ว่าด้วยเรื่องขนมขบเขี้ยวที่มีอยู่ทุกพื้นภาค มีหลากหลายอย่างที่แตกต่างกันออกไป ทั้งรสชาติหน้าตาที่ชวนชิม เป็นขนมไว้ทานเล่นกรุบกริบ ๆ ในทุกรุ่นทุกวัย ในวันนี้เองผู้เขียนจะพาทุกท่านไปพบกับขนมอีกอย่างหนึ่ง ที่ทุกคนอาจจะยังไม่รู้มาก่อนสำหรับขนมชนิดนี้ บอกก่อนเลยนะครับว่า หวาน หอม กรอบ ชวนรับประทานกันไปเลยทั้งนี้ยังเป็นขนมในนานอีกด้วยนะครับ ที่มีมาตั้งแต่สมัยปู่สังกะสาย่าสังกะสี ที่ยังคงความอร่อยและมีการทำมาตลอดจนถึงปัจจุบันนี้ พร้อมแล้วตามผมมาเลยครับ…… ข้าวโป่ง เป็นขนมชนิดหนึ่งที่ทำมาจากข้าวเหนียวนึ่ง ผสมกับวัตถุดิบต่าง ๆ เข้ากันเพื่อเพิ่มความหอม ความหวาน มัน ผสมผสานกันด้วยการตำให้วัตถุดิบทุกอย่างเข้ากันด้วยครกที่มีขนาดใหญ่ หรือชาวบ้านเรียกว่า ครกกระเดื่อง(ครกมอง) ส่วนขั้นตอนวิธีการทำผมมีมาบอกครับ แต่ผมจะขอเล่าสักนิดก่อนนะ ข้าวโป่งถึงจะมีหน้าตาที่ธรรมดา ๆ แต่ผมขอรับรองเลยว่ารสชาตินี้ถึงกับติดใจ ด้วยความหวานมัน ของส่วนผสมที่เป็นสูตรโบราณ นอกจากจะทำกินกันในครัวเรือนแล้ว ข้างโป่งยังเป็นขนมที่ใช้กับงานบุญประเพณีในทางพระพุทธศาสนาด้วย คือการนำข้าวโป่งที่ทำเสร็จไปใช้เป็นเครื่องประดับงานบุญมหาชาติด้วยครับ โดยชาวบ้านเชื่อว่าข้าวโป่งเป็นขนมที่มีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง เหมาะสำหรับใช้ประดับในงานมงคล เรามาดูวิธีการทำกันเลยนะครับหลังจากบรรยายมามากแล้ว ในส่วนของการทำข้าวโป่งจะมีขั้นตอนวิธีการทำดังนี้ วัตถุดิบ 1.ข้าวเหนียวนึ่ง 2.น้ำตาล 3.กะทิ 4.งา (สีขาวหรือสีดำก็ได้) 5.น้ำมันพืช 6.เถากระพังโหม หรือ เครือตดหมา ครั้นเอาน้ำ ตํา... ตํา...ตํา.. เมื่อเตรียมวัตถุดิบครบทุกอย่างแล้ว เรามาเริ่มการทำข้าวโป่งไปพร้อม ๆ กันเลยครับ นึ่งข้าวเหนียวให้สุกในส่วนของปริมาณก็ขึ้นอยู่กับเราเองครับว่าจะทำมากน้อยเท่าไหร่ประมาณการตามใจตัวเองเลย พอได้ข้าวเหนียวนึ่งแล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการตำด้วยครกกระเดี่อง(ครกมอง)ตามภาพเลยนะครับ การตำนั้นต้องใช้เเรงคนประมาณ 5-6 คน เพราะครกมองนี้มีขนาดใหญ่น้ำหนักมากและจะมีคนเฝ้าปากครกเพื่อดูความพอดีของข้าวโป่ง เริ่มจากตำข้าวหนียวให้ละเอียดก่อนใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ข้าวติดครกตามด้วยการพรมน้ำกระพังโหมใส่ข้าวไปเรื่อย ๆ ในขณะตำ น้ำกระพังโหมจะช่วยให้ข้าวโป่งมีกลิ่นหอมสไตล์โบราณนั่นเอง จากนั้นก็ใส่กะทิและน้ำตาลตามเหมาะสมของปริมาณข้าวหรือตามรสชาติที่ต้องการ ขั้นตอนสุดท้ายคือการโรยงาเพื่อเพิ่มสีสันให้น่ากินและรสชาติที่หอมทั้งหมดนี้จะใช้เวลาการตำอยู่ประมาณ 15-20 นาที ตำจนเนื้อข้าวเหนียวหนึบ พอได้ที่เเล้วก็นำใส่ภาชนะเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการแปรรูปเป็นแผ่นตากแห้ง เมื่อการตำเสร็จแล้วก็เข้าสู่การทำเป็นแผ่นตากแห้ง โดยจะปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดเท่าลูกไข่ทำการบีบ(เหมือนการตีแป้งโรตี)แต่ข้าวโป่งจะใช้วิธีการนวดเบา ๆ ให้มันขยายตัวออกจนได้เป็นแผ่นกลมบาง จากนั้นก็นำไปวางเรียงกันบนเสื่อ(สาด)ซึ่งความเหนียวของมันจะติดกับเสื่อได้เอง แล้วก็นำไปตากแดดประมาณ 4 ชั่วโมง ก็ได้ออกมาเป็นข้าวโป่งกินหอมชวนชิมแล้วครับ เมื่อตากเสร็จก็ลอกออกจากเสื่อนำมาปิ้งกินได้อย่างเอร็ดอร่อยกันเลยครับ ส่วนของการปิ้งต้องใช้ไฟอ่อน ๆ พลิกไปพลิกมาเรื่อย ๆ จะเห็นได้ว่าเนื้อของข้าวโป่งจะฟูขึ้นจนได้เป็นแผ่นที่ใหญ่กว่าเดิมถึง 2 เท่ากันเลย กรอบ หวาน มัน เป็นขนมที่กินแล้วไม่เบื่อเพราะมันเต็มไปด้วยกลิ่นของเครือกระพังโหมที่หอมชวนน้ำลายไหลเยิ้ม นอกจากจะทำกินในบ้านแล้ว แถวบ้านผมยังทำขายในรูปแบบสินค้า OTOP ของอำเภอซึ่งค่อนข้างขึ้นชื่อพอสมควรประกอบกับการสร้างรายได้ใน้กับครัวเรือนได้อีกด้วย ขนมที่ทุกคนอาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อน ซึ่งผู้เขียนได้เอาเรื่องราววิธีการทำมาแชร์ให้ทุกท่านแล้ว คงจะชอบกันไม่มากก็น้อยแหละครับ อาจจะเป็นขนมโบราณสำหรับสายตาผู้คน แต่ผมอยากให้ทุกท่านได้ลองทำชิมรสชาติดูครับ รับประกันความอร่อยกันไปเลย หากท่านใดชอบขนมไสตล์นี้อยู่แล้วก็นำวิธีจากที่นี่ไปทำกินกันได้เลยนะครับกับสูตรลับที่ไม่ลับนี้ งบประมาณการทำก็ไม่เยอะหรอกพอทำกินได้ในครอบครัว และนี่แหละครับคือเรื่องราวของการทำข้าวโป่งที่ผู้เขียนอยากจะให้ทุกคนได้รับประโยชน์มากที่สุดกับการทำขนมนี้ เป็นเกร็ดความรู่เพิ่มเติมไว้ใช้ในยามที่ต้องการทำหรือนำไปเผยแพร่ต่อ ๆ กันไป รูปภาพทั้งหมดจาก : ผู้เขียน