บ่ายแก่ ๆ วันหนึ่ง ― ขณะที่ผมกำลังดำเนินชีวิตไปตามปกติของทุกวัน เสียงโทรจาก Massenger ดังขึ้น...ชื่อของเพื่อนที่มักจะคุยกันถูกคอปรากฎขึ้นบนหน้าจอ 'เฮ้ย ว่าไง~' เขาพูดขึ้นมาทันทีที่ผมปัดปุ่มรับสายขึ้น บทสนทนาของผมกับเขาเป็นในลักษณะที่เพื่อนโทรมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ จนเขาได้เอ่ยปากชวนผมให้ไปเที่ยว "เกาะล้าน" ด้วยกันกับเพื่อนแก๊งหนุ่มโฉด โดยจะไปกัน 3 วัน 2 คืน ...หลังจบการสนทนาคราวนั้น ผมได้ขอเวลาไตร่ตรองดูก่อนว่าจะตัดสินใจไปดีไหม มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ผมต้องขอคิดดูก่อน ทั้งในเรื่องของเวลา, ค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่า ซึ่งเมื่อเวลาและเงินพอไปได้ ในความคุ้มค่าผมต้องคิดก่อนว่า 'ไปแล้วจะได้อะไร' ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วก็โอเค ไปแล้วได้ผ่อนคลาย ได้ถ่ายรูป และผมก็ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศทะเลมาสักพักแล้ว จึงตกลงตัดสินใจที่จะไป วันเดินทาง ผมนัดกับเพื่อน ๆ เพื่อไปเจอกันที่สถานีรถตู้หมอชิต...เราเดินทางไปกันด้วยรถตู้ ในวันนั้นเพื่อนบางคนจำเป็นต้องสะสางธุระส่วนตัวก่อน เพื่อน ๆ บางส่วนจึงได้เดินทางล่วงหน้าไปก่อน เมื่อทำธุระเสร็จผมและเพื่อนอีกสองคนที่เหลืออยู่จึงค่อยนั่งรถตู้อีกคันตามไป...รถตู้มาส่งพวกเราถึงท่าเรือ บรรยากาศบนเรือนั้นหากจะบอกว่าเย็นสบาย...ก็พูดได้ไม่เต็มปาก มันเป็นเรือราคาถูกที่ชาวบ้าน นักเรียน คนทำงานบนเกาะ และนักท่องเที่ยวใช้กันโดยทั่วไป แม้ลมทะเลจะพัดมากระทบกับเรือจนผมกระเสิง แต่บรรยากาศก็ไม่ได้คึกคักเท่าไรนัก ระยะทางของเกาะล้านกับชายฝั่งห่างไกลกันพอสมควร ขณะนั้นผมไม่ได้สนใจเรื่องเวลาเลยว่านานเท่าไหร่ แต่มันนานจนเริ่มรู้สึกทรมาณเลยล่ะ... เมื่อมาถึงเกาะล้าน ― พวกเราก็พบเพื่อน ๆ ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไซน์ที่เช่ามา พวกเขาจอดรอรับพวกเราที่เหลืออยู่บนสะพานท่าเรือ เราซ้อนกันไปยังที่พัก ซึ่งเพื่อนที่เดินทางมาล่วงหน้าได้ทำการติดต่อที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่พักของเราแยกเป็นสองหลัง หลังใหญ่มีสี่เตียงและหลังเล็กมีหนึ่งเตียง เมื่อผมไปถึงที่พักก็ได้ทักทายเพื่อน ๆ และนั่งพักฟื้นจากความเหนื่อยล้าบนเรือ ตามที่คุยกันไว้คือเราจะใช้เวลาที่นี่ 3 วัน 2 คืน แต่ในวันแรกนั้นเมื่อพวกเราเดินทางมาถึงเวลาก็หมดไปเกินครึ่งวันซะแล้ว... เย็นวันแรกพวกเราไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ ๆ กับที่พัก ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมีพิเศษนักเป็นอาหารทั่วไป จากนั้นก็ซื้อขนมกลับไปกินกันยังที่พัก แล้วก็เข้านอนกันโดยไม่ได้ทำอะไรมากในวันแรก วันที่สอง ― พวกตั้งใจกันว่าจะไปเล่นน้ำกันให้ครบทุกหาด เมื่อตื่นมาในช่วงเช้า เราก็อาบน้ำแต่งตัวกัน มีเพื่อนสองคนที่เสร็จก่อนใคร พวกเขาจึงชวนผมไปดูชายหาดกันเพื่อถ่ายรูป หากผมจำไม่ผิดน่าจะเป็น 'หาดทองหลาง' บรรยากาศสบาย ๆ มีคนมาถ่ายรูปเล่นกันอยู่เรื่อย ๆ แต่ไม่หนาแน่นมากนัก เมื่อพวกเราถ่ายรูปเล่นกันไปสักพัก เพื่อนๆที่เหลือก็ดูเหมือนจะพร้อมกันแล้ว ผมนำกล้องไปเก็บ เพราะพวกเรามีแผนจะไปว่ายน้ำกัน พวกเราและเพื่อนคนอื่น ๆ จึงไปทานข้าวยังร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งร้านนี้ดูจะ local กว่าร้านที่เรากินเมื่อเย็นวันแรก หลังจากทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พวกเราทั้งหมดก็ซ้อนมอเตอร์ไซน์ที่เช่ามาเพื่อไปเล่นน้ำกันที่ 'หาดตาแหวน' บรรยากาศของหาดตาแหวนคึกคักมาก เราไปเล่นกันตอนเที่ยง ซึ่งแดดเผากลางหัวพอดี แดดค่อนข้างร้อน แต่ก็สามารถทดแทนความทรมาณจากแดดได้ด้วยน้ำทะเลและผู้คนที่มาชายหาดนี้ ผู้คนเล่นน้ำกันอย่างหนาแน่นมาก มีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย (กลุ่มที่พวกเราสนใจเป็นพิเศษคือชาวจีน...ด้วยนิสัยเสือป่าที่ซุกซ่อนกันอยู่ในตัวของพวกเราแต่ละคน) ผมไม่แน่ใจนักว่าเราเล่นกันไปนานแค่ไหน แต่ก็นานพอดีจะทำให้หน้าของผมเกิดรอยแดงจากแดดที่มันเห็นได้ชัดมาก แดงเหมือนคนดื่มสุรามาแบบหนัก ๆ เลยล่ะ... เมื่อพวกเราเล่นน้ำกันจนพอใจแล้ว เราก็ตระเวนไปตามชายหาดต่าง ๆ แต่ก็ไม่ได้เล่นที่หาดไหนอีก เนื่องจากหาดอื่น ๆ ไม่น่าเล่นเหมือนหาดตาแหวน เราทำเพียงแค่แวะลงไปเดินเล่นกันเท่านั้น หลังจากนั้นเรากลับไปอาบน้ำล้างตัวกันที่บ้านพัก เมื่ออาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ไปทานอาหารกันยังร้านอาหาร เรากินกันทั้งปลา กุ้ง หมึก หอย ครบองค์ประกอบเลยล่ะ ทานกันเสร็จเราก็เดินทางกันไปยังร้านดนตรีสด (ร้านเหล้าน่ะแหละ) ด้วยความที่ผมไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ผมจึงไปนั่งดูดนตรีสดสักพัก จากนั้นก็ขอตัวกลับที่พักก่อน วันสุดท้ายของทริป ― พวกเราไม่ได้วางแผนกันว่าจะทำอะไรบ้าง จึงได้ออกไปถ่ายรูปและเดินเล่นกันตามชายหาดต่าง ๆ เมื่อถึงหาดสุดท้าย (ผมจำชื่อหาดไม่ได้) มันเป็นหาดที่ยาวมากกก มีคนเล่นน้ำกันอยู่พอสมควร แต่ไม่ได้เยอะเท่าหาดที่เราเล่นกันเมื่อวันที่สอง พวกเราก่อมัมมี่ทรายเฝังเพื่อนเล่นกันสนุกสนานมาก แล้วเพื่อน ๆ ก็ตัดสินใจเล่นน้ำกันอีกรอบ แต่ผมไม่ได้เล่นด้วย เนื่องจากไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อเล่นน้ำ ชุดของผมไม่พร้อมเอามาก ๆ แถมผมยังพกกล้องมาอีกด้วย ผมจึงคอยถ่ายรูปเพื่อนๆและเดินเล่นรอบชายหาดไปดีกว่า... เมื่อเพื่อน ๆ เล่นน้ำกันจนพอใจ พวกเขาก็ขึ้นมาเล่นมัมมี่ทรายกันบนหาด ใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะกว่ากลบได้หมดทั้งตัว เมื่อเราเล่นกันเสร็จก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น รถมอเตอร์ไซน์คันหนึ่งของเราเกิดปัญหาขัดข้อง...ผมไม่แน่ใจนักว่าปัญหาคืออะไร แต่มันสตาร์ทไม่ได้ พวกเราจึงเรียกเจ้าของร้านเช่ามาดู แล้วก็เรากลับไปยังที่พักกันโดยที่ต้องปล่อยรถไว้แบบนั้น... เรากลับไปอาบน้ำและเก็บของกันยังที่พัก เมื่อเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินทางกลับกันทันที ซึ่งบรรยากาศบนเรือก็คล้ายๆเดิม ทุกคนเอือมกับระยะเวลาและระยะทางที่เดินทางจากเกาะไปถึงฝั่งมาก ๆ... เมื่อถึงฝั่งพัทยา เราก็ทำการเดินทางกลับโดยรถตู้ ซึ่งก็เป็นอันจบทริปหนุ่มโฉดเกาะล้านครั้งนี้ ผลของการมาเที่ยวในทริปนี้ทำให้ผิวหน้าของผมมีรอยแดงจากแสงแดดที่ชัดมาก ๆ จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวเกือบสองสัปดาห์เลยล่ะกว่าจะกลับมาปกติ เป็นคติเตือนใจตัวเองสำหรับทริปการไปทะเลครั้งหน้าเลยล่ะว่า...ควรพกกันแดดที่กันน้ำไปด้วย พกร่มไปด้วยยิ่งดี เล่นน้ำเฉพาะตอนไม่มีแดดก็น่าจะดี... ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน