เอกลักษณ์ของแต่ละชาวพื้นเมืองที่แตกต่างกันออกไป นำไปสู่วิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันเช่นเดียวกับวิถีชีวิตและภูมิปัญญาอาชีพที่ดิฉันจะนำเสนอดังต่อไปนี้ บ้านนาขาม ต.ศรีชมพู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ เป็นชุมชนเล็กๆชุมชนหนึ่งที่มีภูมิปัญญาการทอเสื่อเป็นหลัก ซึ่งมีวิถีชีวิตตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ๕๐กว่าปีที่แล้วชุมชนแห่งนี้มีชื่อว่า ชุมชนบ้านหนองขามชาวบ้านต่างประกอบอาชีพปลูกไหลในนาข้าวเป็นหลัก เมื่อไหลเริ่มโตได้ที่แล้วก็ตัดก้านไหลออกมาและทำการผ่าไหลให้เป็นเส้นเล็กๆซึ่งไหลก้านหนึ่งจะผ่าได้อยู่ประมาณ๙-๑๒เส้น แล้วแต่ความอวบของก้านไหล เมื่อผ่าแล้วนำมาตากทิ้งไว้ประมาณ๒-๕วัน จากนั้นนำมาต้มในน้ำที่ผสมสีสันเอาไว้ เมื่อต้มในน้ำสีเสร็จจึงนำมาตากแห้งอีกครั้ง ซึ่งระยะเวลาในการตากครั้งนี้จะใช้เวลาสั้นกว่าเดิมโดยจะใช้เวลา๒-๓วันเพียงเท่านั้น จากนั้นก็จะได้ผือที่มีสีสันสวยงามดังภาพ (ภาพถ่ายจาก:ลัดดาวรรณ)เมื่อได้ผือแล้วจึงทำการใช้เส้นเชือกขนาดเท่าเส้นด้ายมากางตึงไว้กับไม้ทอเสื่อ เพื่อที่จะใช้จับผือให้ได้ทรงที่สวยงามดังภาพ (ภาพถ่ายจาก:ลัดดาวรรณ)เมื่อกางเสร็จแล้วเราจึงเริ่มแหย่ผือเข้าตามช่องของเส้นเชือกทีละเส้นโดยการใช้ด้านกกของผือแหย่เข้าไปเป็นเส้นแรกและใช้ด้านปลายแหย่ตาม ซึ่งการแหย่ด้านกกกับด้านปลายจะถูกแหย่สลับกันไปมาเพื่อความเสมอของเสื่อจะทำให้เสื่อออกมาดูสวยงามและการทำลายเสื่อก็แล้วแต่เราจะใช้ผือแต่ละสีหรือการทำลายเสื่อตามใจชอบดังภาพ (ภาพถ่ายจาก:ลัดดาวรรณ)เมื่อทอเสร็จเราจะได้เสื่อที่สวยงามตามที่เราออกแบบไว้ตามใจชอบของเรานอกจากการทอเสื่อที่เป็นภูมิปัญญาของชาวชุมชนบ้านนาขามแล้วบ้านนาขามยังมีศูนย์ส่งออกเสื่อของท้องถิ่นออกขายในตามจังหวัดต่างๆอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นเสื่อที่มาจากผือหรือเสื่อที่มาจากวัตถุสังเคราะเทียมซึ่งความแตกต่างมันอยู่ที่ความนุ่มและความแข็งโดยเสื่อที่ทำจากผือจะมีความนุ่มกว่าเสื่อที่ทำมาจากวัตถุสังเคราะห์เทียม แต่ภาพที่ใช้ลงในบทความนี้จะเป็นเสื่อจากผือแท้ๆ โดยดิฉันเองได้ไปศึกษาเอาองค์ความรู้เรื่องการทอเสื่อที่ชุมชนบ้านนาขามด้วยตัวเองแล้วรู้สึกประทับใจในภูมิปัญญาของท้องถิ่นนี้ดิฉันจึงอยากนำมาเผยแพร่องค์ความรู้และภูมิปัญญานี้ให้ผู้อ่านที่สนใจได้เรียนรู้ค่ะ