเคลียร์ตู้เย็นที่เห็นวัตถุดิบเหลือก็เอาออกมาทำอย่างไม่ลังเล เวลาเก็บของในบ้านก็มักเจอ photo book ที่สมัยก่อนเราไปเที่ยวกันอย่างอิสระ นอนบนทรายให้คลื่นซัด เข้าป่าไปสัมผัสน้ำตก โดนที่ไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยแบบทุกวันนี้ จะ 2 ปี แล้วกับช่วงเวลาในวัย 19-20 ปี ที่หายไปของผม ในช่วงแรกๆ ของการกักตัวผมไม่ได้รู้สึกเสียใจเลย เพราะที่ผ่านมาผมได้ไปเที่ยวอย่างสมใจอย่างไม่มากก็น้อย จนไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่บ้านมากนัก แต่พอสถานการณ์มันแย่ลงทุกวัน และการกลับมาระบาดในระลอกที่ 3 มันยิ่งทำให้ผมคิดถึงการเดินทาง คิดถึงธรรมชาติ คิดถึงเสียงคลื่น เสียงป่า เสียงน้ำตก เสียงสรรพสัตว์นานาชนิดที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ถึงอย่างนั้นเองการเดินทางจากตัวจังหวัดไปที่ทำงานของแม่ที่อยู่อีกอำเภอนึงใช้เวลาเพียง 30 นาที แต่นับว่าเป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่มากๆ แล้วสำหรับผม คนเป็นแม่เอ็นดู และรู้จักลูกตัวเองดี ว่าชอบการเดินทางมากแค่ไหน แม่พยายามหาเส้นทางใหม่ๆ ในการเดินทางครั้งนี้ตลอด เราเดินทางด้วยรถเก๋งสี่ประตูสีบอนด์เงินที่ผมได้ตั้งชื่อว่า 'ปลาทู' กลับทำให้ผมค้นเจอความชอบอะไรบางอย่างในตัวเอง พอผมมาคิดๆ ดูแล้ว 'ผมชอบนั่งรถเล่นมากกว่าการเดินลงไปเที่ยวซะอีก' การเดินทางด้วยพาหนะขับเคลื่อนคันนี้มีกระจกเป็นที่กั้น เสมือน face shield ขนาดใหญ่ เหมือนเราอยู่ในแคปซูล ตราบใดที่ผมยังอยู่ในรถ ก็ถือว่ายังมีความปลอดภัยจากเชื้อในระดับหนึ่ง เมื่อเริ่มเคลื่อนตัวผมชอบเปิดเพลงให้การบรรยากาศกับการเคลื่อนที่มันสนุกขึ้น โดยได้เห็นวิถีชีวิตของคนอื่นๆ เสมือน mv ประกอบเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมทางบนถนน คนขายของข้างทาง กำลังคุยกับลูกค้าบ้าง นั่งรอบ้าง กินข้าวบ้าง หมู่เมฆที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวบนผืนฟ้าประสานกับสายลมคอยพัดพาให้ชีวิตกลางวันที่เร่งรีบ ช้าลงได้อีกแบบ พอตกค่ำแสงตอนเย็นร่ำลาวันที่เหนื่อยล้า เป็นรางวัลให้กับทุกคนก็จะเห็นชีวิตเป็นอีกแบบใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เก็บข้าวเก็บของพากันกลับบ้าน ซื้ออาหารเย็นไปทานร่วมกัน เมื่อฟ้าเริ่มมืดก็ยังมีแสงในเมืองค่อยขับเคลื่อนให้การเดินทางครั้งนี้ส่องสว่างและสวยงามไปอีกแบบ เพียงแค่นี้ก็ทำให้การอดเที่ยวของผมกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ถ้าสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ผมคงอยากจะหาเพื่อนไป road trip กันสักหน่อย ผมชอบนั่งรถเล่น แล้วคุณล่ะ อยากนั่งไปด้วยกันไหม ภาพโดย : beyourmoon เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !