ต้องยอมรับด้วยใจจริงว่าความรู้ในโรงเรียนนั้นสอนให้เราจบมาเป็นลูกจ้างมากกว่าเป็นนายตัวเอง หลักสูตรการเงิน การลงทุนไม่เคยถูกบรรจุให้อยู่ในหลักสูตรการศึกษาหลัก ทั้ง ๆ ที่ความรู้ด้านการเงินเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการชี้ชะตาว่าคน ๆ นั้นจะมั่งคั่ง ร่ำรวย หรือ ยากจน มันคือสิ่งที่เราต้องใช้ในชีวิตจริงและอยู่กับมันไปตลอดชีวิต ทุกวันนี้จึงกลายเป็นว่าใครมีความรู้ด้านการเงิน ใครฉลาดทางการเงินคือคนที่ได้เปรียบ คนที่ไม่มีความรู้ในด้านนี้ ไม่เคยตระหนักถึงเรื่องของการเกษียณ ไม่เคยรู้จักแม้กระทั่งเงินออมฉุกเฉินที่ต้องมี 6-12 เท่าของรายจ่าย ไม่มีการแบ่งรายได้เป็นสัดส่วนของเงินออม เงินใช้ เงินลงทุน และเมื่อพูดถึงช่องทางการลงทุนหลักสูตรในโรงเรียนก็ไม่มีสอนเช่นเดียวกัน คนส่วนใหญ่จึงไม่รู้วิธีทำให้เงินทำงานแทนเรา ไม่รู้ถึงพลังความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้น ไม่รู้ถึงอำนาจพลังทวี ทำให้การสร้างเนื้อ สร้างตัวเพื่อยกระดับฐานะของตนให้ดีขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่ดูยากเย็นเหลือเกินสำหรับผู้ไม่รู้ วันนี้ผู้เขียนจึงนำหนังสือการเงินชื่อดังระดับโลกมารีวิวเพื่อให้ทุกท่านได้เห็นแนวทางที่ถูกต้องอันจะนำไปสู่ชีวิตการเงินที่มั่งคั่งและสุขสันต์ได้ค่ะพ่อรวยสอนลูก (Rich Dad Poor Dad) จำนวน 376 หน้า ราคา 250 บาท พิกัด B2Sภาพโดยผู้เขียนหนังสือการเงินสุดคลาสสิกเล่มนี้ถูกท่ายทอดผ่านตัวอักษรโดยโรเบิร์ต คิโยซากิ นักเขียนหนังสือการเงินอันดับหนึ่งที่ได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลาย และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Rich Dad ร่วมกับคิม คิโยซากิ ผู้เป็นภรรยา ทำให้เราได้เห็น CASHFLOW Game ยอดฮิตที่เปลี่ยนชีวิตคนทั่วโลกมานักต่อนัก อันเป็นการพัฒนามาจากฝีมือของพวกเขาทั้งสองคน นอกจากนั้นโรเบิร์ตยังเป็นเจ้าของหนังสือการเงิน การลงทุนอีกเป็นสิบ ๆ เล่ม และหนึ่งในนั้นคือหนังสือที่ผู้เขียนตั้งใจจะนำมารีวิวในวันนี้ค่ะ เนื้อหาในหนังสือจะถูกแบ่งย่อยออกมาทั้งหมด 9 บท ซึ่งในบทแรก ๆ จะทำให้เราปรับความคิดและเข้าใจวิธีการทำงานของคนรวยและคนจนเสียใหม่ เพราะคนรวยจะไม่ทำงานเพื่อเงิน แต่จะใช้เงินเพื่อทำงานแทนพวกเขาและจะยอมทำงานเพื่อแลกกับทักษะ ความรู้แทนเงินตรา หากสิ่งที่ได้มานั้นคุ้มค่าและสร้างประโยชน์ต่อพวกเขาในอนาคต ส่วนคนจนและคนชั้นกลางจะเลือกทำงานเพื่อเงิน ใช้แรงกาย ใช้เวลาของพวกเขาแลกเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อนำมาประทังชีวิต ถามว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่เรียนรู้วิธีใช้เงินให้ทำงานแทนแต่กลับทำงานเพื่อเงิน คำตอบคือการเริ่มต้นเรียนรู้และลงมือทำให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะกับคนที่มีความกลัวอยู่ในความคิด และไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความมุ่งมั่น ทุ่มเทในการสร้างรากฐานที่แข่งแกร่งเป็นสะพานเชื่อมไปสู่ความสำเร็จ การที่ต้องเริ่มต้นเรียนรู้และลงมือทำด้วยตัวเอง แก้ปัญหาด้วยตัวเองนั้นยากกว่าการแต่งตัวไปทำงานแล้วตอกบัตรให้ตรงเวลาเป็นอย่างมาก นั่นคือเหตุผลที่เรามักจะเห็นคนที่ทำงานเพื่อเงินมากกว่าคนที่ใช้เงินทำงานภาพโดยผู้เขียนและหนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณเข้าใจได้ว่าความรู้ด้านการเงินนั้นสำคัญต่อการสร้างฐานะมากขนาดไหน หากเราเริ่มต้นติดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้วกระดุมเม็ดต่อ ๆ ไปจะถูกติดให้ถูกที่ได้อย่างไร โรเบิรต์คือคนที่ท้าทายความเชื่อของผู้คนส่วนใหญ่ด้วยวิวาทะที่ว่า "บ้าน คือ หนี้สินไม่ใช่ทรัพย์สิน" กว่าผู้คนส่วนใหญ่จะเข้าใจและเชื่อในคำพูดเขาก็ตอนที่เกิดวิกฤตซับไพร์มขึ้นแล้วที่สหรัฐอเมริกาในปี 2008 ตอนแรกที่ผู้เขียนได้อ่านประโยคนี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมบ้านถึงเป็นหนี้สินแต่ตอนหลังมาผู้เขียนก็เข้าใจความหมายนั้นแล้วค่ะ โปรดจำไว้ว่าสิ่งใดที่ทำเงินให้นั่นคือทรัพย์สิน สิ่งใดทำเงินไหลออกนั่นคือหนี้สิน การเริ่มต้นทำงานในอายุยี่สิบกว่า ๆ สิ่งสำคัญคือการสร้างทรัพย์สินทำเงินไม่ใช่การสร้างหนี้สินที่ทำให้เราต้องผ่อนจ่ายในทุก ๆ เดือน เมื่อย่างเข้าสู่อายุ 30 สิ่งที่ควรทำคือมุ่งเน้นสร้างความมั่งคั่ง เพื่อยกระดับฐานะการเป็นอยู่ให้ตรงตามเป้าหมายที่เราต้องการ ไม่จำเป็นต้องรวยเป็นร้อยล้าน พันล้าน แต่ความมั่งคั่งนั้นอยู่ที่ตัวคุณเป็นคนกำหนด หากรายได้ที่เป็น Passive income 100,000 บาท มากพอต่อการใช้จ่าย กินอยู่ได้อย่างสุขสบายตามไลฟ์สไตล์คุณนั่นก็ถือเป็นความมั่งคั่งในชีวิตของคุณแล้วภาพโดยผู้เขียนหนังสือการเงินเล่มนี้เป็นหนังสือที่ทุกคนควรอ่าน หากอยากมีความรู้ด้านการเงินที่ถูกต้อง คุณจะได้ทั้งแนวคิด ความรู้อันจะนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกทาง คนที่รู้คือคนที่ได้เปรียบ หากคุณไม่อยากเป็นคนที่ต้องทำงานเพื่อเงินไปตลอดชีวิตจงใฝ่หาความรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะความรู้ด้านการเงิน เพราะการมีเงินเยอะไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คุณร่ำรวยแต่ความฉลาดทางการเงินต่างหากที่จะทำให้คุณรวยอย่างแท้จริงและยั่งยืน