อื่นๆ

หลับใหลยามเย็น

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
หลับใหลยามเย็น

พวกคุณเคยงีบหลับระหว่างวันกันไหม และเชื่อเรื่องผีอำหรือไม่

โดยส่วนตัวแล้วฉันไม่เคยเชื่อ เพราะฉันเป็นเซียนในเรื่องของการนอนกลางวันและนอนตอนเย็นเลยหละ และไม่เคยพบเรื่องลี้ลับใด ๆ นอกจากความปวดหัวเพราะนอนมากไป แต่เรื่องเล่าจากเพื่อนของฉัน เริ่มทำให้ฉันตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้ง ว่าผีอำมีจริงหรือไม่ ..

เรื่องราวนี้มาจากคำบอกเล่าของเพื่อนสนิทผู้หญิงสมัยมัธยมของฉันคนหนึ่งที่ฉันติดต่อพูดคุยกับเธอผ่านโซเชี่ยลตลอด เราแชร์หลาย ๆ เรื่องให้กันและกัน และเธอก็แชร์เรื่องนี้ให้ฉันฟังเช่นกัน .. เวลาประมาณสองทุ่มเมื่อไม่กี่เดือนก่อน แจ้งเตือนไลน์ของฉันเด้งรัวขึ้นมาติดกันหลายต่อหลายครั้ง จนฉันต้องหยิบมันขึ้นมาดูว่าใครกันนะที่ส่งข้อความมา เพื่อนของฉันนั่นเอง 

เธอเล่าว่า ...

วันนี้เธอเลิกเรียนประมาณเกือบ ๆ 17.00 น. และเธอตรงกลับมาที่หอของตนเองด้วยความเหนื่อยล้า แม้เธอจะต้องออกไปหอสมุดเพราะมีนัดทำงานตอน 18.00 น. แต่ความเหนื่อยล้าบังคับให้เธอต้องนอนงีบสักพัก เธองีบไปสักพักหนึ่ง และลืมตาขึ้นมา เมื่อหันมองและเห็นเวลาว่าเพิ่งจะเพียงประมาณ 17.30 น. เธอก็ตัดสินใจงีบต่ออีกสักพัก เธอปรับเปลี่ยนท่าทางการนอนเล็กน้อยโดยการยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาเกยไว้บนเข่าของขาอีกข้างหนึ่ง เพื่อความสบายส่วนตัวในการงีบ เธองีบต่อไปอีกแค่สักครู่เดียว ก็รู้สึกเหมือนรอบตัวมันมืดลง ประกอบกับได้ยินเสียงสั่นจากโทรศัพท์มือถือที่คาดว่าเพื่อน ๆ น่าจะเริ่มไปถึงตามเวลานัดกันแล้ว 

Advertisement

Advertisement

เธอลืมตาขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกงัวเงียอะไรเลยสักนิดเดียว แม้จะเพิ่งงีบมา เลยตัดสินใจจะลุกขึ้น แต่เธอไม่สามารถลุกได้ เพราะรู้สึกหนักตัวมาก เธอเห็นทุก ๆ สิ่งตามปกติ แต่ไม่สามารถขยับตัวใด ๆ ได้เลย เธอลองพยายามขยับเอาขาที่เกยขาอีกข้างไว้ลงมาอยู่ที่เดิมตามปกติ เธอรู้สึกว่าขาลงมาจากการเกยกันแล้ว แต่เมื่อมองไปกลับเห็นว่าขาสองขานั้นยังคงเกยกันอยู่เช่นเดิม เธอเริ่มตกใจและเสียขวัญมากขึ้น พยายามมองไปรอบ ๆ เท่าที่จะมองได้ และเห็นว่ารอบตัวเริ่มมืดลงจนเกือบจะมองเห็นสิ่งใดไม่ชัดแล้ว เธอพยายามลุกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ยังขยับไม่ได้เช่นเดิม ยังคงรู้สึกหนักมาก ๆ เหมือนเดิม พยายามตะโกนหรือออกเสียงสักเพียงใด ก็ไม่มีเสียงใด ๆ ออกมาได้เลย และเธอเริ่มรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก จนรู้สึกอยากจะร้องไห้ 

เธอหลับตาลงอีกที อย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกดหัวเธอลงไปจนจมแน่นกับหมอน ด้วยความตกใจถึงขีดสุด เธอออกแรงสุดชีวิตเท่าที่จะมีได้ ดิ้นแล้วดิ้นเล่าอย่างสุดแรงจนลุกขึ้นนั่งได้ในที่สุด เธอนั่งตกใจกับเหตุการณ์สักพัก และรีบหยิบโทรศัพท์เดินออกไปจากห้องนอน โทรหาเพื่อนเพื่อให้เพื่อนช่วยมาหาเธอทันที ตอนนั้นเป็นเวลา 19.40 น. แล้ว ทั้งที่เธอรู้สึกเหมือนเธองีบหลับไปเพียงแค่ไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ

Advertisement

Advertisement

เธอเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟัง จากนั้นจึงหายไปสักพักเพื่อคุยงาน และเธอกลับมาตอบฉันอีกทีตอนเกือบเที่ยงคืน โดยพวกเราต่างพยายามแชร์กันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ไม่มีใครกล้าพูดคำตรง ๆ ออกมา แต่ฉันเชื่อว่าเราคิดถึงคำเดียวกันทั้งคู่เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่เธอพยายามปลอบใจตนเองด้วยการหาอ่านกระทู้ที่สามารถให้คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้และส่งมาให้ฉันอ่านว่าบางทีอาจเป็นเรื่องทางชีวภาพร่างกายก็ได้ .. ยังไม่ทันที่ฉันจะอ่านกระทู้ที่เธอส่งมาให้อ่านจนจบ เธอก็พิมข้อความมาต่อว่า "ว่าแต่สายวิทยาศาสตร์เขาอธิบายเรื่องหมาหอนตอนเกือบเที่ยงคืนได้ป่ะ ร้อยวันพันปีไม่หอน มาหอนวันนี้ ตอนนี้"

เมื่อจบข้อความนั้น เพื่อนฉันหายไปสักพัก และจึงกลับมาอีกทีในเกือบครึ่งชั่วโมงให้หลัง เพราะเธอตัดสินใจรีบออกจากหอตนเองเพื่อมานอนหอของเพื่อนที่อยู่ห่างออกไป จากนั้นพวกเราพยายามเปลี่ยนบทสนทนาให้เป็นเรื่องอื่น ๆ เพื่อที่จะได้ลืมเรื่องในวันนั้นไป เพราะฉันเองก็นอนคนเดียวในห้องนอนของตนเองเหมือนกันนะ ...

Advertisement

Advertisement

จนถึงทุกวันนี้ฉันก็ยังคงสงสัยในเรื่องเล่านั้นของเธอ ฉันไม่ได้สงสัยว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ฉันสงสัยว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดจากมาจากอะไรกันแน่ ..

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์