อื่นๆ

เจอดีที่ไซต์งาน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เจอดีที่ไซต์งาน

เรื่องนี้เป็นผมสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง ครั้งหนึ่งผมได้ขับรถไปยังสถานที่หนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อเข้าไปทำงานในไซต์งานที่รับงานมา เมื่อไปถึงไซต์ก็เริ่มเย็นแล้วแต่ก็ดีสำหรับผมซึ่งปกติแล้วผมชอบทำงานตามลำพังเวลากลางคืน เพราะไซต์อยู่กลางแจ้งถ้าตอนกลางคืนจะไม่ร้อนมากและความเงียบของเวลากลางคืนทำให้ผมมีสมาธิมากขึ้น ไซต์แห่งนี้อยู่ค่อนข้างลึกห่างจากบ้านคนพอสมควร โดยรอบก็จะเป็นป่าและทุ่งนาเป็นส่วนใหญ่ เมื่อถึงไซต์ผมก็เริ่มจัดเตรียมอุปกรณ์ และเครื่องมือเพื่อเตรียมทำงานตามลำพัง  หลังจากที่จัดเตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือเสร็จแล้ว ผมก็ขับรถออกไปหาอะไรกินก่อนที่จะค่ำเพราะแถวต่างจัง ถ้าไม่รีบหาอะไรกินก่อนค่ำจะหาของกินยาก ร้านสะดวกซื้อก็อยู่ไกลไปเป็นสิบๆ กิโล พอไปถึงร้านอาหารตามสั่งก็สั่งผัดกระเพราไข่ดาว ตามประสาคนง่ายๆ และต้องการความว่องไว ป้าเจ้าของร้านก็ทำหน้าที่ผัดกระเพราะกลิ่นหอมลอยมาเตะจมูก คิดในใจว่าคงอร่อยใช้ได้ ไม่นานนักป้าก็ยกผัดกระเพราะไข่ดาวร้อนๆ มาเสิร์ฟที่โตะ พร้อมถามผมว่า "มาจากไหนล่ะหนุ่ม หน้าไม่คุ้น" ผมก็ตอบกลับไปว่า "มาทำงานครับ ที่ไซต์หลังวัด" ป้าก็ตอบกลับมาว่า "มาคนเดียวหรอ ทำไมมาซะเย็นเลยล่ะ อย่าอยู่ดึกมากนะแถวนี้มันเปรี่ยว" ผมก็ตอบป้ากลับไปว่า "คงจะดึกหน่อยล่ะครับป้า ปกติผมก็ทำเสร็จดึกๆ แหล่ะครับ แต่ผมดูแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวนะครับป้า" ป้าก็มองหน้าผมแล้วทำหน้าแปลกๆ แล้วพูดต่อมาอีกหน่อยได้ "ถ้ามันดึกมาก มาทำอีกทีตอนเช้าไม่ดีกว่าหรือพ่อหนุ่มแถวนี้มันเปรี่ยวไม่ค่อยมีใคร เข้าไปตอนดึกๆ หรอก" ผมก็ตอบไปอีกว่า "ไม่เป็นไรหรอกครับป้า ผมชินแล้วผมชอบทำงานกลางคืน มันเงียบดี" ระหว่างที่คุยกันผมก็กินข้าวไปด้วยข้าวหมดจานพอดี ก็เรียกป้ามาเก็บเงิน ป้าก็บอกผมว่า "เอางี้นะหนุ่ม เดี๋ยวดึกๆป้าให้ ลุงสามีป้าขับมอเตอร์ไซต์ไปดูนะ เผื่อมีอะไรก็บอกลุงเค้าได้ ไม่ต้องเกรงใจนะหนุ่ม" ผมก็ตอบรับด้วยมารยาทไปแบบ งงๆ "ครับ ขอบคุณมากครับป้า" พร้อมในใจก็คิดว่าป้าแกดูเป็นห่วงเป็นใยคนแปลกหน้าอย่างผมดีจัง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากคิดแค่ว่าป้าแกคงเป็นคนมีน้ำใจดีคนหนึ่ง

