เอาบุญมาฝากจร้า... อีกครั้งทริปทำบุญที่จะได้ทั้งเที่ยวและอิ่มบุญไปในตัว กับวัดหงษ์ทอง วัดที่อยู่กลางทะเล ที่อยู่ห่างจากกรุงเทพไม่ไกลมาก ซึ่งหากเพื่อนๆกำลังมองหาที่ทำบุญ ที่เที่ยว เดินบนสกายวอล์คกลางทะเล ซึ่งเป็นการสร้างวัดในทะเล แบบลงตัว แบบไม่ต้องง้อผืนดิน ขอให้เพื่อนๆตามผมมาที่นี่เลยครับ วัดหงษ์ทองผมจะพาเพื่อนๆเริ่มออกเดินทางจาก อำเภอบางปะกง มุ่งไปตามถนนสุขุมวิทสายเก่า มุ่งหน้าสู่บางปู แต่ไปไม่ถึงบางปูนะครับ ไปแค่ไม่กี่อึดใจ จะเจอป้ายวัดหงษ์ทองทางซ้ายมือครับศาลพระพรหม พระยมขับรถตามทางลัดเลาะกับบ่อกุ้ง และนาเกลือเข้ามาเรื่อยๆ จะพบกับศาลพระพรหม 4 หน้า 8 กร ถืออาวุธต่างๆ นั่งห้อยพระบาทซ้าย องค์สีทองอร่าม ข้างๆกันมีพระยม ซึ่งเป็นเทพผู้พิพากษาเมื่อเราตายไปแล้ว องค์สีแดงถือไม้เท้ารูปหัวกะโลก เพื่อนๆสามารถแวะกราบสักการะได้จากจุดนี้ เลยครับ ด้านข้างศาลพระพรหม-พระยม จะมีศาลาเล็กๆด้านในมีศาลเจ้าแม่ตะเคียน ใครสายเลขเด็ดก็ลองไปเสี่ยงโชคจากจุดนี้ได้นะครับ ท้าวเวสสุวรรณตามทางมาเรื่อยๆจะพบกับจุดจอดรถขนาดใหญ่ ด้านนอก แต่วันที่ผมไปคนยังไม่มาก ประกอบกับไม่ใช่วันเสาร์-อาทิตย์จึงสามารถเข้าไปจอดในที่จอดรถด้านในได้ จอดรถแล้ว เดินตรงไปยังวัดจะพบกับ ท่านท้าวเวสสุวรรณ 3 องค์ยืนตระหง่านถือกระบองอยู่ดูน่าเกรงขาม โดยทุกองค์จะมีผ้าผูก มีพวงมาลัยค้องคอ องค์ขวามือและซ้ายมือ เป็นหน้ายักษ์องค์สีเขียวและสีแดง องค์กลางเป็นหน้าเทพกายสีทอง เมื่อสักการะท่านและขอพรเสร็จแล้ว ไม่วายที่จะขอเลขเด็ดจากไหที่ตั้งอยู่บนโต๊ะด้านหน้าท่าน ศาลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระศิวะ เดินมาอีกนิดผ่านจุดคัดกรองมา จะพบกับศาลไม่ใหญ่มาก ด้านในประดิษฐานพระศิวะประทับบนสิงโต ทำด้วยหินทราย ใบหน้าอิ่มเอิบ ด้านนอกมีพวงมาลัยดอกดาวเรืองห้อยพระศอท่านอยู่ จนเกือบมองไม่เห็นองค์ท่านโดยพระศิวะเป็น 1 ในมหาเทพตรีมูรติ พระแม่ธรณีบีบมวยผม เดินตามทางมาอีกนิดจะพบกับพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งตามพุทธประวัติท่านทรงมาเป็นพยานให้พระพุทธเจ้า ตอนสู้กับพยามาร พระแม่ธรณีได้บีบมวยผม หลั่งน้ำที่พระพุทธเจ้ากรวดน้ำจนน้ำท่วมกองทัพพญามารพ่ายแพ้ไป พระแม่คงคา เทพีแห่งสายน้ำ โดยปกตินั้นเราได้มีโอกาสบูชาพระแม่คงคา วันลอยกระทงในวันเพ็ญเดือน 12 ของทุกปี ผ่านกระทงที่ขอขมาท่านในสายน้ำ แต่จะหารูปเคารพท่านนั้นหาได้ค่อนข้างยากมาก โดยพระแม่คงคาที่นี่สีทองอร่าม ถือดอกบัว ทรงพาหนะเป็นปลา หันหน้าเข้าหาทะเล สายน้ำที่อยู่เบื้องหน้าท่าน ไอ้ไข่ สำหรับเด็กวัดเจดีย์ที่ให้โชคลาภแก่ผู้คนที่กราบไหว้จนโด่งดังไปทั่วประเทศ ซึ่งที่นี่ได้มีการจำลองรูปปั้นไอ้ไข่ขึ้นมาเพื่อให้เพื่อนๆได้กราบไหว้ขอพร เสี่ยงโชคด้วยครับ ถ้ามองด้วยตาเปล่า ที่นี่จะศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้ที่อื่น เพราะมีการถวายสิ่งของสักการะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย ไก่ ตุ๊กตา ตามที่ขอพรท่านแล้วได้ตาที่ขอครับ พระธาตุกลางน้ำ ต่อจากการอิ่มบุญกับการไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้านบนพื้นดินแล้ว ผมจะพาเพื่อนๆ เดินข้ามสะพานพญานาค ข้ามไปที่กลางทะเล ซึ่ง้ป็นสะพานปูนมีหลังคาคลุม เบื้อหน้ามีเจดีย์ที่ประดิษฐานพระธาตุ ที่ถือว่าอยู่กลางทะเลกันครับชั้นที่ 1 เดินผ่านสะพานเข้ามา จะมีอาคารพระวิหาร 3 ชั้น ซึ่งชั้นที่ 1 จะเป็นที่ประดิษฐฐานพระพุทธชิราชจำลอง พระเกจิ สมเด็จองค์ปฐม และอื่นๆ มาให้เพื่อนๆได้กราบสักการะปิดทองกัน