หน้าฝนแบบนี้หลาย ๆ ท่านคงขึ้นดอยขึ้นเขาไปเที่ยวดูหมอกฝนกันใช่ไหมล่ะคะ แต่ผู้เขียนจะพาทุกท่านไปเที่ยวชุมชนกันค่ะ เป็นชุมชนเล็ก ๆ น่ารักที่มีทุ่งนาเขียว ๆ ให้เราได้ไปผ่อนคลาย ก่อนจะไปแวะรับลมที่แหล่งมรดกโลกอย่างปราสาทหินบนภูเขาไฟที่ดับมาแล้วนับล้านปี! พูดมาขนาดนี้คงรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าไปที่ไหน ถูกต้อง จังหวัดบุรีรัมย์นั่นเองค่ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงมาก ผู้เขียนพาทุกท่านนั่งรถไปเที่ยวกันเลยดีกว่า!สำหรับชุมชนที่เราจะพาผู้อ่านทุกท่านมาเรียนรู้วิถีชีวิตและผ่อนคลายหัวใจคือชุมชนบ้านสนวนนอกค่ะ ชุมชนนี้ตั้งอยู่ในอำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ ชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้ภาษาเขมรถิ่นบุรีรัมย์คุยกัน แต่ก็สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ การเดินทางไม่ได้ลำบาก สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ แล้วมาต่อรถกระสวยของชุมชนเข้ามา ระหว่างทางก็จะมีวิทยากรบรรยายให้ข้อมูลเกี่ยวกับชุมชน และมีวิวทุ่งสวย ๆ ให้ชมตลอดสองข้างทางเลยค่ะ พิกัด : หมู่บ้านท่องเที่ยวไหม”บ้านสนวนนอก” อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ขอเท้าความก่อนนะคะว่าชุมชนบ้านสนวนนอกนี้ เขามีผลิตภัณฑ์ชุมชนหลายอย่างมาก แต่ที่โดดเด่นสุด ๆ เห็นจะเป็นเรื่องการทอผ้า ชาวบ้านจะเลี้ยงหนอนไหม โดยเขาจะนำหนอนไหมมาไว้ในกระด้ง และป้อนใบหม่อนให้จนกระทั่งเจ้าหนอนพวกนี้กลายเป็นดักแด้ ก็จะถึงเวลานำมาแปรรูปเป็นเส้นไหมสำหรับทอแล้วค่ะ แน่นอนค่ะว่าที่ชุมชนสนวนนอกเขาไม่ได้มีผลิตภัณฑ์ชุมชนเพียงแค่ผ้าทอมือเท่านั้น แต่ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ด้วย อย่างผลิตภัณฑ์จากการจักสาน และผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว ซึ่งงานฝีมือเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคุณลุงคุณปู่เป็นคนทำ ต่างจากเรื่องผ้าผ่อนทอไหมที่จะเป็นคุณป้าคุณยายเป็นคนทำมากกว่า ถือว่าแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจนตามคำกล่าวของผู้เฒ่าผู้แก่ภายในชุมชนว่า “ ผู้หญิงสาวไหม-ผู้ชายทำเครื่องจักสาน บทพิสูจน์รักแท้ ” นั่นเองค่ะโดยส่วนของเครื่องจักสานนั้น คุณลุงคุณปู่จะใช้ไม้ไผ่ฝานบาง ๆ แล้วสานเป็นเครื่องใช้ต่าง ๆ อาทิ พัด กระด้ง หมวก ฝาชี ไปจนถึงเครื่องมือจับปลาเลยค่ะ ยังไม่หมดเท่านี้นะคะ ที่นี่เขายังมีงานฝีมืออีกอย่างคือของเล่นจากกะลามะพร้าว ซึ่งถือว่าเป็นอีกงานหนึ่งที่ต้องใช้ฝีมือและจินตนาการพอสมควรเลย ซึ่งของเล่นจากกะลามะพร้าวของคุณตาส่วนใหญ่จะเป็นนกค่ะ และจะมีสัตว์ชนิดอื่น ๆ ด้วย เช่น ปู แมงมุม และไก่ อาหารการกินของคนที่นี่ก็เรียบง่าย อย่างมื้อนี้ผู้เขียนได้กินส้มตำ (คุณป้าตำสด ๆ ให้เลย) และไก่ย่างค่ะ แอบกระซิบว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เปิดใจกินปลาร้า และพบว่าเป็นเครื่องชูรสที่ทำให้ส้มตำแซ่บมากกก รู้แบบนี้กินไปตั้งนานแล้วนะเนี่ย! แน่นอนว่าที่บ้านสนวนนอกเขามีให้บริการโฮมสเตย์ด้วย ผู้เขียนจึงขอพักผ่อนอยู่ที่นี่สักคืน แล้วตื่นมาดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นตัดกับทุ่งนาสีเขียวช่วงเช้า สวยสุด ๆ ไปเลยค่ะ ออกจากชุมชนมาแล้ว มาเที่ยวกันต่อที่ปราสาทหินปราสาทแรกซึ่งตั้งอยู่บนเขา ปราสาทพนมรุ้งนั่นเอง ขอเล่าประวัติคร่าว ๆ ของปราสาทแห่งนี้ก่อนนะคะ ว่าเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับไปประมาณล้านปีที่แล้ว คำว่าพนมรุ้งมาจากภาษาเขมรว่า วนํรุง ซึ่งแปลว่า ภูเขาใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 15 สมัยที่จักรวรรดิเขมรกำลังรุ่งเรือง เดิมทีเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ฝั่งไศวนิกาย ซึ่งนับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงนับถือพระพุทธศาสนา นิกายมหายาน ปราสาทแห่งนี้จึงถูกปรับให้เป็นศาสนสถานในพุทธมหายาน ศิลปะของปราสาทพนมรุ้งเป็นศิลปะเขมรโบราณ ซึ่งภายในมีการผสมผสานศิลปะต่าง ๆ อาทิ ศิลปะคลัง-บาปวน (พุทธศตวรรษที่ 15) และศิลปะบายน (พุทธศตวรรษที่ 17) และนอกจากความน่าสนใจด้านสถาปัตยกรรมแล้ว สิ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของที่นี่เลย ก็คือการชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกผ่าน 15 ช่องประตูในช่วงเดือนเมษายนและเดือนกันยายนของทุกปีนั่นเองค่ะ พิกัด : ปราสาทหินพนมรุ้ง Phanomrung Historical Park ลงมาจากปราสาทหินพนมรุ้ง เดินทางต่ออีกหน่อยสัก 10 กิโลเมตรมาที่อำเภอประโคนชัยค่ะ ที่นี่มีอีกหนึ่งโบราณสถานที่สำคัญของบุรีรัมย์ นั่นคือปราสาทหินเมืองต่ำ ปราสาทแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ฝั่งไศวนิกายเช่นเดียวกับปราสาทหินพนมรุ้ง ซึ่งภายหลังในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้ถูกเปลี่ยนเป็นศาสนสถานในศาสนาพุทธ นิกายมหายาน และที่ชื่อว่าปราสาทเมืองต่ำนั้น ก็เพราะว่าอยู่ต่ำกว่าปราสาทพนมรุ้งนั่นเองค่ะ พิกัด : ปราสาทหินเมืองต่ำ ปราสาทหินเมืองต่ำเป็นปราสาทหินที่มีสถาปัตยกรรมของศิลปะแบบบาปวน ซึ่งส่วนของโคปุระ (ซุ้มประตู) และระเบียงคดนั้นสร้างขึ้นด้วยหินทราย แต่ส่วนของกลุ่มปราสาทที่ล้อมปรางค์ประธาน สร้างขึ้นด้วยอิฐ ซึ่งในปัจจุบันปรางค์ประธานเหลือเพียงฐานเท่านั้นค่ะสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของปราสาทหินเมืองต่ำ คือ สระน้ำระเบียงคดทั้งสี่ทิศค่ะ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปตัว L สันนิษฐานว่าเป็นสระน้ำที่ใช้บรรจุน้ำเพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และหากออกมาจากปราสาท ข้ามถนนไปเล็กน้อย เราจะพบกับสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งในอดีตคืออ่างเก็บน้ำ ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยจักรวรรณดิเขมรโบราณ สำหรับให้ชุมชนใช้ทำการเกษตรกรรม โดยจะเรียกว่าบารายเมืองต่ำ หรือทะเลเมืองต่ำถือว่าเป็นแหล่งน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งมีอายุมากเกือบพันปีเลยทีเดียวค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ทริปบุรีรัมย์ของเรา น่าเที่ยวมากเลยใช่ไหมล่ะ หวังว่าทุกท่านคงจะชอบบทความของเรานะคะ สุดท้ายนี้อยากให้ทุกคนได้ลองมาเที่ยวชุมชน มาลองใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วยกันนะคะ และสำหรับลูกค้าทรูที่อยากไปเที่ยวบุรีรัมย์ช่วงนี้ ทรูเขามีสิทธิพิเศษสำหรับใช้บริการที่พักด้วยนะคะ ที่โรงแรมกรีนแอทบุรีรัมย์ ส่วนลดสำหรับห้องพักแบบ Garden View ราคาพิเศษ 981 บาท ต่อห้องต่อคืน จากราคาปกติ 1,500 บาท พร้อมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน คลิกเลย! ภาพถ่ายทุกภาพนักเขียนเป็นผู้ถ่ายเอง *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี` คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565