เที่ยวเกาะเสม็ด ยุคโควิด 19 เดินทางจาก จังหวัดขอนแก่น จุดหมายที่ เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ช่วงเวลา 4-7 ธันวาคม 2564 (ฉีดวัคซีนครบ 2 โดนแล้ว Sinovac)การเดินทาง : อาศัยรถตู้ของญาติผู้ร่วมทริป ที่พัก : "บ้านไทยแสงเทียน" ห้องพักได้ราคาดี เลยเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจเดินทางไปเที่ยว หลังจากไม่สามารถเดินทางได้ เป็นการเที่ยวทะเลหน้าหนาวครั้งแรก จากจังหวัดที่อยู่ เป็นปีที่หนาว แอบหวังว่าไปทะเลจะไม่หนาวแบบที่บ้าน ไปถึง ก็เย็นระดับหนึ่งเลยที่เดียว สำหรับคนชอบเล่นน้้ำ ต้องเตรียมผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้าแห้ง ไปเปลี่ยน เพราะขึ้นจากน้ำปากสั่นกันเลย เดี่ยวจะเป็นไข้ได้ เกริ่นมายาวเลย เอาเป็นว่ามาเริ่มกันเลยออกเดินทางจากขอนแก่น ตี 3 กว่า ถึง ตลาดบ้านเพ ตอนประมาณ เที่ยงนิดๆ ลงรถ จะมีมอเตอร์ไซค์เจ้าถิ่นเสื้อเขียนไว้ว่า "บริการนักท่องเที่ยว" ขับมาแนะนำและสอบถามทันที่ ว่าได้จองเรือไว้แล้วหรือยัง ซึ่งเราไม่ได้จองไว้ เค้าจึงแนะนำ "ท่าเรือเทศบาล" มีรถบริการไปส่งท่าเรือฟรี ตั๋วเรือ : จากที่ทราบกันอยู่แล้ว มี 2 แบบ เรือเร็ว และ เรือช้า ซึ่งเราเลือกเรือเร็ว ค่าตั๋ว 400 ต่อคน ไป-กลับ สามารถออกเดินทางได้เลย 15 นาที บวก ลบ ไม่เกิน 20 นาที (กระแทกอ้วกแทบพุ่ง ) พนักงานขายตั๋วจะสอบถามว่าฉีดวัคซีนครบหรือยัง ให้เราแสดงหลักฐานการฉีด ในแอพฯหมอชนะ หรือเอาใบที่ทางโรงพยาบาลให้ไวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งเราจะต้องได้แสดงขั้นตอนเข้าอุทยาน และที่พักอีกครั้ง หากยังฉีดวัคซีนไม่ครบ หรือยังไม่ได้ฉีด จะมีทีมแพทย์ไปตรวจโควิดให้ในที่พัก *เรือช้า ไป-กลับ 120/คน **แต่จากที่คุยกับลุงขับแกรบ แล้วสามารถซื้อได้ถูกกว่านั้นมาก 😭 ถ้าไปถึงแล้ว ก็ใจเย็นๆ เดินเล่นดู ไปก่อน ไม่ต้องรีบตามคำแนะนำของพี่วิน ถึงท่าเรือเกาะเสม็ด : เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ย้ายมาที่ทางเข้าเกาะ เพื่อบริการและตรวจโควิด ลงทะเบียนเราชนะ ต่อคิวลงชื่อ ค่าธรรมเนียมเข้าเกาะ คนไทย 40 บาท/คน ต่างชาติ 120/คน ไปต่อค่ะ เดินทางมาจากขั้นตอนต่างๆได้แล้ว จะมาเจอกับท่ารถ ที่รับ ส่ง นักท่องเที่ยวตามที่พักต่างๆ ค่ารถ ไปส่งที่หาดแสงเทียน คนละ 60 บาท เส้นทางแอดแวนเจอร์สุดๆ คนขับรถต้องชินทาง เพราะขับเร็ว กันสุดๆ ถ้าจะเช่ารถมอเตอร์ไซค์ให้เช่าตั้งแต่อยู่ที่ท่าเรือ เพราะช่วงโควิดนักท่องเที่ยวน้อย ร้านที่ให้เช่ารถปิดตัวไปเยอะ แทบไม่มี คนขับรถไปส่งที่ทางลงหาดแสงเทียน ซึ่งเราต้องเดินต่อไปที่รีสอร์ทเอง ซึ่งไม่ไกลเท่าไหร่ เดินหน้าหาดไปได้เลย.