ชัยภูมิมีวัดบนภูเขาลูกเตี้ย ๆ ลูกหนึ่ง ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองมากนัก บนเขาลูกนั้นมีหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่ก้อนหนึ่ง มีลักษณะคล้ายรูปหงส์ (หงษ์) และห่างออกไปจากหินก้อนนั้น มีสระน้ำเล็ก ๆ อยู่ จึงได้ชื่อว่า สระหงษ์ ผมมาอยู่ชัยภูมิหลายปี ยังไม่เคยออกไปดูสักครั้ง เมื่อมีโอกาสในวันว่าง จึงได้หยิบกล้องเก่า ๆ คู่ใจ ติดตัวออกไปเก็บภาพสักหน่อย ผมใช้เวลาขับรถออกจากบ้านมาไม่นานนักก็มาถึงวัด ด้วยความที่ไม่เคยมาจึงใช้แผนที่จากกูเกิล และอาศัยดูทางตามป้ายริมถนน ขับลัดเลาะตามเส้นทางมาเรื่อย ๆ ผ่านสองข้างทางที่ส่วนใหญ่เป็นป่า บรรยากาศห่างไกลผู้คนออกมาเรื่อย ไร้หมู่บ้าน ไร้วี่แววของผู้คน สัมผัสได้ถึงพื้นที่ที่สูงชันขึ้น แต่ไม่ได้มากมายนัก รู้ตัวอีกทีก็มาถึงวัดแล้ว วัดเป็นวัดบนภูเขาลูกเล็ก ๆ เตี้ย ๆ ชนิดที่ถ้าไม่ได้สังเกตอาจรู้สึกว่าที่นี่เป็นเพียงพื้นที่เนินเฉย ๆ แต่ด้วยลักษณะพื้นที่ ที่เป็นหินภูเขา พื้นที่ตั้งวัดจึงเป็นภูเขาอย่างไม่ต้องสงสัย บรรยากาศของวัดเงียบสงบ ไร้วี่แววของความวุ่นวายและผู้คน ผมจึงลองสำรวจที่ศาลาใหญ่ เผื่อจะเจอพระคุณเจ้าสักรูป หรือญาติโยม พอได้ถามทาง แล้วผมก็ได้เจอหินก้อนนั้น หินรูปหงส์ ที่เป็นที่มาของชื่อวัด มันใช่เลย ก้อนหินมีรูปร่างคล้ายหงส์ ตามที่ร่ำลือ และศรัทธาญาติโยม ได้เติมความเหมือน โดยแต่งเติมด้านบนก้อนหินให้เหมือนหงส์มากยิ่งขึ้น พร้อมกับเครื่องสักการะบูชาตามความเชื่อ ด้วยบรรยากาศเข้มขลัง วังเวง ชวนขนลุก ผมจึงเดินชมอยู่ไม่นาน แล้วออกสำรวจต่อไป เพื่อตามหาสระอันเป็นที่มาของชื่อวัดอีกอัน ตามข้อมูลที่ค้นมา คือ สระนั้นอยู่ไม่ไกลจากหินรูปหงส์มากนัก ผมจึงเดินสำรวจไปตามเส้นทางที่มีอยู่ เส้นทางเดินลัดเลาะไปตามก้อนหิน ที่มีร่องรอยของการกวาดใบไม้ นั่นทำให้รู้สึกอุ่นใจว่าท่ามกลางความเงียบสงัด แต่นี่ไม่ใช่วัดร้าง น่าจะยังมีพระจำพรรษาอยู่ ในที่สุดผมก็มาถึงสระหงษ์ (ผู้อ่านอาจจะสงสัย ว่าทำไม ถึงเขียน หงส์ กับ หงษ์ เพราะว่า คำว่า หงส์ ที่ถูกต้องเขียนด้วย ส์ แต่ในส่วนที่เป็นชื่อเฉพาะ ผมจึงเขียนด้วย ษ์ ตามชื่อวัดครับ : ผู้เขียน) เป็นสระหิน ขนาดเล็ก ๆ และมีน้ำอยู่เต็มเปี่ยม ด้วยความที่ผมไม่รู้ความลึกของสระ จึงไม่กล้าไปสำรวจใกล้ ๆ มากนัก จึงจัดแจงหามุมมองสวย ๆ ที่เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ถ่ายภาพแล้วไปสำรวจต่อ จากนั้นผมก็ไปดูอีกที่หนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งของวัด ตามข้อมูลที่ค้นมาคือรอยพระพุทธบาท แต่งานนี้ผมต้องเดินย้อนกลับมาที่รถก่อน แล้วก็ขับขึ้นไปตามถนนคอนกรีตที่วัดสร้างเอาไว้ เมื่อขับผ่านลานหินผมก็เริ่มรู้สึกตัวว่าเราอยู่บนภูเขา เพราะแม้จะไม่สูงมาก แต่มองเห็นทิวป่าอยู่ด้านล่าง จนกระทั่งมองเห็นวิหาร รอยพระพุทธบาท ที่สร้างเด่นตระหง่านกลางลานหิน ครอบรอยพระพุทธบาทเอาไว้ จากนั้นก็เข้าไปสักการะพระประธาน และรอยพระพุทธบาทด้านในวิหาร เพื่อเป็นสิริมงคลกับชีวิต รอยพระพุทธบาทนี้มีขนาดใหญ่โตพอประมาณ ซึ่งตามความเชื่อชาวพุทธ ที่ใดมีรอยพระพุทธบาท แสดงว่าพระพุทธองค์ท่านเคยเสด็จมาโปรดเวไนยสัตว์ ผมนั่งมองรอยพระพุทธบาท และสำรวจภายในวิหารสักพัก ก็เดินออกมาสำรวจบริเวณรอบ ๆ ดูพระพุทธรูป สระบัว และบ่อน้ำตามลานหินสักพัก ท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มร้อนระอุ และไฮไลท์ที่สำหรับผมแล้วคิดว่ามันสวยงามมาก คือ จากลานหินสามารถมองเห็นวิวมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาอีกลูก และมีฉากหลังเป็นเทือกเขาภูแลนคา ดูแล้วสวยงามจริง ๆ หลังจากนั้นผมก็เลยเดินทางกลับบ้าน ด้วยความรู้สึกอิ่มใจ และทึ่งกับพระสงฆ์องค์เจ้ารุ่นแรกที่บุกเบิกสร้างวัดแห่งนี้ ในสถานที่ ที่เงียบสงบ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ตามรอยองค์พระศาสดาอย่างแท้จริง ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดย : ผู้เขียน