Advertisement

Advertisement

หลังจากที่กลับมาจากร้านข้าวแล้วผมก็จัดแจงรีบทำงานทันดี ฟ้าก็เริ่มมืดแล้วไม่อยากเสร็จงานดึกมาก เพราะเริ่มเพลียๆ ถ้าทำงานเสร็จเร็วได้พักผ่อนเร็วก็ดีเหมือนกัน ผมนั่งทำงานไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปเกือบสามทุ่ม บรรยากาศเวลานั้นเงียบมาก มีเพียงเสียงจิ้งหรีดร้องระงม ระหว่างที่ทำงานไปเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกันอยู่ใกล้ๆ ก็พยายามฟังว่าเขาคุยอะไรกันแต่ก็ได้ยินไม่ถนัด แต่เสียงเหมือนคนเมาคุยกันมากกว่าแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร สักพักเสียงคุยกันก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ และมีเสียงตะโกนดังขึ้นมาชัดเจนและดังมากว่า "ทำอะไร!!! " จนผมต้องสะดุ้งแล้วเด้งตัวขึ้นมาดูว่ามีใครมาตะโกนเรียกหรือป่าว แต่ก็ไม่เห็นมีใครและเสียงคนคุยกันก็เงียบไปแล้ว บริเวณนั้นก็มืดมากมองไปก็ไม่เห็นแสงไฟสักดวง  ผมจึงนั่งลงทำงานต่อด้วยความงงจากเสียงที่ได้ยินเมื่อสักครู่  ผมนั่งทำไปสักพักก็เหมือนลมเริ่มพัดแรงขึ้นอากาศเริ่มเย็นลง จนผมรู้สึกหนาวจนต้องลุกขึ้นไปหยิบเสื้อกันหนาวที่อยู่ในรถมาใส่ ขณะที่กำลังเดินไปที่รถก็เหมือนมีคนสองคนเดินผ่านหน้ารถไปแต่ด้วยความมืดจึงมองเห็นไม่ถนัด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรคิดว่าคงเป็นชาวบ้านออกมาหาจับ กบ เขียด หรือปลา ตามท้องทุ่งท้องนาปกติ เมื่อหยิบเสื้อที่รถมาใส่แล้วผมก็เดินกลับไปนั่งทำงานเหมือนเดิม ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันเหมือนที่ได้ยินตอนแรกอีกครั้งก็คิดว่าคงเป็นชาวบ้านที่เห็นเมื่อสักครู่นี้ แต่ก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังก้องว่า " ทำอะไร !!! " ผมต้องสะดุ้งลุกขึ้นด้วยความตกใจอีกครั้งเพราะครั้งนี้เสียงเหมือนมีคนมายืนตะโกนอยู่ใกล้ๆ ผมเริ่มใจคอไม่ดี ได้ยินแต่เสียงแต่ไม่เห็นมีใครเลย ขณะนั้นเวลาห้าทุ่มกว่าๆ ผมคิดว่าต้องมีใครอยู่แถวนี้แน่ๆ จึงลองเดินกลับไปที่รถแล้วเอาไฟฉายส่องดูว่ามีคนนั่งอยู่ครงไหนหรือป่าวแต่ก็ไม่เห็นมีอะไร มีเพียงฝูงแมลงบินเล่นไฟกันไปมา แต่ก็ใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงมอเตอร์ไซต์พร้อมแสงไฟส่องมาที่หน้าผมพอดี เป็นลุงคนหนึ่งกับหลานชายวัยรุ่นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์มา ถามผมว่า " เป็นอย่างไรบ้างหนุ่มเห็นป้าบอกว่าทำงานดึก ไม่ใช่คนแถวนี้ ลุงเป็นห่วงเลยแวะมาดู แล้วทำงานใกล้เสร็จรึยังนี่ก็ดึกมากแล้ว" ผมก็ตอบกลับไปว่า " ก็อีกสักพักแหล่ะครับลุง ไม่ต้องเป็นห่วงครับไม่น่ามีอะไรนะครับ เมื่อตะกี้ผมยังได้ยินเสียงชาวนาหาปลา ตะโกนเรียกกันอยู่เลยครับ " ลุงจึงตอนกลับมาว่า " แถวนี้ปกติไม่ค่อยมีคนเข้ามานะ มันเปรี่ยว มีชาวบ้านเข้ามาด้วยหรอ " ผมก็ตอบกลับไปอีกว่า " มีครับลุง ผมได้ยินเสียงตะโกนคุยกันตั้งแต่หัวค่ำ เมื่อสักครู่ยังเห็นเดินผ่านหน้ารถผมไปอยู่เลย คงเมากันแล้วมาหากับแกล้มกันมั้งครับ " ลุงจึงตอบมาว่า "แปลกนะถ้าเป็นคนแถวนี้คงไม่มีใครเข้ามา คงเป็นคนจากที่อื่นนะหนุ่ม งั้นถ้าเดี๋ยวลุงนั่งเป็นเพื่อนดีกว่าเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันได้ " ผมจึงตอบไปด้วยความเกรงใจว่า  " ไม่เป็นไรหรอกครับลุงผมเกรงใจและผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จตอนไหน งั้นผมขอเบอร์ลุงไว้ดีกว่าถ้ามีอะไรเดี๋ยวผมโทรหา " ลุงจึงตอบกลับมาว่า "เอางั้นอย่างนั้นก็ได้ มีอะไรก็โทรมานะคืนนี้ลุงเฝ้านาคงนอนดึก" จากนั้นลุงกับหลานก็ขับรถมอเตอร์ไซต์กลับไป ผมก็กลับมานั่งทำงานต่อจนเกือบถึงตีหนึ่งก็ได้ยินเสียงคนคุยกับเป็นพักๆ ผมก็ไม่ได้สนใจทำงานต่อจนเสร็จแล้วก็เริ่มง่วงแล้วจึงรีบเก็บของและหาที่นอนพักผ่อน ขณะที่ยกเครื่องมือมาเก็บที่ท้ายรถก็รู้สึกเหมือนมีใครเอามือมาแตะที่ไหล่จากด้านหลัง แล้วก็ได้ยินเสียงถามมาว่า "จะกลับแล้วหรอ " ผมก็สะดุ้งหันหลังกลับไปก็ไม่เห็นเจอใคร ใจผมสั่นระรัวด้วยความตกใจและรีบเก็บของขึ้นรถอย่างเร่งรีบ พอเก็บของเสร็จแล้วผมรีบปิดประตูรถ แต่ตอนที่ปิดประตูรถนั้นตาผมเหลือบผ่านกระจกมองข้างไปเห็นร่างของชายสองคนยืนเกาะที่ท้ายกะบะรถผมอยู่ คนนึงใส่เสื้อยืดสีขาว อีกคนใส่เสื้อกล้ามสีดำ ผมเปิดประตูกลับลงไปดูด้วยความแน่ใจแต่ก็ไม่เห็นอะไร พยายามปลอบใจตัวเองว่าตาฝาดแน่ๆ ผมจึงกลับขึ้นรถ และเมื่อปิดประตูรถผมก็เห็นเป็นภาพชายสองคนอีกครั้งผ่านกระจกมองข้าง ครั้งนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้วรีบขับรถออกมาจากไซต์ทันที เหงื่อผมไหลออกมาท่วมทั้งที่อากาศหนาวมาก ผมขับรถมาจนเกือบถึงปากทางก็เห็นแสงไฟจากกระต๊อบริมนาข้างทาง จำได้ว่ามอเตอร์ไซต์ที่จอดอยู่ตรงนั้นเป็นของลุงสามีของป้าร้านขายข้าว ผมจึงแวะรถเข้าไปหาลุง ลุงก็ถามว่า "เป็นอะไรมาหนุ่ม เหงื่อท่วมหน้าตาตื่นมาเชียว" ผมจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ลุงฟัง ลุงจึงบอกว่า " ลุงก็ว่าแล้วเชียวว่าไม่น่าจะมีใครไปหาปลาตอนดึกแถวนั้น เพราะที่ตรงท้ายวัดนั่นมันเฮี้ยนมาก มีวัยรุ่นไปฆ่ากันตายแถวนั้น เรื่องก็เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว แต่ผีมันเฮี้ยนมาก เป็นวัยรุ่นสองคน โดนรุมฆ่าแล้วเอาศพมาทิ้งไว้แถวนั้น คนนึ่งเป็นเด็กมาจากที่อื่น แต่อีกคนหนึ่งเป็นหลานลุงเอง หลานคนนี้มันติดลุงมากไปไหนก็ไปด้วยกันตลอดทุกวันนี้ลุงยังคิดถึงมันอยู่เลย  เมื่อก่อนชาวบ้านไปหาจับปลาตอนกลางคืนเจอเข้าถึงกลับจับไข้หัวโกร๋นเลย  แต่เอ็งไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวลุงพาไปส่งที่โรงแรม แล้วเช้าก็ตื่นไปใส่บาตรทำบุญซะหน่อยนะ" ผมก็เลยถามลุงไปว่า " อ่าวแล้วคนที่ไปกับลุงตอนที่ไปหาผมไม่ใช่หลานลุงหรอครับที่ใส่เสื้อกล้ามสีดำ" ลุงก็ทำหน้าตกใจแล้วบอกว่า "เมื่อตอนที่ลุงไปหาพ่อหนุ่มลุงไปคนเดียวนะ นี่หลานลุงเฮี้ยนขนาดนี้เลยหรือนี่ " ผมได้ยินดังนั้นก็ยิ่งหน้าถอดสีและรีบขับรถกลับมานอนที่โรงแรมทันที ตอนเช้าจึงตื่นไปทำบุญใส่บาตรตามคำแนะนำของลุง

Advertisement

Advertisement

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์