หาดแสงเทึยนเป็นหาดท้ายๆ และระยะหน้าหาดไม่กว้าง (เวลาน้ำขึ้นจะสั้นมากๆ) แต่มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมได้ ในบริเวณใกล้เคียงมี รีสอร์ทให้บริการอยู่ 3-4 รีสอร์ท ไม่ไกลกันมาก และแต่ละรีสอร์ทจะให้บรรยากาศที่ต่างกัน จากที่เราเดินสำรวจรีสอร์ทปิดตัวลงค่อนข้างเยอะ ระยะทางที่เดินมาถึงที่พัก น่าจะมีสัก 2 รีสอร์ทที่ปิดตัวลง ซึ่งก็เป็นระยะทางไม่ไกล ช่วงที่ไปเป็นช่วงหยุดยาว 3 วัน จึงทำให้ไม่เงียบเหงาเกินไป ถึงที่พัก "บ้านไทยแสงเทียน" พนักงานสุภาพ กันเองดีี แต่แตกต่างจากรีสอร์ททั่วไป ก็แอบ งงๆ แต่ไม่ได้แย่น่ะค่ะ ห้องพัก สะอาด เป็นบ้านไม้ทรงไทยใต้ถุนสูง ทำการปรับปรุงใหม่ ทำเป็นห้องพัก ไม่น่ากลัวเลย ซึ่งตอนที่ไปเรา ได้ห้อง sea view อยู่ชั้น 2 ลมเย็นดี แทบไม่ต้องเปิดแอร์ มีเก้าอี้ยาวตลอดแนว มีเก้าอี้ยาวให้นอนเล่นรับลมหน้าห้อง บรรยากาศภายในรีสอร์ท ร่มรื่น อาคารห้องพักไล่ระดับขึ้นไปด้านบน เงียบสงบ สามารถมาพักผ่อนเป็นครอบครัว รองรับรับครัวใหญ่ มีกิจกรรมพายเรือคายัค ฟรี เล่นน้ำหน้าหาด ของรีสอร์ท ทะเลฝั่งนี้ คลื่นลมแรง ดำน้ำตื่น ค่อนข้างยาก และอันตราย หาดที่มีแนวปะการัง คือ หาดลุงดำ หรืออ่าวลุงดำ อยู่สุดแนวหาด แต่ช่วงที่ไปไม่สามารถลงได้เพราะกระแสน้ำและคลื่นแรง มองลงไปหน้าหาดจากส่วนต้อนรับ ที่รีสอร์ทมีบริการนวด ในส่วนของอาหาร มีให้สั่ง ซื้อทางโทรศัพท์ มีทั้ง อาหารตามสั่ง ,อาหารทะเลสด, หมูกะทะ ใช่ค่ะ หมูกะทะ ไปทุกที 🤣 เป็นบริการจัดส่งทั่วเกาะ ที่รีสอร์ทไม่มีครัว หรือร้านอาหารให้บริการโดยตรง แต่สามารถเดินไปรับประทานอาหารได้ที่ ทางทิศตะวันออก "แสงเทียนรีสอร์ท" ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน "แสงเทียนรีสอร์ท"มีบริการอาหารหลากหลาย อาหารทะเลสด ดนตรีสด แสดงกระบอกไฟ ยามเย็นช่วงเวลา 19:30 น. ร้านอาหารจะเต็มในช่วงวันหยุดยาว ทางร้านมีบริการจองโต๊ะร้านอาหาร รีสอร์ทที่อยู่ติดกันฝั่งทางด้านทิศตะวันตกปิดให้บริการแต่สามารถเดินต่อไปได้ใกล้กัน คืออ่าวลุงดำ และเป็นร้านอาหาร แบคคอมเม้นท์ มื้อแรกสั่งอาหารทะเลสด ราคาไม่เบาเท่าไหร 😅 แต่มาแล้วก็ลองสักหน่อย รสชาติใช้ได้ที่เดียว ไม่ได้ถามชื่อร้าน มีแค่เบอร์สั่งติดไว้หน้าเคาเตอร์รีสอร์ท หมดไป กับ วันแรกที่มาถึง บรรยากาศดี มีกลุ่มครอบครัวที่มาพักก่อนหน้า จัดเตรียมกับข้าว กับปลา ปิ้งย่างหน้าหาด สามารถดำเนินการเอง จัดเจงเองได้ บรรยากาศหาดหน้ารีสอร์ทยามเย็น นอนฟังเสียงคลื่น จิบเครื่องดื่มเย็นๆ หากต้องการแสงสีเสียง ต้องเป็นหาดทรายแก้ว มีบริการรถรับ-ส่ง ราคาต้องสอบถามหน้าเคาเตอร์รีสอร์ทเพราะจะเป็นราคาเหมา วันที่2 ของการท่องเที่ยว เริ่มจากทางรีสอร์ทมีบริการ ชา กาแฟ โอวัลติน น้ำร้อน บริการตลอด 24 ชม อาหารเช้า มีขนมปัง แยม ฟรี เริ่มวันด้วยกาแฟ และขนมปังปิ้ง ทาแยม ง่ายๆ แล้ว ออกไปเดินเล่น ถ่ายรูปบริเวณรอบๆชิงช้า นั่งรับลม แต่อย่านั่งนาน ไหมก็ได้ง่ายๆ 🤣มุมสวยๆ สำหรับถ่ายรูป ช่วงเช้าน้ำยังไม่ขึ้นมาก สายๆมาน้ำขึ้น สูง ท่วมถึงชิงช้า แต่อยู่หน้าห้องของรีสอร์ทอื่น เหมาะสำหรับคนชอบเดิน มีอะไรให้เพลิดเพลิน ระหว่างเดินทางก็พบเพื่อนใหม่ๆ หมาน้อยหลงทาง กลับบ้านไม่ถูก 🤣 กับ แมวน้อยเจ้าถิ่น เดินทางชมบรรยากาศ หรือจะนอนเล่นหน้าหาด สบายๆ รับมาเย็นๆ ไปเที่ยวช่วงนี้ คือเดินเล่นสบายตัวดี ไม่ร้อนเกินไป ไม่มีเหงื่อเท้าไหร ซึ่งปกติผู้เขียนจะเหงื่อออกท่วม เหงื่อออกเยอะกว่าคนทั่วไปนายแบบจะสุดไปหน่อยกับท่าถ่ายรูป 😅เดินไปทางอ่าวลุงดำ มีร้านอาหารตามสั่งตั้งอยู่ระหว่างทาง มีไก่ย่าง ส้มตำ รสชาติพอใช้ได้ ไก่ย่างหนังกรอบรสหวานทานกับข้าวเหนียวอร่อยมาก 🤗 หลังจากทานเสร็จ เดินจนเหนื่อยไป 1 รอบ กลับห้องพัก นอนรับลมหน้าห้อง หนังท้องตึงหนังตาหย่อน ตื่นอีกที่บ่าย 3 กว่าๆ ชักชวนเพื่อนรวมทริปไปเที่ยวอ่าวพร้าว ที่อยู่อีกฝั่ง เพื่อนถาม ไปทำอะไร มีอะไรให้ดู ผู้เขียนก็ไม่รู้เหมือนกัน 🤣 ไปกันเถอะ ไปดูกัน ไปถึง เกือบเย็นแล้ว แต่บรรยากาศดีมาก เป็นที่ตั้งของอุทยานฯ ซึ่งมีบริการห้องพัก มีไม่มาก จองผ่านเวบไซต์เท่านั้น เก้าอี้ เสื้อชูชีพ หน้ากากดำน้ำ ให้เช่า อย่างละ 50 บาท และบอกเลยว่า คนชอบดำน้ำตื้น ต้องถูกใจ มี ปะการัง ปลา ซึ่งผู้เขียนชอบมาก ในบริเวณมีรีสอร์ท 2 แห่ง ซึ่งราคาผู้เขียนไม่สามารถจองได้ 😅 ขนาดช่วงที่ไปว่าลดราคาแล้ว ยังไม่ไหว แต่สามารถเหมารถ รับ-ส่งได้ ราคาที่ผู้เขียน เหมารถไป-กลับ 600 บาท ในราคานี้ พาไปร้านอาหารทะเลสด พาแวะเซเว่น หาดทรายแก้ว บรรยากาศยามเย็นที่อ่าวพร้าว ไปถึงเกือบเย็นแล้ว ลงดำน้ำตื้น ดูปลา ไม่สะใจ กลับมาใหม่เช้าวันถัดมา แสงได้ ถ่ายรูปสวย แต่บอกเลยว่าหนาววววว ที่บริเวณทำการอุทยานฯ มีห้องอาบน้ำ ไว้บริการฟรี เล่นน้ำเสร็จก็ล้างเนื้อล้างตัว เดินทางกลับเข้าฝั่ง กันต่อเลย ไปพักในตัวตลาดบ้านเพ เพื่อรอรถไป จังหวัดจันทบุรี ผู้เขียนพักที่ "Relax Inn" อยู่ตรงข้าม ท่าเรือเทศบาล ราคาห้องพัก 1,080 บาท สำหรับ 3 ท่าน 1 คืน เป็นห้องพักแบบ Home stay ดัดแปลงอาคารพาณิชย์เป็นห้องพัก ปกติที่พักมีบริการร้านอาหาร และบาร์ แต่เนื่องจากแขกน้อย วันที่ไปถึงเป็นวันจันทร์ เป็นวันหยุดร้าน แต่เจ้าของใจดีกลัวว่าจะเงียบเกินไปเลยเปิดบาร์ บริการลูกค้า ความสะดวกพอสมควร แต่สภาพภายนอก เงียบเหงามาก ร้านค้าปิดตัวไปเยอะมาก ก็แอบประหลาดใจ ว่านี้เมืองท่องเที่ยวทำมั้ยเงียบเหงา ร้านค้า ร้านอาหาร ห้องพัก ปิดตัวลงไปเยอะมาก ร้านกาแฟอเมซอนปิด 5 โมงเย็น เดินลงมาเซเว่น ประมาณ ทุ่มนิดๆ ร้านค้าปิดหมดแล้ว เงียบมาก จากที่คุยกับร้านค้า และลุงขับแกรบ (ลุงบอกแกรบมีลุงคนเดียวที่ขับบริเวณนี้ 😅)ร้านค้าปิดตัวไปเยอะ ไม่มีนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติแทบไม่มีเลย ช่วงที่ไปมี ชาวต่างชาติเล็กน้อย คนเกาหลี คนญี่ปุ่น และชาวต่างชาติผิวขาว ส่วนมากพักที่อ่าวพร้าว เพราะเป็นส่วนตัวดี ไหนๆก็มาถึงที่ขายอาหารทะเล ก็ไม่พลาดไปตามร้านแนะนำหาดแม่รำพึง ร้านป้ายา และ ร้านอึ่ง อาหารทะเลสดๆ พวกปลา นี้ยืนยันค่ะสดจริง ว่ายอยู่ในอ่างเลย รสชาติหนักไปทางเปรี้ยว 😅 ร้านอาหารยังเปิดอยู่เยอะพอสมควร หากท่านใดมีโอกาสได้แวะไป สามารถเลือกรับประทานกันตามสะดวกได้เลย รสชาติอาหารไม่ต่างกันมากนักท้ายสุดของทริปนี้ ไม่ผิดหวังสำหรับการกลับมาเที่ยวที่เสม็ดอีกครั้งหลังจากไม่ได้มาเป็น 10 ปี มีการพัฒนา และปรับปรุง ให้สวยงามดังเดิม แต่แอบทีเหงาๆ ตามสภาพของเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน ชี้ให้เห็นเลยว่าสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่มันหนักหนา หวังว่าเราจะมีอะไรที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ทุกคนต่างกลัวการล็อคดาวน์ รอบใหม่ และกลัวโรคระบาดที่ปรับตัวเป็นสายพันธุ์ใหม่ แต่การทำงานหาเลี้ยงครอบครัวก็ยังคงเป็นเรื่องใหญ่ ในยุคสมัยนี้แม้แต่การเดินทางใกล้บ้าน ทำงาน ยังเป็นเรื่องที่อันตราย การมาเที่ยวครั้งนี้ก็ได้เห็นสิ่งใหม่ ในเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน รวมถึงตัวเองด้วย 🥰😊🥰 สู้กันต่อไปค่ะ หวังว่าคนที่ได้อ่าน และอ่านมาถึงตรงนี้ จะได้รับสิ่งดีๆ ไปบ้างน่ะค่ะ อัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !