อิสระภาพทางการเงินเป็นสิ่งที่หลายคนโหยหา การสร้างฐานะและความมั่งคั่งในชีวิตวัยทำงานเพื่อให้ตนเองและครอบครัวได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำแล้ว แต่อย่าลืมวางแผนไปถึงอนาคตข้างหน้าที่รออยู่อย่างการเกษียณด้วยนะคะ หากเราเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 20 ปี เราจะมีเวลาหาเงินราว 40 ปี และอยู่ใช้ชีวิตไปอีกประมาณ 20 ปี นั่นหมายความว่าเราจะมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 80 ปี ก่อนจะจากโลกใบนี้ไปตลอดกาล เราไม่สามารถหาเงินเข้ากระเป๋าได้ตลอดชีวิตด้วยการใช้แรงกายแลกมา ดังนั้นการวางแผนหลังเกษียณจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมาก หลายคนที่เรียนจบมาและเริ่มทำงานมักมองว่าการเกษียณเป็นเรื่องไกลตัว แต่คุณรู้มั้ยว่าจริง ๆ แล้วเราควรเริ่มต้นวางแผนเกษียณตั้งแต่เริ่มต้นทำงานมีเงินเดือนแล้ว หากเริ่มต้นวางแผนและลงมือทำตอนอายุยังน้อย เงินที่เราต้องเก็บออมและนำไปลงทุนให้งอกเงยเพื่อเอาไว้เป็นเงินใช้จ่ายหลังเกษียณจะไม่หนักเท่าตอนที่มาเริ่มคิดได้เมื่อตอนอายุปาเข้าไป 50 ปี แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าคนอายุเยอะจะเริ่มวางแผนเกษียณไม่ได้นะคะ เพราะพวกเขาก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันแต่อาจจะต้องใช้เงินมากหน่อยถ้าอยากให้ผลตอบแทนมันงอกเงยมาก ซึ่งต่างจากคนอายุน้อยที่มีทั้งเวลา มีเงินและรับความเสี่ยงได้มากกว่า และวันนี้ผู้เขียนก็นำหนังสือที่จะพาให้คุณได้มีโอกาสเกษียณเร็วและเกษียณรวยไปพร้อม ๆ กันค่ะ แต่ต้องอ่านแล้วนำไปปรับใช้ตามด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นความรู้ที่ได้มาจะเปล่าประโยชน์ค่ะหนังสือพ่อรวยสอนลูก เกษียณเร็ว เกษียณรวย จำนวน 520 หน้า ราคา 280 บาท พิกัด SE-EDภาพโดยผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานเขียนของโรเบิร์ต คิโยซากิ ถูกเรียบเรียงโดยคุณธนกร นำนับพร และบรรณาธิการโดยคุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์ หรือที่เรารู้จักกันในนามของ Money Coach นั่นเองค่ะ เนื้อหาที่มีมากกว่า 500 หน้าในหนังสือเล่มนี้ แม้จะดูเหมือนเยอะและต้องใช้เวลาอ่านนานพอสมควร แต่ความรู้ที่ทุกคนจะได้ไปคุ้มค่ากับเวลาที่ใช้ไปกับการอ่านแน่นอนค่ะ เนื้อหาทั้งหมดจะถูกแบ่งเป็น 4 ภาคหลักอันประกอบไปด้วย1.พลังทวีแห่งจิตใจ2.พลังทวีแห่งแผนการ3.พลังทวีจากการลงมือกระทำ4.พลังทวีจากก้าวแรก และทั้ง 4 ภาคนี้จะถูกแบ่งเป็น 21 บทย่อย และเช่นเคยค่ะ ในบทแรก ๆ ของเนื้อหา จะเน้นการปรับแนวคิดและความเชื่อก่อนเป็นอันดับแรก เพราะการเปลี่ยนโลกทัศน์ของคุณจะเป็นวิธีที่ทำให้คุณเปลี่ยนมาเป็นคนรวยได้เร็วที่สุดแล้ว ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก (มากก) เพราะคนส่วนใหญ่จะเลือกใช้ชีวิตอยู่ในขอบเขตที่ตนเองคุ้นเคยมากกว่าที่จะยอมเปลี่ยนแปลงไปสู่หนทางใหม่ เลือกที่จะรู้สึกสบายตลอดชีวิตโดยการออกไปทำงานประจำตามความเคยชิน ดีกว่าการยอมฝืนพาตนเองไปผจญความยากลำบากโดยการพยายามเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ของตนเองเพียงไม่กี่ปี แลกกับความสบายไปตลอดชีวิต การเริ่มต้นที่ฟังดูเหมือนยากทำให้คนจนยอมที่จะใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นดีกว่ายอมเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่สิ่งที่ดีกว่าภาพโดยผู้เขียนการสร้างแผนการที่จะนำไปสู่การเกษียณรวยและเร็วได้นั้น