อื่นๆ
วิญญาณที่ยังอยู่

ภาพโดย cocoparisienne จาก Pixabay
เขียนโดย อ.อเวจี
ศพเด็กแว๊นต้อนรับผู้ใหญ่บ้านคนใหม่
ลุงซ้ง ผู้ใหญ่บ้านใหม่หมาด เคยรับปากกับชาวบ้านคุ้มเหนือเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่า ถ้าหากได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน แกจะทำศาลานั่งพักบริเวณจุดสามแยก ซึ่งของเก่ามีอยู่แล้วแต่ทรุดโทรมจวนพังมิพังแหล่ ผู้ใหญ่ซ้ง มีฝีมือในด้านงานช่างก่อสร้างทุกอย่าง เพราะเคยไปทำงานรับจ้างก่อสร้างในกรุงเทพฯตั้งแต่ยังหนุ่ม ๆ จนสามารถอ่านแบบ และมีเพาเวอร์ขนาดรับเหมางานก่อสร้างได้เอง จนมีเงินมีทองกลับมาสร้างบ้านซื้อนาอีกสิบกว่าไร่สำหรับทำมาหากิน มีคนทำงานก่อสร้างไม่กี่คนหรอก ที่จะสามารถพัฒนาตัวเองจนประสบความสำเร็จได้ในระดับนี้
เมื่อได้รับเลือกตั้งเข้ามา อะไรต่อมิอะไรที่เคยรับปากก็จำเป็นต้องทำ โดยเริ่มจากเรื่องง่าย ๆก่อนเป็นอันดับแรก ศาลานั่งพักจึงเริ่มก่อรูปร่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยงบประมาณไม่มาก แต่ด้วยสุดฝีมือในเชิงช่างของผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ เสร็จจากศาลานั่งพัก ลุงซ้งก็มีงานใหม่ ๆในฐานะผู้ใหญ่บ้านเข้ามาไม่ขาดระยะ จนกระทั่งในช่วงเย็นของวันหนึ่ง ชาวบ้านกระหืดกระหอบเข้ามาแจ้งข่าวว่า มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเสียหลักพุ่งเข้าชนศาลานั่งพัก
Advertisement
Advertisement
ผู้ใหญ่ซ้งรีบไปดูก็ต้องเบือนหน้าหนีกับสภาพของคนขี่มอเตอร์ไซค์ที่พุ่งศีรษะกระแทกเข้ากับเสาต้นหนึ่งของศาลา มันสมองกระจาย!
“มันคงเมา” เสียงวิจารณ์
แน่ละ ทั้งเมาและคึกคะนอง จากการสอบสวนได้ความว่า เป็นเด็กวัยรุ่นอายุยังไม่ครบบวชพระด้วยซ้ำ อยู่หมู่บ้านใกล้เคียง ก่อนเกิดเหตุนั่งดื่มเหล้าขาวกับเพื่อน ๆ ยังไม่อิ่มจึงอาสาบิดมอเตอร์ไซค์เพื่อมาซื้อเหล้าเพิ่ม ตายเพราะน้ำเมาเป็นเหตุจริง ๆ ผู้ใหญ่ซ้ง ไปร่วมในงานศพของเด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายด้วย แกเองก็เป็นพ่อของลูกชายถึง 2 คน โชคดีที่ลูก ๆไม่มีใครดื่ม จึงไม่ค่อยห่วงนักว่าพวกเขาจะต้องมาจบชีวิตก่อนวัยอันควรเหมือนเด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายคนนี้
ผู้ใหญ่ซ้งจำเป็นต้องดื่มบ้างตามมารยาท เพราะจะไม่ดื่มเลยจะถูกกล่าวหาว่าหยิ่ง ต่อให้ไม่ชอบอย่างไรก็ตาม การเป็นผู้ใหญ่บ้านบ้านนอก ไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ อย่างน้อยการปฏิบัติตัวเปลี่ยนไปจากเดิมมากมาย พิธีกรรมในทางศาสนา ดูจะไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าไรนัก ทำไปอย่างแกน ๆ ชาวบ้านกำลังสนใจอยู่กับวงไพ่ไฮโลมากกว่า ผู้ใหญ่ซ้งเห็นภาพนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนใจ นับวันสังคมชนบทก็ยิ่งเสื่อมโทรมลง ขนาดพระเองก็ยังไม่ค่อยอยากเทศน์ เพราะเทศน์ไปก็เมื่อยปาก ไม่มีใครใส่ใจนัก ดีไม่ดีถูกนิมนต์ลงกลางคันละก็ จะยิ่งขายหน้าประชาชีเสียเปล่า ๆ
Advertisement
Advertisement
ภายหลังนั่งคุยกับเพื่อนผู้ใหญ่บ้าน อบต.จากต่างหมู่บ้าน ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่รู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดีนั่นแหละ ผู้ใหญ่ซ้งก็เอ่ยปากขอตัวกลับบ้าน
“คุยกันก่อนน่าพี่” อบต.ดำ ดึงมือผู้ใหญ่ซ้งเอาไว้
“จริงด้วย นาน ๆจะได้เจอกัน”
ผู้ใหญ่ซ้งจำต้องวางก้นลงอีกครั้ง เรื่องราวในวงเหล้าไม่มีวันจบง่าย ๆ ถ้าถกกันด้วยเรื่องอภิธรรมก็จะลึกล้ำในระดับปรมัตถ์กันเลยทีเดียว ผู้ใหญ่ซ้งนั้น ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามาก เพราะคนงานในไซด์งานก่อสร้างที่แกเคยทำ ล้วนแล้วแต่คอเหล้ามืออาชีพกันทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อจำเป็นต้องนั่งอยู่ในวงเหล้า จึงสามารถพูดคุยได้ไม่มีปัญหาอะไร
เป็นคืนวังเวงเพราะมีงานศพ
บรรยากาศภายในงานศพ ยังคึกคักด้วยเหล่านักพนัน มันเป็นงานที่ไม่เหลือความเศร้าโศกใด ๆหลงเหลืออยู่เลย กว่าผู้ใหญ่ซ้งจะขอตัวลุกจากวงเหล้าได้ก็ดึกมากแล้ว ก้าวพ้นจากวงเหล้าได้ ก็รู้สึกสบายใจอย่างไรบอกไม่ถูก ยิ่งเมื่อขี่มอเตอร์ไซค์พ้นออกมาจากบริเวณงานศพได้ ผู้ใหญ่ซ้งถึงกับเป่าลมออกจากปาก
Advertisement
Advertisement
คืนนี้ เดือนดับ แสงดาวกระจัดกระจายเกลื่อนท้องฟ้า สายลมรำเพยผ่านผิวกายเมื่อผู้ใหญ่ซ้ง บิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์ แกคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้อยู่แล้ว จึงไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวอะไร คืนนี้แตกต่างจากทุกคืนที่ผ่านมาตรงแค่ว่า มันมีคนตาย และมีงานศพเท่านั้น
จู่ ๆภาพของเด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายก็ผุดขึ้นมาในหัว ผู้ใหญ่ซ้งกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ไม่ได้กลัวหรอก แต่นึกสยดสยองกับชิ้นส่วนของมันสมอง พอจินตนาการเห็นภาพ จมูกก็คล้ายกับจะได้กลิ่นคาวขึ้นมาทันที ผู้ใหญ่ซ้งขนลุกซู่ ในหูได้ยินเสียงวิ้ง ๆ ๆ ๆ ๆ เนื่องจากไม่ได้สวมหมวกกันน็อก ทันใด ผู้ใหญ่ซ้งรู้สึกว่าน้ำหนักรถเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ
ขนลุกซู่อีก!
ใจนึกค้านว่า มันคงไม่เกิดขึ้นกับตัวแกหรอก จริงอยู่ เรื่องผี ๆ เคยได้ยินได้ฟังมามาก แต่ตลอดชีวิตไม่เคยเจอ คนใดเห็นผีแปลว่ามีดวงจิตที่ค่อนข้างมีเมตตาธรรมอยู่ ดวงวิญญาณจึงอยากติดต่อสื่อสารเพื่อขอส่วนบุญเท่านั้น
ผู้ใหญ่ซ้งเหลือบมองด้วยหางตาผ่านเนินหัวไหล่ของตน ไม่เห็นมีอะไร แกคงคิดมากไปเองมากกว่า คนผ่านประสบการณ์มากว่าครึ่งชีวิตพยายามระงับสติอารมณ์ให้เป็นปกติ ถ้าหากไม่ได้ยินเสียงอีกอย่างหนึ่งเมื่อเข้าใกล้หมู่บ้าน
“บรู๋วววว์!” ยิ่งใกล้เข้าไป เสียงหมาก็ยิ่งหอนกระชั้นถี่ขึ้น ที่น่าประหลาดกว่านั้นก็คือ น้ำหนักของมอเตอร์ไซค์หนักหน่วงขึ้นอย่างผิดสังเกต ราวกับมีคนซ้อนท้ายอยู่สักสองคนอย่างนั้นแหละ ผู้ใหญ่ซ้งตัวแข็ง หัวใจกลับหนาวเหน็บ จมูกก็ยิ่งได้กลิ่นคาวของเลือดและมันสมอง แบบนี้เองกระมังที่เขาว่ากันว่า ถูกผีหลอก
หมาหอนเห็นอะไร
ผู้ใหญ่ซ้งนึกถึงบทสวดมนต์ บทที่จำได้แม่นยำติดปากก็คือ นะโม แต่เวลานี้แค่จะท่องให้จบบทยังทำไม่ได้แกยังแข็งใจขี่ต่อไป เพราะมันคือหนทางเลือกทางเดียว จะหยุดรถก็ทำไม่ได้ แล้วก็เข้าสู่เขตหมู่บ้านในความปกครองของตัวเอง
“บรู๋วววว์!” แน่ชัดแล้วว่า เหตุใดหมาจึงเห่าหอน
มองเห็นไฟสีส้มแวบ ๆ มันเป็นสัญญาณไฟจราจรเตือนว่า ข้างหน้ามีเส้นทางตัดผ่าน และตรงมุมหนึ่งก็คือที่ตั้งของศาลาพักริมทางที่แกเพิ่งสร้างเสร็จนั่นเอง
ผู้ใหญ่ซ้งค่อยเบาเครื่องลง บ้านแกจะต้องผ่านศาลาพักริมทาง โดยเลี้ยวขวามือเข้าไปในซอยอีกร้อยกว่าเมตร
“โฮ่ง ๆ ๆ!” “บรู๋วววว์!” หมา 4-5 ตัวพร้อมใจกันกรูออกมา ท่าทางของพวกมันเหมือนกำลังเห็นปรปักษ์อะไรสักอย่างน้ำหนักบนหลังอานมอเตอร์ไซค์หนักหน่วงจนผู้ใหญ่ซ้งต้องเอาสองขาช่วยยันพื้น ไม่อย่างนั้น รถล้มแน่ผู้ใหญ่ซ้งค่อย ๆเลี้ยวรถ เพื่อจะเข้าซอย
วูบ! แกสะดุ้งเฮือก เพราะรู้สึกชัดเจนว่า น้ำหนักอันมากมายนั้นอันตรธานวูบ หมาสี่ห้าตัวนั้นก็วิ่งกรูไปที่ศาลา ส่งเสียงเห่ากระโชกไม่หยุด ผู้ใหญ่ซ้งหยุดรถ แข็งใจเหลียวไปมองที่ศาลา
ผีไม่ได้หลอก แค่วิญญาณยังอยู่เท่านั้น
คุณพระช่วย! แสงไฟจากหลอดประหยัดไฟที่ติดตั้งเอาไว้หน้าศาลานั้น สว่างมากพอที่จะทำให้มองเห็นว่า ที่ศาลามีคนอยู่ เจ้าของร่างนั้นสวมใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกับเด็กหนุ่มเคราะห์ร้ายที่แกเพิ่งไปงานศพมา และเสื้อผ้าชุดนั้นก็คล้ายกับมีรอยคราบเลือดเต็มไปหมด
หรือสายตาของแกจะฝาดไปเอง...
ผีหลอก! ผีหลอกกูแน่ ๆ!
ผู้ใหญ่ซ้งร้องตะโกนลั่นภายในใจ ก่อนบิดคันเร่งพามอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าไปในซอย หลังจากนั้นจำความอะไรไม่ได้อีก มารู้สึกตัวอีกทีก็วันรุ่งขึ้น มีคนพยายามถามเหมือนกันว่า แกเป็นอะไรถึงได้มานอนสลบไสลไม่ได้สติที่หน้าบ้านของตัวเอง
ผู้ใหญ่ซ้งเอาแต่ยิ้ม คิดในใจว่า เรื่องแบบนี้ขืนแพร่งพรายออกไป รังแต่จะเป็นโทษมากกว่า เพราะชาวบ้านยิ่งเชื่อเรื่องงมงายเป็นทุนเดิมอยู่ด้วย
*******
ความคิดเห็น
