สวัสดีเพื่อนๆ เคยได้ยินความเชื่อบ้างมั้ยว่า หากเราได้ไหว้พระนอน จะทำให้ชีวิตเราสุขสบาย ถ้าเป็นเช่นนี้ก็คงจะเป็นมงคลแก่ตัวเองไม่น้อย วันนี้สบโอกาสมากราบไหว้พระนอนที่มีชื่อทางการว่า พระปางไสยาสน์(พิลาลัย) ผู้คนมาสักการะหนาแน่นเชียวแหละ ที่วัดแก้วพิจิตร แห่งนี้ในอำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ใกล้ๆ มีแม่น้ำไหลผ่านวัด เรียกว่าแม่น้ำปราจีนบุรี หรือสายเดียวกับแม่น้ำบางปะกงเมื่อไหลผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรานั่นเอง ไหนๆมาถึงวัดแล้ว ควรจะรู้เรื่องราว (คร่าวๆ พอสังเขป)ของที่นี่กันสักหน่อย วัดแก้วพิจิตรเป็นวัดเก่าแก่อายุมากกว่าร้อยปี เริ่มก่อสร้างเมื่อปีพ.ศ.2422 สร้างบนเนื้อที่ของนางประมูล โภคา (นามเดิม แก้ว ประสังสิต) เป็นเศรษฐีนีหม้ายเล็งเห็นว่าการทำบุญเป็นสิ่งที่ดี ควรให้ญาติมิตรข้าทาสบริวารไดร่วมกุศลด้วย จึงให้มีการทำบุญตักบาตรถือศีลฟังธรรมในวันธรรมสวนะขึ้นที่บ้าน นิมนต์พระสงฆ์จากวัดหลวงปรีชากูลครั้งละ 10 รูป ไปรับบิณฑบาต ฉันภัตตาหารเช้า-เพล และมีการแสดงธรรมเทศนาวันละ 2 ครั้ง ซึ่งกระทำต่อเนื่องมา 6-7 ปี ต่อมาเกิดศรัทธาอยากสร้างวัดได้บริจาคเงิน 50 ชั่งพร้อมที่ดินส่วนหนึ่ง และบอกบุญกับญาติมิตร มีผู้ศรัทธาร่วมบริจาคหลายราย ได้แก่ นายฮะ บ้านบางบริบูรณ์ บริจาค 20 ชั่ง หลวงพิพิธโภคา บริจาค 10 ชั่ง และนางขจัดโจรกรรม (หลานของนางประมูล โภคา) บริจาคที่ดินร่วมสร้างวัดอีกส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นเจ้าพระยาอภัยภูเบศร(ชุ่ม) ได้มาพัฒนาก่อสร้างเพิ่มเติมและใช้เป็นที่เรียนหนังสือไทย-นักธรรม ชื่อว่าโรงเรียนอภัยวิทยคารไทย-บาลี นับเป็นการสนับสนุนการเรียนหนังสือไทยเป็นแห่งแรกของจังหวัดปราจีนบุรี (อ้างอิงข้อมูลจากพิพิธภัณฑ์วัดแก้วพิจิตร)พูดถึงปูชนียสถานสำคัญของวัด คือ พระอุโบสถมีสถาปัตยกรรมโดดเด่นทางการผสมผสานของศิลปะหลากหลายชาติ โดยเฉพาะศิลปะแบบเขมร เหตุหนึ่งที่มีศิลปะเขมรมาผสมผสานอาจเป็นเพราะเจ้าพระยาอภัยภูเบศรนั้น ท่านเป็นเจ้าเมืองพระตะบองคนสุดท้าย ที่ได้อพยพเข้ามายังสยามประเทศในสมัยนั้นในอีกมุมของวัดที่เราประทับใจใคร่รู้ เป็นศาลาที่ประดิษฐานพระนอนซึ่งอ่านประวัติของพระนอนที่เขียนไว้แล้วจึงนำมาจั่วหัวเป็นเรื่องเล่าให้เพื่อนๆ นั่นไง และในอินเตอร์เน็ตก็ยังไม่ค้นเจอข้อมูลในส่วนนี้ด้วยหล่ะ เรื่องเล่าที่มาว่า...บริเวณที่สร้างวัดเดิมนั้นเป็นป่าเบญจพรรณ พื้นที่ที่สร้างโบสถ์มีต้นไม้ใหญ่สองต้น ต้นหนึ่งคือต้นเกตุ และอีกต้นคือต้นตะเคียนทอง เมื่อต้นเกตุทิ้งต้นตาย เจ้าอาวาสได้นำไม้เกตุไปแกะสลักเป็นองค์พระพิฆเณศ (ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของวัด) ส่วนต้นตะเคียนทอง ที่ทิ้งต้นตายเช่นกัน เจ้าอาวาสจึงให้นำลำต้นไปแกะสลักเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ (มีความยาวเกือบ 6 เมตร) เพื่อเป็นเครื่องสักการะแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และคำว่า “พิมพิลา” แปลว่าต้นตะเคียนทองกราบไหว้พระนอนแล้วก็เดินไปฝั่งท่าวัดเป็นเขตอภัยทาน มีแพให้อาหารปลาริมแม่น้ำหรืออยากจะทำบุญปล่อยปลาก็ได้ (เน้นย้ำว่าตามศรัทธาและวิจารญาณส่วนบุคคล เพราะบางชนิดเช่น ปลาไหลไม่สามารถอาศัยอยู่ในแม่น้ำได้) เรามานั่งรับลมเย็นดูสายน้ำไหลเอื่อยช่วยให้ชีวิตเนิบช้าลง จิตใจสงบเลือกที่จะโฟกัสในสิ่งที่ชอบ เช่นข้อคิดที่ได้ในวันนี้ คือวัดนี้สงบง่าย ไม่ได้เป็นพุทธพาณิชย์วัดนี้เกิดขึ้นได้ด้วยจิตศรัทธาของผู้สร้างพระนอนจากไม้ตะเคียนและพระพิฆเนศจากไม่เกตุที่ยืนต้นตาย แสดงวิสัยทัศน์ของอดีตเจ้าอาวาสที่จะดำรงพุทธศาสนาให้ยั่งยืนองค์พระพิคฆเนศ เป็นเทพเจ้าของฮินดูว่าด้วยการอำนวยพรในเรื่องสติปัญญา ศิลปวิทยาการและความสำเร็จทั้งปวง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์การยอมรับศรัทธาและแสดงว่าพุทธ-พราหมณ์เป็นเรื่องใกล้ตัวที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านานก่อนจะออกจากวัด เราก็แวะเข้าไปกราบไหว้พระประธานภายในพระอุโบสถซึ่ง ประดิษฐานหลวงพ่ออภัยวงศ์ และพระยืนปางอภัยทาน ที่มีพุทธศิลป์งดงาม กราบลาขอพรท่านแล้วก็เดินทางกลับด้วยใจเป็นสุขปล.หากเนื้อหาคำบอกเล่าไม่ตกหล่น รวมเงินบริจาคในการสร้างวัดได้ 80 ชั่งเทียบมาตราเงิน 1 ชั่งมีค่าเท่ากับ 80 บาท คิดเป็นทุนทรัพย์ 6,400 บาท เมื่อร้อยกว่าปีก่อน จะเทียบกับค่าเงินในปัจจุบันต้องใช้เท่าไหร่ในการก่อสร้าง เพื่อนๆ มีวิธีคำนวนยังไงกันบ้าง มาแชร์กันครับพิกัด วัดแก้วพิจิตร หาไม่ยากตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรีเครดิตภาพ ถ่ายจากกล้องมือถือผู้เขียนกำลังหาที่เที่ยวหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !