อื่นๆ

มิถุนาสยอง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
มิถุนาสยอง

ทุกครั้ง  หลังเงินเดือนออก  ข้าพเจ้าเป็นต้องแวะไปดื่มกินฟังเพลงที่ผับของเฮียกุ่ยอยู่เสมอ  บางคืนฟลุ้คๆยังได้หญิงนักเที่ยวผู้ไม่ยี่หระต่อชีวิตกลับมานอนต่อที่คอนโดอีกด้วย  น่าแปลก  หญิงสาวในยามค่ำคืนพวกนี้  ล้วนแล้วแต่หน้าตาดีทั้งสิ้น

ด้วยตำแหน่งหน้าที่การงานของข้าพเจ้านั้น  อยู่ในขั้นผู้บริหาร  การออกมาในสถานบันเทิงบางครั้ง  ก็เพื่อเอนเตอร์เทนลูกค้า  ซึ่งก็เข้าทางข้าพเจ้า  ต่อให้นิสัยดั้งเดิมของข้าพเจ้าไม่ชอบเที่ยว  แต่ด้วยสภาพแวดล้อม  ก็ดูเหมือนจะทำให้จิตใจของข้าพเจ้าโน้มเอียงไปในเรื่องดื่มกินและท่องราตรีอยู่ดี

ข้าพเจ้าในวัยเลขสามตอนปลาย  ยังโสด  ใช้ชีวิตอย่างคนรุ่นใหม่ที่มีทั้งงานดีมีอนาคต  เงินเดือนสูง  หนำซ้ำโบนัสปลายปีนั้น  ก็มากกว่าบริษัทอื่นในละแวกเดียวกัน  จึงไม่แปลกหรอกถ้าจะมีหญิงสาวเข้ามาในชีวิตคนแล้วคนเล่า  เข้ามาแล้วก็ผ่านไป  นัยว่าเพื่อการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน  ถ้าไปด้วยกันไม่ได้ก็เลิกอย่างง่ายๆ

Advertisement

Advertisement

ไม่เฉพาะข้าพเจ้าหรอก  สังคมให้ค่ากับเรื่องแบบนี้  มันกลายเป็นค่านิยมของคนร่วมสมัย  จะว่าไป  ในฐานะผู้ชาย  ไม่มีอะไรเสียหายหรอก  มีแต่ได้ประสบการณ์ชีวิตเพิ่มเติม

ข้าพเจ้ามาเที่ยวผับของเฮียกุ่ย  จนมักคุ้นนับถือเป็นพี่น้อง 

ชีวิตของเฮียกุ่ย  ผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมาย  ข้าพเจ้านับถือคนเช่นนี้  เฮียกุ่ยเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า  ช่วงชีวิตที่เจ็บปวดและสุดแสนจะเลวร้ายที่สุดก็คือ  ขณะถูกฟ้องล้มละลาย  ธุรกิจกลางคืนหลายแห่งถูกตำรวจบุกเข้าตรวจค้น  ตัวเฮียกุ่ยเองนั้นไม่เท่าไหร่  เพราะต่อให้ทุกข์สาหัสแค่ไหน  พอวันรุ่งขึ้น  ก็สามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง  แต่ลูกน้องหลายสิบชีวิตที่ต้องมาตกระกำลำบาก  เนื่องจากการบริหารที่ผิดพลาดของแกนั่นต่างหาก  เฮียกุ่ยไม่เคยให้อภัยตัวเองเลย

ประสบการณ์แห่งความผิดพลาดในแต่ละครั้งของเฮียกุ่ย  สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตของข้าพเจ้าได้อย่างดี  แต่...เอาเข้าจริงๆแล้ว  ข้าพเจ้าก็เพียงแค่รับฟัง  ไม่ได้คิดจริงจังสักเท่าไรนัก  เพราะชีวิตจริงของข้าพเจ้า  ยังไม่เคยรู้สึกรู้สากับความล้มเหลว 

Advertisement

Advertisement

ข้าพเจ้ายังรับผิดชอบในเรื่องงานได้อย่างยากที่จะมีใครมาตำหนิ  บางทีข้าพเจ้าเที่ยวติดลมอยู่ดึกดื่น  แต่ข้าพเจ้าจะสามารถตื่นไปทำงานในวันรุ่งขึ้นได้เหมือนเดิม  ทำตัวอย่างปกติที่สุด  ทั้งๆที่ต้องต่อสู้กับความง่วงและอาการอ่อนเพลียอย่างทรมาน

ข้าพเจ้ากับเฮียกุ่ยดูเหมือนจะคุยกันถูกคอ  จนในที่สุด  ข้าพเจ้าเคยได้รับการช่วยเหลือจากเฮียกุ่ยในเรื่องเงินๆทองๆ 

เฮียกุ่ยบอกข้าพเจ้าว่า  ทุกครั้งที่แกช่วยเหลือใคร  แกจะไม่หวังว่าจะได้รับการตอบแทน  นั่นก็ยิ่งทำให้ข้าพเจ้านับถือแกอย่างสุดหัวใจ

ยิ่งพอบอกว่า  ช่วยแบบให้เปล่า  ไม่หวังผลตอบแทน  ข้าพเจ้าก็คล้ายกับเดินเข้าสู่กับดักอะไรบางอย่าง  ตอนหลังถึงกับเที่ยวประชาสัมพันธ์กิจการให้กับเฮียกุ่ยฟรีๆ  ไม่เท่านั้น  ยังเป็นตัวเจ้ากี้เจ้าการเพื่อจะให้คนเข้าไปใช้บริการสถานบันเทิงของเฮียให้มากๆ

Advertisement

Advertisement

เคยมีคนสงสัยว่าข้าพเจ้าทำไปเพื่ออะไร  ผลประโยชน์สักนิดก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง  ข้าพเจ้าก็ให้คำตอบตามที่ข้าพเจ้าคิด

แต่ข้าพเจ้าจะหารู้ไม่ว่า  วันและคืนดื่มกินชีวิตของข้าพเจ้าให้ล่วงไป...ในทางเสื่อม 

ชีวิตของข้าพเจ้าไม่ได้ดำรงอยู่เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นในทางดีเลย  แต่ดูเหมือนข้าพเจ้าไม่ได้ฉุกคิดสักนิด  และไม่ควรหวังถึงขั้นสำนึก

ภาพของข้าพเจ้าในสายตาของคนอื่นนั้น  ก็เปลี่ยนไปอย่างสุดกู่  คนดีๆทั่วๆไปมองเฮียกุ่ย อย่างไร  ก็มองข้าพเจ้าอย่างนั้นเหมือนกัน

ข้าพเจ้า  กลายเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ  โดยเฉพาะกับเพศตรงข้าม  แต่ตัวข้าพเจ้าเองกลับคิดว่า  เพราะข้าพเจ้ามีอะไรหลายอย่างเหนือกว่าผู้ชายทั่วไป  จึงไม่มีหญิงสาวคนใดบังอาจเข้ามาสนิทกับข้าพเจ้าจนเกินเลย

ข้าพเจ้าไม่เห็นจะยี่หระกับเรื่องแบบนี้  ในเมื่อ  ถ้าข้าพเจ้ามีความต้องการ  ข้าพเจ้าก็เลือกจะไปหาเฮียกุ่ย  ถ้าไม่ไหวจริงๆก็พูดกับแกตรงๆ  ข้าพเจ้าจะได้หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มติดไม้ติดมือกลับมานอนที่คอนโดทุกครั้งไป

ความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาวแบบธรรมดาๆทั่วไปจะมีความหมายอะไร  ข้าพเจ้ายังจำภาพของเพื่อนบางคนที่มีครอบครัวไปแล้ว  พวกมันถูกกำจัดเสรีภาพในการดำรงชีวิต  เงินทองจับจ่ายใช้สอยที่อุตส่าห์ทำมาหาได้อย่างยากลำบาก  ต้องตกไปอยู่ในมือของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมีย

สำหรับข้าพเจ้า  จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับตัวเองอย่างเด็ดขาด 

กระเป๋าเงินของข้าพเจ้ามีเสรี  ชีวิตและหัวใจของข้าพเจ้าก็ควรจะมีอิสระอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน  ข้าพเจ้าอยากใช้ชีวิตแบบลูกผู้ชายโสดๆ และบางส่วนในชีวิต  ข้าพเจ้าก็อยากจะเลียนแบบเฮียกุ่ย

นอกจากในด้านการทำงานแล้ว  ในเรื่องผู้หญิง  ข้าพเจ้าคิดว่าเฮียกุ่ยคงเป็นลูกผู้ชายประเภทเหนือชายเป็นแน่  ด้วยว่า ชีวิตเกี่ยวข้องอยู่กับผู้หญิงสวยๆทั้งนั้น  ส่วนภรรยาเป็นตัวเป็นตนของแกคงต้องสวยอันดับหนึ่ง  และผู้หญิงคนนั้นหัวใจจะต้องหนักแน่น ไม่อย่างนั้น  คงยากจะใช้ชีวิตร่วมกับเฮียกุ่ยได้

ในคืนหนึ่งช่วงปลายเดือน  แขกของผับค่อนข้างบางตา  เฮียกุ่ยจึงมานั่งดื่มกับข้าพเจ้าเหมือนอย่างที่เคยทำ  ไม่มาตามลำพัง แต่ยังหนีบน้องผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งชงเหล้าข้างๆข้าพเจ้าอีกด้วย

เพียงแค่สบตากับน้องผู้หญิง  หัวใจของข้าพเจ้าเต้นรัวผิดจังหวะ  และจากประสบการณ์ของข้าพเจ้าบอกว่า  เธอคนนี้ยังไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน 

เธอเป็นใครกันนะ 

ใจของข้าพเจ้าไม่ทันจะหายสงสัย  เฮียกุ่ยก็แนะนำเธอให้ข้าพเจ้ารู้จัก 

“น้องว่ะ  น้องเมีย”

น้องเมีย...ข้าพเจ้าสะท้อนวูบในหัวอก  สวยแบบนี้จะรอดพ้นเงื้อมมือของเฮียกุ่ยได้หรือ  แต่พอสบตากับเฮีย  แกก็หัวเราะ  เหมือนเข้ามานั่งอยู่ในหัวใจของข้าพเจ้าอย่างนั้นแหละ  ก่อนจะขอตัวไปดูแลแขกคนอื่น  ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เฮียกุ่ยเปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าทำความรู้จักกับน้องเมียอย่างเต็มที่

ให้มันได้อย่างนี้สิ  ถึงจะเรียกว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ  ข้าพเจ้าคิดอย่างลิงโลด  เมื่อสบตากับหญิงสาว  ได้เห็นใบหน้าที่แดงเรื่อ  หัวใจของข้าพเจ้าก็ตกหลุมแห่งห้วงปรารถนาอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองไว้ได้

เธอชื่อ  มิถุนา...

ชื่อแปลกดี  ข้าพเจ้าว่า  มิถุนาก็พูดต่อว่า  พี่สาวของเธอชื่อ พฤษภ

มันกลายเป็นประเด็นเริ่มต้นบทสนทนาต่อๆไป  ข้าพเจ้ายอมรับว่ามิถุนา  เป็นผู้หญิงฉลาดคนหนึ่ง  ไม่ใช่แค่สวยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

มิถุนาเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย และคิดจะมาฝึกงานที่นี่  ข้าพเจ้าไหววูบในหัวอกอีกแล้ว  ถ้าหากมิถุนาได้มาอยู่ใกล้ชิดกับเฮียกุ่ย  คงหนีเงื้อมมือของคนเจ้าชู้ยักษ์อย่างเฮียลำบาก  ดูเหมือนเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้ารู้สึกในทางลบกับเฮียกุ่ย 

ข้าพเจ้าซักถามว่า  หญิงสาวเรียนจบด้านใด  ก็ได้คำตอบว่า สาขาที่เธอจบนั้นเกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ 

ข้าพเจ้าดีดนิ้วเปาะ  เพราะที่บริษัทกำลังขาดคนทำงานแผนกนี้  หรือต่อให้มีบุคลากรเต็มอัตราอยู่ก็จริง  ด้วยเส้นสายของข้าพเจ้านี่แหละ  การจะสนับสนุนใครสักคนให้เข้าไปทำงาน  ไม่ใช่เรื่องยากเลย

ข้าพเจ้าลองเลียบๆเคียงๆถามเธอ  โดยแสร้งเป็นไม่ใส่ใจนักว่าใจจริงของข้าพเจ้าต้องการให้เธอไปทำงานด้วย 

“มีตำแหน่งงานที่ว่าจริงหรือคะพี่?” หญิงสาวถาม

ใจของข้าพเจ้าเต้นรัวอีกแล้ว  เพราะเธอวิ่งเข้ากับดักของข้าพเจ้าอย่างจัง  โดยไม่ต้องเสียเวลามากนัก

ข้าพเจ้ายืนยันว่ามีตำแหน่งงานว่างจริง  เพียงแต่ทางบริษัทยังไม่ประกาศรับ  โดยจะเป็นที่รู้กันภายในบริษัท  และส่วนใหญ่คนที่จะได้เข้าไปทำงาน  ก็ล้วนแล้วแต่มีเส้นสายฝากเข้าทั้งสิ้น 

ถ้าหญิงสาวสนใจ  ข้าพเจ้ายินดีจะช่วย

“สนสิคะพี่” มิถุนาว่า “ใจจริงหนูไม่อยากเข้ามาฝึกงานกับเฮียหรอกค่ะ  หนูไม่ชอบสถานที่แบบนี้”

ข้าพเจ้าแสร้งรับปากอย่างขอไปที  เพื่อต้องการให้เธอเป็นฝ่ายรบเร้าข้าพเจ้า

ใครว่าเล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายไม่มี  เขาเรียกว่ามีน้อยอยู่เมื่อไหร่ต่างหาก

เฮียกุ่ยแอบยกนิ้วโป้งให้กับข้าพเจ้า  ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกผิดไม่น้อยเหมือนกันที่แอบคิดกับแกในทางที่ไม่ดี  เพราะจริงๆแล้ว  เจตนาของเฮียกุ่ยก็คือ  ต้องการให้น้องเมียของแกคนนี้ได้มีโอกาสศึกษากับข้าพเจ้าอย่างใกล้ชิดนั่นเอง

ดูเหมือนว่า  ความสัมพันธ์ระหว่างข้าพเจ้ากับมิถุนาจะดำเนินไปในทางที่ดี  หลังจากข้าพเจ้าสามารถทำตามที่พูดเอาไว้ได้  ข้าพเจ้าช่วยให้เธอได้งานในบริษัทของข้าพเจ้า  เป็นงานตรงกับสาขาที่เธอสำเร็จการศึกษามา

คนในบริษัท  โดยเฉพาะหนุ่มๆมีทั้งหนุ่มน้อยวัยเดียวกับเธอ  หนุ่มแก่ประเภทเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ  ต่างเหลียวมองตามหลังมิถุนาคอแทบเคล็ด  แต่ไม่มีใครกล้าจีบเกี้ยว  เพราะรู้อยู่ว่าเด็กคนนี้เป็นของใคร

ข้าพเจ้านั่นเอง  แสดงท่าขวางเต็มที่

ข้าพเจ้าก็เหมือนผู้ชายทั่วไป เมื่อปักใจกับผู้หญิงคนใดก็อยากจะรวบรัด  นัยว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เธอนอกใจ  ซึ่งความจริงเรื่องแบบนี้คงใช้ไม่ได้กับคนยุคนี้  ในเมื่อการเสียเนื้อเสียตัวไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด  และกลายเป็นเรื่องไม่เสียหายอะไร 

ข้าพเจ้าคิดเข้าข้างตัวเอง  จนลืมเรื่องผู้หญิงที่เคยเดินเข้ามาในชีวิตแล้วก็ผ่านเลยไป  ถ้าทุกคนคิดว่าการเสียตัวเป็นเรื่องใหญ่  ผู้หญิงเหล่านั้นคงฆ่าตัวตายกันหมด

กรณีของมิถุนาก็เหมือนกัน  ข้าพเจ้ามัวแต่ลำพองใจ  หลังจากวางแผนเพื่อจะรวบรัดอยู่สักพัก  ฝันของข้าพเจ้าก็กลายเป็นจริง

อย่างที่บอก  ข้าพเจ้ามัวแต่ลำพองใจจนลืมคิดไปว่า  หลังเหตุการณ์อันเร่าร้อนภายในห้องของข้าพเจ้าคืนนั้น  ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นความเศร้าปรากฏบนสีหน้าของเธอ  มิถุนาอาจไม่ถึงกับเชี่ยวชาญในเรื่องกามารมณ์  แต่การนิ่งจนเฉยชานั่นต่างหากล่ะควรตั้งแง่สงสัย  ไม่เลย  ข้าพเจ้ากลับไม่คิดสะกิดใจแม้แต่น้อย

“เป็นไงบ้าง?” เฮียกุ่ยถามข้าพเจ้าช่วงปลายเดือนต่อมา  ไม่ถามเปล่า  แต่ยังเดินเข้ามาตบบ่าเบาๆ

ใบหน้าของข้าพเจ้าร้อนผ่าว รู้นัยยะสำคัญของคำถามนั้น

“สบายดีครับเฮีย” ข้าพเจ้าแสร้งไม่เข้าใจกับคำถามมีนัยของเฮียกุ่ย

“อั๊วหมายถึงมิถุนาน่ะ ฮ่า ฮ่า”

ข้าพเจ้าหน้าเจื่อน จำต้องตอบ “ครับ  ดีครับ”

“ฮ่าฮ่า  ได้กันแล้วก็ดูแลกันให้ดีล่ะ  อย่าทำให้เธอเสียใจ!”

ข้าพเจ้ารับปาก  แต่พอหลังจากคืนนั้น  คำพูดของเฮียกุ่ยก็แวบเข้ามาในหัว  น้ำเสียงของเฮียกุ่ยประหลาดจริงๆ  ประหลาดกว่าทุกครั้ง  มันไม่ใช่การตักเตือนอย่างห่วงใยเหมือนแต่ก่อน

หรือข้าพเจ้าจะคิดฟุ้งซ่านไปเอง

เป็นอันว่า  เพียงไม่นานนัก  มิถุนาก็ย้ายเข้ามาอยู่ร่วมห้องกับข้าพเจ้า  โดยความเต็มใจของเธอเอง  และตอนแรกก็เป็นความเต็มใจของข้าพเจ้าเหมือนกัน  กระทั่งเวลาผ่านไป  ความเร้าใจที่ข้าพเจ้าเคยมีต่อมิถุนาก็จางเลือน

จริงๆมันก็กินเวลาประมาณเดียวกับผู้หญิงหลายๆคนที่ผ่านมา  แต่กับมิถุนา  การหาเรื่องเพื่อจะให้เธอไปจากชีวิต  คงเป็นไปได้ยาก  ในเมื่อเธอเกี่ยวข้องกับเฮียกุ่ย 

แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ  ในที่สุด  สันดานแท้ๆของข้าพเจ้าก็เริ่มออกลาย  ข้าพเจ้าเลิกไปเที่ยวผับของเฮียกุ่ย  เพื่อให้เกิดความห่างเหิน  จนแกเป็นฝ่ายโทร.เข้ามือถือ  ข้าพเจ้ากดสายทิ้งและจัดการล็อคสายของแกเสียด้วยเลย

กับมิถุนา  ข้าพเจ้าเริ่มแสดงท่าทีเปลี่ยนไป  ซึ่งเต็มไปด้วยวิธีการต่างๆที่ข้าพเจ้าสรรหามา  ข้าพเจ้ารู้ว่าได้ทำให้มิถุนาเจ็บช้ำน้ำใจไม่น้อย  แต่ช่วยไม่ได้หรอก  ข้าพเจ้าจำเป็นต้องทำ  เพื่อให้เธอย้ายข้าวของออกไปจากห้องของข้าพเจ้า

ไม่เพียงเท่านั้น  กระทั่งในที่ทำงาน  ข้าพเจ้าก็เริ่มวางแผนเพื่อกลั่นแกล้งให้มิถุนาเดือดร้อน ซึ่งการจะเล่นงานพนักงานตัวเล็กๆอย่างเธอ  ไม่ใช่เรื่องยากสักนิด  แต่มิถุนาก็ยังไม่ยอมจากข้าพเจ้าไปไหนอยู่ดี  ผู้หญิงคนนี้อดทนกว่าที่ข้าพเจ้าคิดเอาไว้เสียอีก

ก็ลองดู! ข้าพเจ้าคิดอย่างร้าย  และด้วยการกระทำที่แทบไม่ได้คำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างกัน  บวกกับช่วงเวลานั้น  มีเหยื่อรายใหม่ก้าวเข้ามาในชีวิตของข้าพเจ้าด้วย  มิถุนาจึงต้องฝืนกล้ำกลืนด้วยความอดทนอย่างยิ่งยวด 

คืนหนึ่ง  ข้าพเจ้าเมากลับห้อง  ตั้งใจว่ายังไงซะคืนนี้จะต้องจัดการมิถุนาให้เด็ดขาด  และแล้วสวรรค์ก็เป็นใจ  ข้าพเจ้ากลับมาถึงห้องพบคนคนหนึ่งอยู่ในห้องด้วย

เฮียกุ่ย!

ข้าพเจ้าได้โอกาสหาเรื่องทันที  แต่ทั้งเฮียกุ่ยและมิถุนามีท่าทีสงบ  มีเพียงแววตาที่จ้องมองมายังข้าพเจ้าเท่านั้น  ดูลุกวาว 

ขณะข้าพเจ้าชี้หน้าด่ากราด  และออกปากไล่พวกเขาออกไป  เฮียกุ่ยก็ลุกตรงเข้ามา

“มึงจะทำอะไรกู?” ข้าพเจ้าตวาดถาม  ไม่เหลือความยำเกรงใดๆอีก

ข้าพเจ้าไม่ได้รับคำตอบ  แต่ถูกต่อยจนล้มทั้งยืน  สติสัมปชัญญะดับวูบ  มาฟื้นอีกทีพบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงตามลำพังในสภาพเปลือย  มือและเท้าถูกพันธนาการติดกับเตียงแน่นหนา

ฤทธิ์เหล้าจางหายไปจากกระแสเลือด  ข้าพเจ้าเริ่มกลัว  นาทีนั้น  มิถุนาก็ก้าวเข้ามาในห้องตามลำพัง  ไม่มีร่างของเฮียกุ่ย   

ข้าพเจ้าเพิ่งได้เห็นแววตาของมิถุนาว่าน่ากลัวเพียงใด 

คุณพระช่วย!  มิถุนาถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือ  นั่นมันกาน้ำร้อนเดือดๆ

“เธอจะทำอะไร มิถุนา?” ข้าพเจ้าร้องถามเสียงแตกพร่า  เหงื่อเม็ดโป้งๆผุดพรายออกมาเต็มหน้า

มิถุนาไม่พูดอะไรเลย  แต่ก้าวเข้ามาประชิดเตียง  นาทีนั้นก็ค่อยๆราดน้ำเดือดๆลงบนร่างของข้าพเจ้า         

ความเจ็บปวดเมื่อแรกน้ำร้อนสัมผัสกับผิวหนังนั้น  ข้าพเจ้าจดจำได้จนถึงวันตาย  ข้าพเจ้าร้องสุดเสียง  เนื้อตัวสั่นระริก  ดวงตาโปนออกมาจนเห็นเส้นเลือด  ถ้าจำไม่ผิด  อุจจาระและปัสสาวะก็ทะลักทะลายออกมา

ไม่เพียงแค่กาแรก  ยังมีกาต่อมา  ข้าพเจ้าร้องจนหมดสติ  และครั้นฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง  ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดทรมานชนิดไร้คำอธิบาย 

ข้าพเจ้าได้เห็นมิถุนาใช้มีดคมๆเฉือนเอาอวัยวะส่วนนั้นของข้าพเจ้าออกมา  มันขาดติดมือของเธออย่างง่ายดาย  และดูเหมือนช่วงเวลานั้น  ข้าพเจ้าไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย  รู้เพียงอย่างเดียว  เลือดในกายของข้าพเจ้าทะลักออกมาอย่างมากมาย 

ข้าพเจ้ากำลังจะตาย!

ข้าพเจ้าได้ยินเสียงหัวเราะและร้องไห้ของมิถุนา  ยิ่งไปกว่านั้น  ข้าพเจ้าได้ยินเสียงสัตว์นรกในขุมอเวจี

ใครก็ได้  ช่วยข้าพเจ้าด้วย!

ภาพโดย yhiae ahmad จาก Pixabay

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์