ที่นี่มีใส่บาตรพระประจำวันเกิด จากที่สังเกต จิตกรรมฝาผนังของที่นี่จะเป็นภาพเขียนในเรื่องราวแบบจีน ไม่ว่าจะเป็น พระยูไล แม่กวนอิม เซียนต่างๆ หรือเทพองค์อื่นๆ ซึ่งถือเป็นการผสานอย่างลงตัวในรูปแบบของจิตกรรมชั้นที่ 2 หลังจากสักการะปิดทองพระพุทธรูปชั้นที่ 1 ผมจะพาเพื่อนๆเดินขึ้นบันไดต่อ มาชั้นที่ 2 ที่นี่เป็นหอพระแก้วถือว่าเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่บ้านคู่เมืองของไทยเรามาช้านาน ซึ่งมีพระแก้วมรกต ทรงเครื่องแบบต่างๆ สีเขียวมรกต สีแดง สีขาว โดยรอบข้างมี หุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือนพระเกจิ บูรพจารย์สำคัญต่างๆในอดีตของเมืองไทย และที่ฝาผนังยังมี พระบรมสาทิสลักษณ์(ภาพวาด) ของพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่สมัยสุโขทัย-รัตนโกสินทร์ ชั้นที่ 3 เพื่อเป็นการไม่เสียเวลามากผมจะพาเพื่อนๆขึ้นบันไดมาชั้นที่ 3 ซึ่งที่นี่ เป็นชั้นบนสุดของวิหารนี้ ซึ่งทำเป็นเจดีย์ทรงลังกา สีทอง ทั้ง4 ด้านมี ครุฑ ซึ่งเป็นพาหนะของพระนารายณ์ และเป็นตราแผ่นดิน อยู่ทั้ง 4 ด้านของพระเจดีย์ องค์เจดีย์รายล้อมด้วยสถูป ซึ่งอากาศด้านบนเย็นสบายมากแม้จะมีแดดเราสามารถเข้าไปด้านในพระเจดีย์องค์นี้ จากประตูทางเข้าที่ 4 ด้าน เพื่อกราบสักการะพระธาตุที่อยู่ตรงกึ่งกลางด้านใน มีแก้ว 8 เหลี่ยมครอบทับไว้อีกชั้น จิตกรรมฝาผนังของที่นี่เขียนเกี่ยวกับพุทธประวัติอย่างไทย ไว้อย่างวิจิตร โดยด้านบนเพดานจะเป็น ภาพสวรรค์มีภาพเทวดา เหาะเพื่อไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่ใจกลาง โบสถ์กลางน้ำ ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือพระอุโบสถที่อยู่เหนือน้ำ หากเป็นเพราะพื่นที่มีจำนวนจำกัด จึงกลายเป็นอีกไฮไลท์หนึ่งของเมืองไทย พระอุโบสถกลางน้ำเพียงไม่กี่แห่งของประเทศ พระอุโบสถของที่นี่ไม่ใหญ่มากนัก ทางเข้าเชื่อมต่อกับพระวิหาร หันหน้าเข้าสู่พื้นดิน มีทางขึ้นซ้ายขวา 2 ทาง บนหลังคามียอดฉัตรสีเงิน หลังคามุงกระเบื้องสีแดง มีการผูกพัทธสีมาแล้ว ด้านในพระอุโบสถมีพระพุทธชินราช ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีหินอ่อน มีพระอัครสาวกซ้ายขวา รอบข้างฝาผนังครึ่งบนมีจิตกรรมเล่าเรื่องพุทธประวัติ ส่วนครึ่งล่างเป็นวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ วันที่ผมไปมีการบูรณะด้านในเล็กน้อยครับ สกายวอล์คกลางทะเล กลายเป็นที่เที่ยว และเป็นจุดสนใจทำให้คนไปทำบุญที่วัดหงษ์ทองอีกครั้ง เพราะที่วัดได้มีการสร้างสกายวอล์ค เดินขึ้นไปในทะเลแบบชนิดที่ว่าความเสียวแบบไม่ธรรมดาหากเพื่อนๆ เคยไป สกายวอล์คที่อื่นด้านล่างจะเป็นป่า แต่ที่นี่เป็นทะเล ถือเป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ ต้อนรับการเปิดการท่องเที่ยว ที่ซบเซาจากโควิดมาหลายปี เป็นยุคสมัยกับการเข้าวัดต้องเข้าเฉพาะคนสูงอายุ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนให้วัดกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงผู้คนเข้ามาหาศรัทธากันมากขึ้นในยุคที่ การท่องเที่ยวกำลังจะฟื้นตัว เชิญชวนเพื่อนๆมาทำบุญ และเที่ยววัดหงษ์ทอง กันเยอะๆนะครับ หากเพื่อนๆคนไหนได้มีโอกาสไปทำบุญที่วัดหงษ์ทองอย่าลืม เขียนมาแบ่งปันประสบการณ์ให้ผมฟังบ้างนะครับ ภาพ : JaturongT ที่ตั้ง : วัดหงษ์ทอง ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทราพิกัด : https://goo.gl/maps/1wj1ksFaHdUmae756โทรศัพท์ : 038-528367เวลาทำการ : 06.00 น. - 22.00 น. เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !