อื่นๆ

ทารกปีศาจ

424
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ทารกปีศาจ

ภาพโดย Tracy Lundgren จาก Pixabay

ภายในห้องรอคลอดของโรงพยาบาลอำเภอในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน  หญิงท้องแก่ 5 คน  นอนเรียงรายอยู่บนเตียง   หญิงอายุมากที่สุดประมาณ 40  ปี  เด็กสุดไม่น่าเกิน 17  ปี   แต่ละคนมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง  รอเพียงเวลาออกมาดูโลกเท่านั้น  บรรยากาศเงียบราวกับอยู่อีกโลกหนึ่ง  และยิ่งดึกยิ่งเงียบ 

ญาติของหญิงท้องแก่ส่วนใหญ่เป็นสามีและแม่ๆของเธอต่างรออยู่บริเวณด้านนอก   ในจำนวนหญิงทั้งห้าคน  มีเพียงหญิงอายุ 17  ปีเพียงคนเดียว  ที่ไม่มีสามีและผู้ที่รออยู่ด้านนอกก็เป็นเพียงหญิงชราสูงวัยคนหนึ่งเท่านั้น 

เธอชื่อ มะปรางค์  เส้นทางการกำเนิดของอีกหนึ่งชีวิตของหญิงท้องแก่ทั้งห้า  เปรียบเหมือนกับนิยายเรื่องหนึ่งแตกต่างกันไป   บางคนเป็นเพียงนิยายธรรมดา  มีเริ่มต้นมีท่ามกลางและบทสรุป   บางคนเหมือนนิยายโลดโผน  ต้องต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆนานากว่าจะมีอีกหนึ่งชีวิต

Advertisement

Advertisement

สำหรับมะปรางค์  เด็กสาวผู้ควรจะยังอยู่ในเครื่องแบบของนักเรียนมัธยมปลาย  กลับต้องกลายเป็นว่าที่คุณแม่วัยรุ่น  เส้นทางการกำเนิดของอีกหนึ่งชีวิตค่อนข้างประหลาดและสับสน   เรื่องมันเริ่มต้นหลังเที่ยงคืนเมื่อ  9  เดือนที่แล้ว...

 เย็นย่ำใกล้สนธยา  เมื่อเก้าเดือนก่อน   ท้องฟ้าหม่นด้วยก้อนเมฆที่ก่อตัวหนาแน่น   สายลมรำเพยแล้วกลายเป็นกระโชกในเวลาต่อมา    เด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมปลายกระชับกระเป๋าผ้าข้างตัวแล้วเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงบ้านที่อยู่ห่างออกไปอีกเกือบกิโลเมตร  นี่คือเส้นทางลัดใกล้ที่สุดแล้ว   บ้านของเธอไม่มีถนนใหญ่ตัดผ่าน  ไม่มีทางใดสะดวกมากไปกว่าการเดินเท้า

มะปรางค์เป็นเด็กเรียนดี ฐานะทางบ้านยากจน  แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคขัดขวางความเจริญ   เธอพร้อมจะเดินทางไปโรงเรียน  โดยได้รับการสนับสนุนเป็นทุนการศึกษาจากโรงเรียนประจำอำเภอ   

Advertisement

Advertisement

เด็กสาวอาศัยอยู่กับยาย  อาชีพรับจ้างทั่วไป    ยายของเธอเล่าว่า  แม่ของเธอซึ่งก็คือลูกสาวเพียงคนเดียวของยาย  พอคลอดมะปรางค์ก็หายหน้าหายตาไปเลย  ไม่เคยแม้แต่จะส่งข่าวคราวว่ายังอยู่ดีมีสุขหรือไม่  มะปรางค์รอดชีวิตมาได้ด้วยน้ำข้าว   เพราะบางครั้งเงินมีไม่พอสำหรับการซื้อนม

ความรันทด  ไม่ได้ทำให้เด็กสาวอย่างมะปรางค์ท้อแท้  ตรงกันข้าม  เธอกลับเติบโตมาอย่างเข้มแข็ง  ร่าเริง  ผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้านต่างให้ความเอ็นดู  และให้การสนับสนุนเด็กสาวด้วยการจ้างให้เธอทำงานในวันหยุด 

ภาพโดย Tracy Lundgren จาก Pixabay

สายลมกระพือแรงขึ้น หูแว่วได้เสียงฟ้าร้องครืนๆ มะปรางค์ตัดสินใจวิ่ง  แต่ต่อให้เร็วแค่ไหนก็ยังช้ากว่าสายฝนที่พรั่งพรูลงมา  หญิงสาวลดฝีเท้าลงเป็นเดินแค่ก้าวยาวๆ  เพราะแทบมองไม่เห็นอะไร  เสื้อผ้าในชุดนักเรียนเปียกปอนรึงรัดให้เห็นรูปร่างอรชร 

ถ้า...ที่มุมโค้งบริเวณคันนานั้น ไม่มีเจ้าของร่างสูงใหญ่  หน้าตาถมึงทึงยืนขวางทาง  มะปรางค์คงถึงบ้านตามกำหนดเวลา!

Advertisement

Advertisement

ยายของมะปรางค์เป็นห่วงหลานสาวได้แต่ยกมือท่วมหัว  สวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ปกป้องคุ้มครอง  เมื่อฝนขาดเม็ด  ร่างของมะปรางค์ก็มาถึงบ้านในสภาพเนื้อตัวเปียกปอน  ยายรีบหาเสื้อผ้าให้หลานสาวเปลี่ยน  มะปรางค์ขอตัวเข้านอนก่อน   ยายเข้าใจว่าเธออาจจะไม่สบายเพราะเดินตากฝนมา  จึงไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตว่าแววตาของเธอเปลี่ยนไปเหมือนไม่ใช่มะปรางค์คนเดิม!

 ตั้งแต่วันนั้น   มะปรางค์ผู้รื่นเริงก็เซื่องซึม  เหงาหงอย  จนยายผู้ผ่านโลกมาก่อนสังเกตเห็น   พยายามคาดคั้นเอาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ยิ่งคาดคั้น  ยายกลับยิ่งได้เห็นความเคร่งเครียดบนสีหน้าของหลานสาว 

“บอกยายมาเถอะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหลานยาย”

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะยาย”

มะปรางค์ยังคงปฏิเสธไม่ให้ความกระจ่างใดๆ  รอยยิ้มของเด็กสาวเหมือนกับฝืน    เป็นการพยายามเพื่อปลอบโยนหัวใจที่กำลังอ่อนแอท้อแท้ของตัวเอง

เธอจะบอกยายได้อย่างไรว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอในเย็นวันฝนซัดกระหน่ำ   ความน่าสะพรึงกลัวยังตามมาหลอกหลอนเธอทั้งในยามหลับและยามตื่น

เหตุการณ์คราวนั้น...  สร้างตราบาปขึ้นภายในดวงใจที่เคยบริสุทธิ์   หลับตาลงคราวใดจะเห็น เจ้าของร่างสูงใหญ่เคลื่อนไหวเหนือเรือนร่างของเธอ  กลิ่นกาย ลมหายใจของมันคนนั้นเป็นกลิ่นเหม็นสาบสางราวกับไม่ใช่มนุษย์

เธอจะบอกยายได้อย่างไรว่าถูกอะไรบางอย่างขืนใจ  ในละแวกบ้าน  ไม่มีใครมีรูปร่างแบบนั้น  ไม่มีเลยจริงๆ 

เกือบสองเดือนผ่านไป  ยายจึงเริ่มสังเกตเห็นอาการผิดปกติของมะปรางค์  ล่วงสู่เดือนที่สามและสี่  จึงเริ่มเด่นชัด   คราวนี้เมื่อยายคาดคั้นเอาความจริงอีกครั้ง  มะปรางค์จึงเล่าให้ฟัง

ยายเข้าใจความทุกข์ของหลานสาว  นอกจากไม่ตำหนิแล้ว  ยังพร้อมจะปกป้องเธอและพร้อมจะดูแลอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังอุบัติขึ้นในท้องของเธอ

เรื่องคดีความแทบไม่อยู่ในความคิดของยาย  และของเธอ...

เวลาภายในห้องรอคลอดยังคงขยับต่อไปตามปกติ  ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสงบเงียบจนดูวังเวง   ผู้หญิงท้องแก่อายุมากที่สุดแสดงอาการปวดท้อง  พยาบาลเวรเดินมาดูอาการแต่ยังไม่ย้ายไปยังห้องคลอด  ผู้หญิงท้องแก่อายุน้อยที่สุดอย่างมะปรางค์ยังนอนนิ่งงัน  ดวงตากลอกมองฝ้าเพดาน  เหมือนคนไร้ความรู้สึก 

ภาพที่ฉายขึ้นในหัวของเด็กสาวแทบไม่ได้แตกต่างจากทุกครั้ง   นั่นคือเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อเก้าเดือนที่แล้ว 

‘บอกยายสิ  ยายไม่ว่าอะไรหรอก  เพราะมันไม่ใช่ความผิดของหลาน’ ถ้อยคำของยายยังดังก้องอยู่ในความทรงจำ   ‘ตกลงไอ้วายร้ายคนนั้นมันเป็นใครกันแน่’

‘หนูไม่รู้’  มะปรางค์ตอบคำถามของยายไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

‘ยายสัญญาว่าจะไม่ตำหนิหลานแม้แต่นิดเดียว  ยายแค่อยากรู้ว่าไอ้คนที่กำลังจะกลายเป็นพ่อของเด็กน่ะคือใคร’

‘หนูไม่รู้จริงๆจ้ะยาย  มันไม่ใช่...’

‘มันไม่ใช่คนแถวบ้านเราใช่มั้ย?’

‘มันไม่ใช่จ้ะ  ไม่ใช่...’

ยายแค่อยากรู้คำตอบ  แต่มะปรางค์กลับไม่สามารถอธิบายได้ว่า  มันผู้นั้นคือใคร  เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของมันอาจจะดูเป็นคน  ทว่า...มันไม่ใช่คน!

เสียงร้องของหญิงท้องแก่ที่อยู่ข้างเตียงของมะปรางค์ดังขึ้น   ทำลายความเงียบสงัด   พลอยทำให้หญิงท้องแก่คนอื่นๆพลอยรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย  เมื่อหญิงคนนั้นถูกพยาบาลสองคนช่วยกันลากเตียงหายเข้าไปในห้องคลอด

ประตูกระจกสีขุ่นมีแสงสว่างเล็ดลอดออกมา  แต่ไม่อาจมองเห็นได้ว่ายามนั้น  หญิงผู้กำลังจะให้กำเนิดบุตรอยู่ในสภาพอย่างไร   ยามนี้  มะปรางค์รู้สึกโดดเดี่ยว  อยากมียายอยู่ใกล้ๆ   หญิงท้องแก่คนอื่นๆอาจรู้สึกไม่ต่างจากเธอ 

“แว้!  อุแว้!”

เสียงร้องที่แว่วออกมาจากห้องคลอดนั้นค่อนข้างเบา  แต่ในยามที่บรรยากาศภายในห้องรอคลอดเงียบสนิทแบบนี้กลับได้ยินเสียงร้องของเด็กน้อยอย่างชัดเจน  เสียงเด็กน้อย  ชีวิตใหม่ที่เพิ่งออกมาจากครรภ์มารดา  อาจสร้างความปลาบปลื้มปีติให้กับผู้เป็นแม่  และผู้กำลังจะกลายเป็นแม่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า   แต่คงไม่ใช่สำหรับมะปรางค์

เด็กสาวเริ่มหวาดหวั่น  ยิ่งรับรู้ว่าสิ่งมีชีวิตในท้องเริ่มขยับตัว เธอก็ยิ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น เหงื่อกาฬผุดพราว 

เวลาผ่านไป...  หญิงผู้คลอดลูกแล้วถูกเข็นออกมาจากห้องคลอด   และหญิงท้องแก่รายต่อไปก็ถูกเข็นหายเข้าไปแทนที่  หลังจากนั้นไม่นานนัก  เสียงร้องของทารกเล็ดลอดออกมาจากห้องคลอดอย่างแผ่วเบา   แต่กลับสร้างความพรั่นพรึงให้กับหญิงท้องแก่อายุน้อยที่สุดอย่างมะปรางค์อย่างเหลือล้น

หญิงท้องแก่อยู่ข้างมะปรางค์ถูกย้ายเข้าไปในห้องคลอด  ในช่วงเวลาประมาณตีสามกว่าๆ  ภายในห้องรอคลอดเหลือมะปรางค์อยู่ตามลำพัง

น่าแปลก!  เวลานี้   เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกเลย  พยาบาลเดินมาดูที่เตียง  สอบถามอาการ  มะปรางค์ตอบไปตามจริงว่ารู้สึกเฉยๆ  ไม่ปวด  ไม่อะไรทั้งสิ้น  และบอกว่าอยากกลับบ้าน

เวลาขยับต่อไปอย่างเชื่องช้า  ตีสี่สามสิบนาที   มะปรางค์ยังไม่ปวดท้อง  แต่ก็ถูกเข็นเข้าไปภายในห้องคลอด   ที่เตียงคลอด  มีขาหยั่งสำหรับฉีกขาวางพาด   เด็กสาวได้กลิ่นคาวเลือด  และกลิ่นพิเศษของเคมีทำความสะอาด 

ยายได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้เข้ามาอยู่เป็นเพื่อนมะปรางค์  หญิงชราเห็นแววตาของหลานสาวแล้วอดสะท้านใจไม่ได้  

“ไม่ต้องกลัวนะหลานยาย” 

มะปรางค์อยากจะบอกยายเหลือเกินว่า  สิ่งที่เธอกลัว  ไม่ใช่การคลอดลูก   ยายชวนมะปรางค์คุย  วาดฝันถึงชื่อของเด็กน้อยที่กำลังจะเกิดมา   เธอหลับตาลงคิดในใจว่า  หากทุกอย่างดำเนินไปตามปกติอย่างที่ยายบอกก็คงดี เธอมีชื่อสวยๆเตรียมเอาไว้ในใจอยู่แล้ว

พยาบาลกลับเข้ามาบอกให้ยายออกจากห้อง   มะปรางค์สบตากับยาย   รู้สึกราวกับว่าการพบกันระหว่างเธอกับยายเป็นการพบกันเพื่อจาก  หรือพบกันครั้งสุดท้าย

“ไม่ต้องกลัวนะหลาน  ทำใจให้สบายๆ”

เสียงปลอบโยนของยายค่อยๆดังห่างออกไป  ก่อนประตูห้องคลอดจะถูกปิดลง

ตีห้า... มะปรางค์นอนอยู่ภายในห้องคลอดเพียงลำพัง  พยาบาลคนสุดท้ายเพิ่งเปิดประตูก้าวออกจากห้อง  แต่แล้วจู่ๆนั้นเอง  มะปรางค์สะดุ้งเฮือก  ม่านตาขยายกว้าง  เหลือกลาน  ด้วยว่าเจ็บปวดสุดชีวิต  เด็กสาวรู้สึกเหมือนท้องของเธอกำลังจะปริแยกออกมาจากการกระทำของสิ่งมีชีวิตภายในท้องของเธอ

“ช่วยด้วย!  ช่วย...  กรี๊ดดดดดด!”

เสียงหวีดร้องของมะปรางค์เรียกพยาบาลให้กลับเข้ามาภายในห้อง   ภาพที่เห็น   ทำเอาพยาบาลคนดังกล่าวถึงกับช็อก  ตาค้าง

แคว้กก!

ท้องของเด็กสาวมะปรางค์ปริแยกออกพร้อมกับมีมือเล็กๆโผล่ออกมา   เลือดสดๆสาดทะลัก   มะปรางค์แน่นิ่งอยู่ในอาการตาเบิ่งกว้างด้วยความเจ็บปวดสุดชีวิต  ทารกปีศาจแสยะยิ้มเห็นฟันเล็กๆเรียงรายเต็มปาก  ใบหน้านั้นเหี่ยวย่นราวกับไม่ใช่ทารกแรกเกิด 

คุณพระช่วย ทารกปีศาจกระชากรกที่ติดอยู่กับสะดือออกแล้วกระโดดลงจากเตียง 

“กรี๊ดดดดด!”

พยาบาลกรีดร้องแล้วทรุดฮวบตรงนั้น   พยาบาลอีกคนวิ่งเข้ามา   พอเห็นภาพของมะปรางค์บนเตียงคลอดก็แทบช็อก  แต่สติยังดีอยู่  รีบลากเพื่อนออกมาก่อน 

ทารกปีศาจหายตัวไปแล้ว!

รปภ.และบุคลากรอื่นๆของโรงพยาบาลถูกปลุกให้ช่วยกันออกตามหาตัวทารกปีศาจอย่างโกลาหล  แต่ยังไร้วี่แวว  

จวนฟ้าสางวันใหม่   ร่างไร้วิญญาณของมะปรางค์คลุมด้วยผ้าขาวถูกย้ายออกมาจากห้องคลอด  และถูกเข็นต่อไปยังห้องที่อยู่ท้ายสุดของอาคาร   โดยมียายเดินร้องไห้กระซิกตามหลัง

ยายเข้าใจแล้วละว่า   เหตุใดมะปรางค์จึงไม่สามารถบอกนางได้ว่า  ไอ้วายร้ายที่ข่มเหงเธอนั้นคือใคร   เพราะมันไม่ใช่คนนั่นเอง!

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์