หลังจากสิ้นเสียงร้องตะโกนว่า “νενικήκαμεν” (nenikekamen) หรือ “เราชนะแล้ว” ของ ‘Pheidippides’ (ฟีร์ดิปปิเดซ) นายทหารชาวกรีกผู้ส่งข่าวชัยชนะของกองทัพกรีกเหนืออาณาจักรเปอร์เซียที่ยิ่งใหญ่ในขณะนั้น เขาก็เสียชีวิตทันที เนื่องจากวิ่งแบบไม่หยุดพัก จากที่ราบสนามรบมาราธอนมายังกรุงเอเธนส์เมืองหลวง รวมระยะทางทั้งสิ้น 40 กิโลเมตร (24.85 ไมล์)เลยทีเดียว นั่นคือตำนานของการก่อเกิดกีฬาวิ่ง “มาราธอน” ที่คนทั้งโลกรู้จักดี เป็นหนึ่งในกีฬาที่คนวิ่งจะต้องก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งร่างกายและจิตใจอย่างมาก ในการเอาชนะตนเองให้ไปถึงจุดหมายตามเวลาที่กำหนดไว้ในระยะต่างๆได้ ปัจจุบันกีฬาวิ่งในแบบมาราธอนนี้ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีรายการแข่งขัน และกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าร่วมมากมายทั้งระดับโลก ระดับประเทศ ที่เน้นการแข่งขันเพื่อยกระดับการจัดงานให้ผ่านมาตรฐานต่างๆมีเป้าหมายเพื่อชัยชนะ ทำลายสถิติเดิม สร้างสถิติใหม่และงานวิ่งในระดับชุมชนท้องถิ่น ที่มีเป้าหมายเพื่อระดมทุนและส่งเสริมการออกกำลังกายเป็นหลัก ทำให้กีฬาวิ่งหลายรายการมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในด้านจำนวนคนเข้าร่วม ระยะทาง เส้นทางวิ่ง เป็นต้น เอื้อให้เกิดนักวิ่งหน้าใหม่มือสมัครเล่นได้เริ่มทดลองวิ่งแบบระยะทางสั้นๆที่ระยะทาง 4-10 กิโลเมตร(ฟันรัน-มินิมาราธอน) และยกระดับสมรรถนะในการวิ่งเพิ่มขีดความสามารถ จนสามารถเพิ่มระทางในการวิ่งเพื่อแข่งขันร่วมกับนักวิ่งมืออาชีพได้ที่ 20 กิโลเมตร(ฮาล์ฟมาราธอน) และแบบเต็มรูปแบบหรือสุดเพดานการวิ่งที่ 42.195 กิโลเมตร(ฟูลมาราธอน)ในที่สุด ประเทศไทยมีรายการวิ่งที่ก้าวสู่ระดับมาตรฐานสากลอยู่ 2 แห่งและกำลังยื่นขอมาตรฐานอยู่ 1 แห่ง รายการวิ่งทั้ง 3 แห่งนี้ มีคนสมัครวิ่งหลายหมื่นคน แต่ผ่านเข้าร่วมวิ่งได้แค่หลักหมื่นต้นๆเท่านั้น สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่ การได้ไปวิ่งในรายการเหล่านั้นเหมือนจะไกลสุดเอื้อม แต่สำหรับนักวิ่งอาชีพแล้ว การได้ไปวิ่งที่นั่นถือว่าเป็นประสบการณ์สำคัญและประวัติศาสตร์ของชีวิตที่ต้องได้จารึกชื่อไว้สักครั้งหนึ่งว่า ในชีวิตนี้ได้ไปวิ่งในรายงานนั้นมาแล้ว เรามาดูกันครับว่า จากกว่า 1,800 งานวิ่งที่จัดขึ้นในไทยแต่ละปีนั้น มีเพียง 2 รายการวิ่งเท่านั้นที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก มีที่ไหนและน่าสนใจยังไงบ้าง ไปดูกันครับ เผื่อเป็นทางเลือกและเป้าหมายในการเริ่มต้นวันนี้ของใครสักคน ภาพจาก https://photo.thai.run งานแรก ต้องยกให้นี่เลยครับ งานวิ่ง “บางแสน21 ฮาล์ฟมาราธอน” งานวิ่งที่จังหวัดชลบุรีแห่งนี้ ได้รับการรับรองมาตรฐาน IAAF Silver Label ในปี 2019 โดยได้จัดงานขึ้นครั้งแรกในปี 2015 และใช้เวลาเพียง 5 ปีเท่านั้นก็ได้รับการรับรองมาตรฐาน IAAF Silver Label ในปี 2019 เป็นงานแรกและงานเดียวของไทย ในการเข้าสู่ทำเนียบ 1 ใน 5 งานฮาล์ฟมาราธอนระดับโลก ล่าสุดอยู่ระหว่างขอรับรองมาตรฐาน IAAF ระดับ Gold Label Road Race ที่สำคัญคือติดอับดับ 1 งานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนที่ดีที่สุด 4 ปีซ้อน (ผลการโหวตจากนักวิ่งในเพจวิ่งไหนดี) ทำให้ในปี 2019 ที่ผ่านมามีนักวิ่งตอบรับเข้าร่วมงานวิ่งทั้งหมด 40,000 คน แต่ถูกตอบรับให้เข้าร่วมวิ่งได้เพียง 12,000 คนเท่านั้นนั้น โดยงานวิ่งดังกล่าวมีนักวิ่งอีลิทระดับโกลด์ ที่มีฝีเท้าระดับโลกมาร่วมวิ่ง เช่น ซิเซ่ เลมม่า คาเซเย่ และมาร์ธา เลม่า นักวิ่งจากประเทศเอธิโอเปีย และนักวิ่งแนวหน้าของไทย เข้าร่วมวิ่งอย่างคับคั่ง การได้มาวิ่งในรายการนี้เหมือนมาร่วมงานเดินพรมแดงในแวดวงการวิ่งเลยทีเดียว ที่นี่ยังให้ความสำคัญกับสุขภาพนักวิ่งด้วยการเตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉิน ใช้โดรนและ GPS ในการติดตามดูนักวิ่งกลุ่มเสี่ยง การใช้เทอร์โมสแกน เตรียมเครื่อง AED ไว้ช่วยเหลือนักวิ่งกรณีเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวจากแพทย์ พยาบาลและรถฉุกเฉินที่มาประจำการครบครัน นอกจากนั้น นักวิ่งทุกคนยังได้รับประกันคุ้มครองอุบัติเหตุด้วยวงเงินรักษาพยาบาลถึง 100,000 บาท ภาพจาก https://photo.thai.run สำหรับบรรยากาศของเส้นทางการวิ่ง เน้นธรรมชาติสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นสุดที่ 5 กิโลเมตร 10 และ 21.1 กิโลเมตรก็ตาม เพราะเส้นทางถูกกำหนดให้วิ่งเลียบชายหาดบางแสน-แหลมแท่น-อ่างศิลา-เขาสามมุข ตามสโลแกนที่ว่า “วิ่งเลียบชายหาด กินลม ชมลิง ที่แสนสุขที่สุด” ตลอดเส้นทางที่ปิดถนนแบบ 100 % จะมี จุดแจกน้ำดื่ม เกลือแร่และผลไม้ ทุกๆ 2 กิโลเมตร พอถึงเส้นชัยก็จะมีอาหารจานหลักอย่างดีเพียงพอสำหรับนักวิ่งทุกคน ภาพจาก https://photo.thai.run ส่วน เสื้อวิ่ง-เหรียญรางวัล เรียบง่ายแต่ดูดีน่าสะสม และยังมีรางวัลพิเศษที่มอบให้กับนักวิ่งที่เข้าเส้นชัยในลำดับต้นๆ คือตุ๊กตาลิงจอมซนชื่อ "แซมมี่" กับ "มุ๊กกี้" ตัวนำโชคของบางแสน21ที่ใครอยากได้ต้องใช้เหงื่อและพลังใจแลกมาเท่านั้น วิ่งเสร็จแล้ว หากจะพักหรือเที่ยวต่อ ก็มีที่พักและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับประเทศหลายแห่งให้ไปไกลมาก เช่น เกาะสีชัง หาดบางแสน สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ระหว่างพักผ่อนอยากจะโพสต์ภาพที่ตัวเองวิ่งก็ไม่ยากเพราะงานนี้เขามีระบบหาภาพตัวเอง ทั้ง Face ID ระบบจดจำใบหน้า และระบบ Face Search เพียงใส่เหมายเลขBiBหรือใส่ภาพใบหน้าตนเองเข้าไปในระบบ ก็จะเจอได้ทันที ที่นี้ก็โพสต์กันได้สนุกสนานหล่ะ งานที่สอง ซึ่งมาแรงหายใจรดต้นคองานวิ่งบางแสน21 คืองานวิ่ง “บุรีรัมย์มาราธอน” งานนี้ก็เพิ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน IAAF Bronze Label ในปี 2019 ที่ผ่านมานี่เอง ทั้งๆที่จัดงานวิ่งมาเพียง 2 ปีเท่านั้น และเป็นการแข่งขันในรายการนี้ยังเป็นสนามฟูลมาราธอน ระดับบรอนซ์เลเบิลแห่งแรกของเมืองไทยแชมป์รุ่น 18-29 ปี ที่ได้รับการรับรองโดยสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ IAAF ภายใต้แนวคิด “YOUR ULTIMATE DESTINATION-สวรรค์ของนักวิ่ง” ล่าสุดเมื่อต้นปี 2020 ในการจัดแข่งวิ่งปีที่ 4 มีนักวิ่งเข้าร่วมแข่งขัน 30,120 คน นักวิ่งระดับอีลิทจากทั่วโลกและชาวไทยเข้าร่วมการแข่งขันหลายคน เช่น คอร์เนลเลียส กิบิวอทท์ เชปกอก ชาวเคนย่า สญชัย นามเขต ลมกรดทีมชาติไทย รวมถึงศิลปินและดาราจำนวนมาก โดยผู้ชนะเข้าเส้นชัย จะได้รับถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ที่น่าสนใจมากคือ เป็นปีแรกที่รายการวิ่งนี้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดลำดับรุ่นอายุในระยะมาราธอน ที่เรียกว่า AbbottWMM Wanda Age Group Ranking ซึ่งจัดโดย Abbott World Marathon Majors ทำให้นักวิ่งที่ในระยะมาราธอนมีสิทธิ์ไปวิ่งในรายการ World Marathon Majors ได้(London Marathon) บรรยากาศบนเส้นทางการวิ่งบุรีรัมย์มาราธอนมีความเฉพาะตัว โดยเส้นทางปล่อยตัวเริ่มจาก Chang International Circuit สนามแข่งรถฟอร์มูล่า 1 สัมผัสธรรมชาติ ทุ่งหญ้า ท้องนา วิถีชีวิต แหล่งประวัติศาสตร์ ตัวเมืองเก่าบุรีรัมย์ แล้วกลับมาเข้าเส้นชัยที่สนามฟุตบอล Chang ARENA อันโด่งดัง ระยะทางวิ่งสั้นสุดคือ ฟันรัน 4.5 กิโลเมตร โดยในทุกระยะการแข่งขันทั้ง 10 กิโลเมตร 21.1 และ 42.1 กิโลเมตร จะมีจุดบริการน้ำ เครื่องดื่มเกลือแร่ไม่อัดลมทุกๆ 2 กิโลเมตร ที่จุดเส้นชัยจะมีการบริการอาหาร Ice bath นวดเท้า แยกตามระยะของการวิ่งนั้นๆ สำหรับนักวิ่งอายุ 60 ปีขึ้นไปเขาลดครึ่งราคา หากอายุตั้ง 70 ปีขึ้นไปฟรี (เฉพาะคนไทย) โดยผู้สมัครทุกระยะ จะได้รับความคุ้มครองประกันภัยอุบัติเหตุ 100,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ 10,000 บาทอีกด้วย อีกหนึ่งอย่างที่นักวิ่งสนใจและเป็นตัวเลือกหนึ่งในการสมัครไปวิ่ง คือ เสื้อวิ่งและเหรียญรางวัล รายการนี้ต้องสะสมครับ เพราะออกแบบได้น่าสนใจ โดยใช้รูปปราสาทเขาพนมรุ้งสัญลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์เป็นโลโก้สำคัญบนเหรียญ เวลาห้อยเหรียญนี้เหมือนได้ย้อนอดีตไปนับพันปี สำหรับนักวิ่งที่ต้องการภาพตัวเอง เฉพาะนักวิ่งระยะมาราธอน ฮาล์ฟมาราธอน และมินิมาราธอน สามารถสร้าง Personalized Certificate ของตัวเองได้แล้ว ซึ่งใบ Personalized Certificate คือ ใบที่มีชื่อ พร้อมสถิติเวลาวิ่งและรูปสวยๆที่เราสามารถเลือกมาประกอบได้เอง จะเลือกเป็นรูปภาพแบบดาวน์โหลดฟรี หรือซื้อรูปภาพขนาดใหญ่มาสร้างก็ได้ พอเอาไปติดข้างฝาบ้านแล้วมันน่าภาคภูมิใจมากทีเดียว เรื่อง อาหาร ที่พัก มีให้เลือกใช้บริการมากมายหลายแบบครับ จุดกางเต็นท์ราคาเบาๆก็มี การเดินทางไปจุดปล่อย ก็มีการจัดรถรับ-ส่งฟรีในจุดสำคัญของตัวเมืองบุรีรัมย์ เช่น สนามบิน สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ และนอกจากมาวิ่งแล้ว ก็สามารถวางแผนเที่ยวทั้งในตัวเมืองและรอบๆเมือง เช่น สวนดอกไม้เพลาเพลิน ชมสนามช้างอารีน่า ปราสาทเขาพนมรุ้ง ปราสาทหินเมืองต่ำ เขากระโดงได้อีกด้วย ตอนนี้ ก็ได้แต่แอบลุ้นและให้กำลังใจคนจัดงานวิ่งในไทยว่า จะสามารถยกระดับและพัฒนางานวิ่งไปเรื่อยๆ จนสามารถพิชิต World Athletics Gold Label Road Race ได้ในที่สุด โดยผมเองเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการจัดงานวิ่งเทียบเท่า World Marathon Majors ทั้ง 6 สนาม และอนาคต ก็ไม่แน่ว่า Label ใหม่ที่เป็นระดับสูงสุดคือ World Athletics Platinum Label Road Race ที่เพิ่งถูกประกาศและเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2020 นี้ น่าจะสร้างแรงจูงใจให้งานวิ่งของเราก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดได้มากทีเดียว ขอบคุณที่อนุญาตให้ใช้ภาพประกอบจาก https://www.facebook.com/bru.marathon และภาพฟรีจาก https://photo.thai.run