ชา เครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในทุกวันนี้ ทั้งในไทยและทั่วโลก ไม่ว่าจะเพื่อสุขภาพ หรือ ความอร่อย โดยที่ชาได้รับความนิยมเป็น อันดับที่ 2 ของโลกเป็นรองแต่เพียงน้ำเปล่าเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่า ชา นั้นมีประวัติยาวนาน มากว่า3,000ปี การเก็บใบชานั้น จะนิยมเก็บแบบ 1ยอด 2ใบ ไม่มากไปกว่านี้ เพราะจะสามารถเก็บเอาคุณประโยชน์ของชาที่สำคัญได้น้้นคือ"สารโพลิฟินอล" โดยชานั้น ในตอนแรกยังไม่ได้นำมาบริโภคในลักษณะของการดื่ม แต่ถูกใช้ในการประกอบอาหาร และนำไปใช้เป็นส่วนผสมของตัวยาขนานต่าง ๆ ในสมัยโบราณ จนเมื่อราว1,043 ปีก่อนคริสตกาล หรือราว 3,000 ปีก่อน ชาถึงได้ถูกบริโภคในลักษณะของการ ชงดื่ม โดยมีความเชื่อว่า ต้นกำเนิดของชาต้นแรกเกิดที่แคว้น บาซู หรือ เสฉวนในปัจจุบัน ในเมือง ติงซาน ซึ่งในสมัยก่อนถือว่าเป็นของชั้นสูง โดยจะเป็นเครื่องบรรณาการ ส่งแก่ราชวงค์ โจว ราว 1,000ปีก่อนคริสตกาล ก่อนที่จะแพร่หลาย ไปทั่วโลกเช่นปัจจุบันนี้ โดยชานั้นมีสายพันธ์ุ มากกว่า 1,000 ชนิด แต่หลัก ๆ แล้ว จะมีที่มาจาก 2 สายพันธ์ุหลักคือ ชาพันธุ์จีน และ ชาพันธุ์อัสสัม โดยที่ ชาพันธุ์จีน จะมีลักษณะลำต้น เป็นพุ่มเตี้ย สูงประมาณ 2-6 เมตร มีใบเล็ก สีเขียวเข้ม นิยมปลูกแบบขั้นบันไดเหนือระดับน้ำทะเล เติบโตได้ดีใน อุณหภูมิต่ำ ต้องการ การเอาใจใส่ค่อนข้างมาก ชาพันธุ์อัสสัม มีลักษณะลำต้นสูง 6-8 เมตร ใบใหญ่ มีสีเขียวอ่อน นิยมปลูกแบบทั่วไปเหนือระดับน้ำทะเล เติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้น ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศได้ดี ต้องการ การดูแลค่อนข้างน้อย โดยชาที่นิยมดื่มกันนั้น จะมี 3 ประเภทคือ 1. ชาไม่หมัก ได้แก่ ชาเขียว และชาขาว เป็นชา ที่ไม่ผ่านการ ตากแดด และผึ่งลม จะมีสีเขียวและสีขาว 2. ชากึ่งหมัก ได้แก่ ชาเหลือง และชาอู่หลง เป็นชา ที่ผ่านการตากแดดและ ผึ่งลม จะมีสีเหลืองและสีน้ำตาลอมเหลือง 3. ชาหมัก ได้แก่ชาแดง และชาดำ เป็นชา ที่ผ่านการตากแดด ผึ่งลมและผ่านกระบวนการหมัก เป็นชาที่ยิ่งเก็บนานยิ่งมีรสชาติดี จะมีสี น้ำตาลแดง การเก็บใบชานั้น จะนิยมเก็บแบบ 1ยอด 2 ใบ ไม่มากไปกว่านี้ เพราะจะสามารถเก็บเอาคุณประโยชน์ของชาที่สำคัญได้น้้นคือ "สารโพลิฟินอล" ซึ่งสาร "โพลิฟินอล" นี้ก็มีประโยชน์อย่างมากมายคือ ช่วยต้าน อนุมูลอิสระ ช่วยต้าน มะเร็ง ป้องกัน โรคหัวใจ ป้องกัน โรคเบาหวาน ป้องกัน ฟันผุ ป้องกัน จุลินทรีย์ และป้องกันโรคอ้วน แต่ถึงแม้ว่าจะมี คุณประโยชน์ และรสชาติดีแค่ไหน ก็มีข้อควรระวังอยู่ คือ สตรีมีครรภ์ไม่ควรจะดื่ม เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ขวบ และผู้ทีมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ อย่างไรก็ดี คงปฏิเสธไม่ได้ว่าอาหารนั้นมีอิทธิพลและส่งผลต่อสุขภาพอย่างมาก แต่การออกกำลังกาย และการมองโลกในแง่ดีก็เป็นส่วนสำคัญ ของการมีสุขภาพที่ดี และมีความสุข cr. pixabay