จึงต้องอาศัยความคิดและการลงมือทำที่ถูกต้องตรงตามเป้าหมายที่เราคาดหวังไว้ คนส่วนใหญ่มักจะมีวิธีทำเงินแบบเชื่องช้าจึงทำให้คนส่วนน้อยที่ทำเงินได้อย่างรวดเร็วแซงหน้าไปอย่างรวดเร็วจนมองไม่เห็นฝุ่น และก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมค่อนข้างสูง ปัญหาเชิงโครงสร้างนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่อาจแก้ไขได้ด้วยตัวของเราเอง แต่การยกระดับฐานะของเราให้ดีขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่เราทำได้แม้ตัวคนเดียว หนังสือเล่มนี้จะป้อนแนวคิดและวิธีการที่ถูกต้องให้กับเราโดยอัตโนมัติ ขอเพียงให้คุณเปิดใจกว้าง ๆ เปิดสมองโล่ง ๆ และนำความรู้ที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ไปเริ่มลงมือปฏิบัติในชีวิตจริง ซึ่งจะทำให้คุณเปลี่ยนจากคนเลนช้าไปสู่เลนด่วนได้ด้วยตัวของคุณเอง ไม่ต้องคอยรอการชวยเหลือจากใคร และไม่ต้องพึ่งโชคลาภภาพโดยผู้เขียนหากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่อยากจะมีชีวิตหลังเกษียณอย่างเกษม หรืออยากจะเกษียณเร็วและมั่งคั่ง หนังสือเล่มนี้เป็นสิ่งที่คุณควรอ่านค่ะ อย่าคิดว่าการเกษียณเป็นเรื่องไกลตัวเพราะตนอายุยังน้อยและไม่ควรหวังพึ่งใครยามเกษียณด้วยค่ะ เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่มีใครอยู่ดูแลเราไปได้ตลอดชีวิต มีแต่เราที่จะอยู่กับตัวเอง ดังนั้นการเตรียมตัวและเตรียมแผนการให้พร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นวิธีที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับเราค่ะ และสำหรับท่านที่คิดไว้ว่าหลังเกษียณจะกลับไปปลูกผัก เลี้ยงปลาอยู่บ้าน ใช้ชีวิตธรรมดา ๆ นั่นเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่อย่าลืมเก็บเงินเผื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉินด้วยนะคะ เพราะเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ท่านไม่สามารถที่จะกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายได้ด้วยตัวเปล่า ๆ หรือไปด้วยเงินที่มีติดบัญชีอยู่เพียงเล็กน้อย เพราะหากคุณเกิดล้มป่วยหรือเจอกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาก ๆ คุณจะพบกับความลำบากอย่างแสนสาหัสเลยล่ะค่ะ โปรดรู้ไว้ว่าหากมีเงินน้อย = คุณมีตัวเลือกน้อย แต่ถ้ากลับกันคุณเตรียมเงินไว้มาก = คุณมีตัวเลือกมาก ยกตัวอย่างให้เห็นภาพกันชัด ๆ สมมติว่าคุณป่วยหนักแต่คุณมีเงินมากทำให้คุณสามารถเลือกรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดได้ เลือกห้องพักที่ดีที่สุดได้หรือแม้กระทั่งเลือกรักษากับหมอที่เก่งที่สุดก็ยังได้ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนป่วยหนักที่ไม่มีเงิน คุณอาจจะใช้สิทธิ์การรักษาอย่างประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ไม่มีสิทธิ์เลือกโรงพยาบาลที่มีความพร้อมมากกว่า ไม่มีโอกาสเลือกห้องพักเดี่ยวอย่างดี และคงจะได้นอนในห้องผู้ป่วยรวม ได้รับการรักษาดูแลที่ด้อยกว่าในโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ ๆ ที่มีความพร้อมทั้งด้านอุปกรณ์ เครื่องมือและบุคลากรทางการแพทย์ ดังนั้นบั้นปลายชีวิตที่คุณต้องการเป็นแบบไหน จงวางแผนและเดินไปสู่เส้นทางนั้นค่ะ อย่าหยุดจนกว่าจะไปถึงจุดหมาย