ขอเกริ่นนิดนึงว่าเราเป็นเกาะกูดเลิฟเวอร์ ครั้งแรกที่ได้ไปเกาะกูดคือไปท่องเที่ยวประจำปีกับบริษัท ไปแล้วฟิน ไปแล้วชิล รอบนี้เมื่อร่างกายเริ่มเรียกหาทะเลอีกแล้ว เลยเล็ง ๆ ว่าจะไปที่ไหนดี เคยลงใต้ไปกระบี่มาแล้ว แต่ก็ต้องใช้งบประมาณพอสมควรในการเดินทาง รอบนี้เลยขยับให้ใกล้เข้ามาหน่อยเพื่อประหยัดงบจ้า แล้วภาพเกาะกูดก็ลอยมาเลย น้ำสีฟ้าแจ่ม ลมทะเลพัดเอื่อย ๆ ชวนชื่นใจ เกาะที่คอยปลอบประโลมจิตใจและทำให้รู้สึกสบายใจ เลยตกลงใจว่า “ฉันจะกลับไปหาเธอ...” จากนั้นก็บอกกับจุ่นแม่ซึ่งเป็นผู้ร่วมทริป จุ่นแม่โอเค เราก็เลยจองรถ-เรือ และจองที่พัก วันแรก : “ตื่นเต้นจัง วันนี้ฉันจะได้เจอเธอแล้วนะ” ด้วยความตื่นเต้นดี๊ด๊าที่จะได้เที่ยว เราเลยจองรถที่จะออกจากกรุงเทพฯ รอบตี 5 ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง พอตี 4 ครึ่งเราก็มาถึงออฟฟิศของบริษัท บุญศิริ จำกัด ที่ถนนตานี แถว ๆ บางลำพู เมื่อมาถึงก็ยื่นเอกสารการจองให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อเช็กอิน เจ้าหน้าที่จะให้ตั๋วทั้งขาไปและขากลับมา จากนั้นก็นั่งรอรถแบบสวย ๆ พอตี 5 ราชรถ... เอ้ย รถบัสก็มาเกยถึงที่ ขึ้นรถมาก็เปิดเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับทะเล “ร่างกายต้องการทะเล หัวใจต้องการมีเธอ คลื่นลมไม่ฮา ไม่เฮ ถ้าทะเลไม่มีเธอ...” ของวรรธนา วีรยวรรธน “ชูวีดูวา จะพาเธอไปดำน้ำดูปลาการ์ตูน ชูวีดูวา จะพาเธอไปโต้คลื่นเอาให้หมดแรง ชูวีดูวา อาบแดดให้จนผิวกลายเป็นสีแทน ชูวีดูวา อะอาว ให้ฉันเป็นคนพาเธอไป...” ของสิงโต นำโชค ฟังแล้วก็อยากลุกขึ้นมาแดนซ์แต่เกรงใจคนบนรถ คิคิ แล้วรถบัสวีไอพีก็มาถึงออฟฟิศของบริษัท บุญศิริ จำกัด ที่แหลมศอก จังหวัดตราด เมื่อมาถึงพวกเราก็ลงรถและนำตั๋วทั้งขาไปและขากลับมายื่นให้เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์เพื่อเช็กอิน เมื่อเช็กอินเรียบร้อยแล้วก็นั่งรอรถราง รถรางจะไปส่งเราที่ท่าเรือเพื่อขึ้นเรือเฟอร์รี่ค่ะ ระหว่างนี้ถ้าหิวก็ซื้อขนม ซื้อน้ำกินได้ ผลไม้สด ๆ เรียกความสดชื่นก็มี หรือถ้าหิวมาก ๆ ก็มีข้าวกล่องและอาหารตามสั่งจำหน่าย เรานั่งรอประมาณ 5 นาที รถรางก็มาถึง สีสันของรถรางสดใสรับกับสีของท้องฟ้าแจ่ม ๆ ระหว่างนั่งรถรางก็คุยกับเจ๊กบ (เราชอบเรียกแม่เราแบบนี้ เพราะนางมีพุงป่อง ๆ เหมือนกบ 555) และมองนู่นมองนี่ไปเรื่อย ในใจแอบตื่นเต้นเล็ก ๆ ที่ใกล้จะเห็นน้ำทะเลแล้ว แล้วรถรางก็มาถึงท่าเรือ น้ำทะเลเขียวมรกต แสงอาทิตย์กระทบน้ำทำให้เห็นประกายระยิบระยับ เริ่มรู้สึกสดชื่น หัวใจเริ่มพองโต เราขึ้นเรือเฟอร์รี่มาและยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ตรวจ เรือเฟอร์รี่มี 2 ชั้น เปิดแอร์เย็นฉ่ำ มีเสื้อชูชีพไว้คอยให้บริการในยามฉุกเฉิน เรือเฟอร์รี่แล่นประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ แล้วจึงถึงท่าเรืออ่าวสลัดที่เกาะกูดตอนเกือบ ๆ เที่ยง พอมาถึงท่าเรืออ่าวสลัดจะมีรถสองแถวมาพาเราไปส่งถึงที่พัก (ทั้งรถบัส รถราง เรือเฟอร์รี่ และสองแถวเราจ่ายให้กับบริษัทบุญสิริไปหมดแล้วค่ะ ราคาตั๋วไป-กลับต่อคนตกคนละ 1,800) พี่คนขับสองแถวใจดี ช่วยพวกเรายกกระเป๋าขึ้นรถให้ด้วย เราจองห้องพักของเกาะกูด อ่าวพร้าว บีช รีสอร์ท พอพี่คนขับพามาส่งที่ที่พัก พวกเราก็ตรงดิ่งไปเช็กอิน พนักงานที่นี่บริการดี ยิ้มแย้มแจ่มใส และนำน้ำดื่มเย็น ๆ มาให้พวกเราด้วย หลังจากเช็กอินและดื่มน้ำเพิ่มความสดชื่นแล้ว พวกเราก็เข้าห้องพักเพื่อเอาสัมภาระไปเก็บ ระหว่างเดินไปที่พักก็ชะโงกหน้าไปมองวิวทะเลเพราะรีสอร์ทนี้อยู่ติดกับทะเลเลย ที่เลือกที่นี่ก็เพราะแบบนี้แหละ ราคาโอเค รีสอร์ทติดทะเลแบบที่เราต้องการ และมีสะพานแบบที่คุณหม่ามี้ชอบ เอาข้าวของไปเก็บ นั่งพักสักแป๊บก็ออกมาหาข้าวกิน ที่เกาะกูด อ่าวพร้าว บีช รีสอร์ท มีร้านอาหารและร้านขนมด้วยนะ ราคาขนมก็โอเคอยู่นะ มีบวกเพิ่มอยู่บ้าง ส่วนอาหารจะมีทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง รสชาติอร่อย โซนที่นั่งสำหรับกินข้าวเป็นแบบโอเพนแอร์ กินข้าวไป รับลมทะเลไป ใกล้ ๆ ร้านอาหารมีไม้ประดับนานาชนิด มีสวนเล็ก ๆ ทางที่จะเดินไปชายหาดมีบ่อปลาด้วย จิตใจแช่มชื่นที่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ บวกกับเหนื่อยจากการเดินทาง มื้อกลางวันและมื้อเย็นของวันนี้ พวกเราเลยฝากท้องไว้ที่นี่ ช่วงบ่ายแก่ ๆ พวกเราออกมาเดิน เอาเท้าจุ่มน้ำทะเล เหยียบทรายเนื้อนวลเนียน เพียงเท่านี้ก็สุขใจ แม่เราลงไปเล่นน้ำทะเล นางบอกมาแล้วต้องเล่นน้ำให้คุ้ม ส่วนเราขอไปนอนเตียงผ้าใบ นอนมองทะเลและนั่งยิ้มแบบโง่ ๆ ด้วยความสุขใจ และขอถ่ายรูปยามพระอาทิตย์ตกเสียหน่อย วันที่ 2 : ตะล็อกต๊อกแต้ก จากอ่าวพร้าวถึง “กู๊ดวิว คอฟฟี่” เช้าวันที่ 2 พวกเราขอให้ทางที่พักช่วยติดต่อรถสองแถวให้พาไปเที่ยว วางแผนไว้แค่ 2 ที่ คือน้ำตกคลองเจ้าและร้าน “กู๊ดวิว คอฟฟี่” พี่คนขับขับรถมาถึงก็เอาเก้าอี้ไม้เตี้ย ๆ มาวาง ให้พวกเราเหยียบเพื่อขึ้นรถ เราคอนเฟิร์มว่าจะไปน้ำตกคลองเจ้าก่อน แล้วค่อยไปกู๊ดวิว คอฟฟี่ จากนั้นไปเล่นน้ำที่หาดคลองเจ้า พี่ก็โอเคและขับพาไปส่งที่ปากทางเข้าน้ำตกคลองเจ้า พวกเราเดินเข้าไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงน้ำตก พอใกล้ ๆ จะถึงทางเดินจะไม่ค่อยสะดวกเหมือนช่วงแรก ๆ นะคะ มีก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ จนชวนให้งงว่านี่มันใช่ทางไปน้ำตกเหรอ อย่าเพิ่งถอยหลังกลับนะคะ เดินไปตามป้ายบอกทางเลยค่ะ อาจต้องมีปีนโขดหินบ้าง แต่เดี๋ยวก็จะถึงน้ำตกคลองเจ้า น้ำตกที่เป็นที่นิยมที่สุดของเกาะกูด น้ำตกคลองเจ้ามี 3 ชั้นนะคะ ชั้นล่างเป็นธารน้ำจากน้ำตกที่ไหลลงมา เรามาถึงน้ำตกตอน 10 โมงครึ่ง คนบางตาค่ะ พอลองเอาเท้าจุ่มน้ำแล้วรู้สึกเย็นฉ่ำ แล้วน้องปลาตัวน้อย ๆ ก็มาคอยให้บริการ พากันจุ๊บเท้าจนชวนให้รู้สึกจั๊กจี้ ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาหลายครั้ง หลังจากนั้นพวกเราก็ไปนั่งชิลที่ “กู๊ดวิว คอฟฟี่” ค่ะ ร้านตั้งอยู่บนเนิน จากตัวร้านถ้ามองไปทางขวามือจะเห็นหาดคลองเจ้า มีแนวต้นมะพร้าวริมชายหาด ถ้ามองไปด้านซ้ายมือจะเห็นท้องทะเล เราไปถึงช่วงบ่ายโมง พระอาทิตย์ส่องแสง ทำให้เราเห็นน้ำทะเลด้านซ้ายเป็นสีฟ้าอ่อน ๆ มีประกายวิ้ง ๆ เพราะโดนแสงอาทิตย์ ส่วนน้ำทะเลด้านหน้าร้านไปจนถึงด้านขวาซึ่งติดหาดเป็นสีฟ้าแจ่ม เดาว่าคงเป็นเพราะไม่ได้ถูกแสงอาทิตย์ตรง ๆ และมีแนวเขาแนวต้นไม้บังแสงไว้ สวยแบบนั่งมองเพลิน ๆ จนต้องโทรบอกให้พี่คนขับรถมารับช้ากว่าที่ตกลงไว้ 1 ชั่วโมงค่ะ ไม่ลงไปเล่นน้ำที่หาดคลองเจ้าแล้ว ขอนั่งชิล ๆ นั่งมองดูวิวอยู่ที่นี่แหละ หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศชวนฝันจนเต็มที่แล้ว พวกเราก็นั่งรถกลับที่พัก วันที่ 3 : ใช้ชีวิตแบบชาวสล็อต เนื่องจากตอนอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตช่างเร่งรีบเหลือเกิน มาเที่ยวครั้งนี้เลยขอใช้ชีวิตช้า ๆ แบบสล็อตดูบ้าง เราวางทริปไว้ 4 วัน ค่อยกลับบ้านในวันที่ 4 ค่ะ วันนี้วันที่ 3 เลยอยู่ที่ที่พักแบบชิล ๆ ค่ะ เช้ามาเดินไปตามชายหาด สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มที่ ถ่ายรูปยามพระอาทิตย์ขึ้น วันนี้เราเห็นผู้หญิงชาวต่างชาติคนหนึ่งกำลังเดินเก็บขยะ แม่เลยเดินเข้าไปพูดคุยด้วย เธอบอกว่าเกาะนี้เป็น “พาราไดซ์” เธอไม่สามารถทนเห็นขยะพวกนี้ได้ ฟังแล้วพวกเราก็เห็นด้วย และเริ่มเก็บขยะเท่าที่จะเก็บได้ไปทิ้งในถังขยะ วันนี้เป็นวันที่พวกเราชาวสล็อตอยู่แบบชิล ๆ จริง ๆ นั่งเล่นในห้อง เบื่อก็ออกมานอนริมหาด หรือไม่ก็กระโดดลงทะเล ตกเย็นก็เปลี่ยนเสื้อผ้ามาเก็บรูปเก๋ ๆ ริมหาด ตอนกลางคืนทางที่พักมีการแสดงควงกระบองไฟด้วยนะ นักแสดงส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติค่ะ ฝีมือพี่ ๆ สุดยอดไปเลย วันที่ 4 : แด่สรวงสวรรค์เกาะกูด เมื่อวานพวกเราไม่มีถุงใส่ขยะ เลยเก็บขยะได้นิดหน่อย เช้าวันนี้เลยเอาถุงผ้าที่เริ่มขาดแล้วเพราะใส่ของมาหนักเกินไปมาผูก ๆ ซ่อม ๆ จนพอใช้ได้มาใส่ขยะ เดินเล่นไปตามชายหาดและก็เก็บขยะไปด้วย เจอทั้งหลอดพลาสติก คอตตอนบัด กระป๋องน้ำอัดลม ทิชชูเปียก เดินไปยังไม่ถึงครึ่งหาดขยะก็ล้นถุงแล้ว ไปเก็บขยะก็รู้สึกดีนะ เคยแต่นั่งฟังข่าวว่าสัตว์ทะเลต้องบาดเจ็บและตายไปเป็นจำนวนมากเพราะศษขยะพวกนี้ วันนี้ที่มาเก็บขยะอาจช่วยได้เล็ก ๆ น้อย ๆ แต่พวกเราก็รู้สึกดี เราว่าถ้าพวกเราช่วยกันคนละเล็กละน้อย มันก็กลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และช่วยรักษาสรวงสวรรค์ให้สวยงาม สามารถมอบความสุขให้แก่สัตว์ทะเลและผู้คนที่มาเยือน วันนี้พวกเราต้องเดินทางกลับแล้ว สิ่งที่อยากบอกกับสรวงสวรรค์แห่งนี้คือ “ขอบคุณนะที่มอบความสุขให้แก่พวกเรา ไว้ฉันจะกลับไปหาเธออีก รักนะ จากสล็อต” (ภาพถ่ายและภาพปกโดยผู้เขียน)