ความศรัทธาของชาวภูไทบ้านกุดหว้า บุญข้าวทิพย์ ตำนานข้าวมธุปายาส ที่นางสุชาดานำถวายพระสัมมาสัมพุทธะ ก่อนคืนวันแห่งการตรัสรู้ จากจิตศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ สู่การลงแรงทำข้าวทิพย์หอมให้ได้กินทั่วทั้งหมู่บ้าน ถุงน้อยอร่อยทั้งปี บุญข้าวทิพย์ตำนานข้าวมธุปายาสของนางสุชาดา เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารประกอบด้วย วัตถุดิบจำนวนมากมายหลายชนิด เราลองนึกดูว่าหลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นเวลาหลายเดือน อดข้าวอดน้ำ จนเหลือเพียงเนื้อติดกระดูกซูบผอม ได้รับความทรมานอย่างหนัก จึงคิดว่าทางนี้คงไม่ใช่ทางที่จะตรัสรู้ จึงล้มเลิกและกลับมารับประทานอาหารเช่นเดิม เพียงทานข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดาถวายกลับมีพลังและมีแรงขึ้นมาทันที ซึ่งจากนั้นทรงลงจากเขาลงมาที่แม่น้ำเนรัญชรา เพื่อเสี่ยงทาย โดยใช้ถาดทองที่ใส่ถวายข้าวมธุปายาส ในการเสี่ยงทาย การทำบุญกวนข้าวทิพย์เป็นอีกประเพณีหนึ่งที่ชาวบ้านกุดหว้าให้ความสำคัญตั้งแต่แรกก่อนถึงวัน การลงแขกเกี่ยวข้าวซึ่งข้าวในหมู่บ้านนั้นจะมีผู้มีจิตรศรัทธาถวายข้าวพอดีเป็นน้ำนมทั้งแปลง ซึ่งหลังจากนั้นจะมีการคืนข้าวในช่วงของบุญกุ่มข้าวที่ชาวบ้านจะนำข้าวไปรวมกันเป็นข้าวกองใหญ่ แต่สิ่งสำคัญจะต้องรวบรวมชาวบ้านเพื่อเดินทางไปเกี่ยวข้าว ที่นาซึ่งข้าวที่ใช้ในครั้งนี้รวมแล้วประมาณสี่คันรถกระบะ ในส่วนของวัตถุดิบอื่นเช่น มะพร้าว นม น้ำตาลน มีการแผ่บุญกันทั้งหมู่บ้าน ให้นำมารวมกันที่วัด จนกลายเป็นกองพลังศรัทธาของคนทั้งหมู่บ้าน ขบวนแห่รอบหมู่บ้าน เพื่อรับจิตศรัทธาจากชาวบ้าน ขบวนแห่รอบหมู่บ้าน ทางหมู่บ้านจะมีการประชาสัมพันธ์เส้นทางที่ขบวนแห่จะเดินทางไป เพื่อให้ชาวบ้านได้เตรียมที่จะทำบุญ ชาวบ้านทุกคนก็จะเตรียมสิ่งของ หรือข้าวของตนต้องการทำบุญ เดินร่วมในขบวนแห่ บางบ้านเตรียมน้ำ ขนม ของกินต่างๆ ทำโรงทานเพื่อรอแจกผู้คนที่ร่วมในขบวนแห่ ระหว่างแห่จะมีผู้มีจิตรศรัทธาบริจาค ผู้ใหญ่บ้านคอยเดินจดชื่อเพื่อทำไว้เป็นหลักฐาน สนุกด้วยดนตรีเพื่อเพิ่มความบันเทิงในการแห่ให้ชาวบ้านได้ฟ้อนรำ ร่วมด้วยช่วยกันคนละไม้ละมือ รูดเม็ดข้าวทีละเม็ดออกจากรวง และเตรียมพร้อมกับการตำ วัตถุดิบที่สำคัญในการทำข้าวทิพย์ มะพร้าวจิตศรัทธาของชาวบ้าน บุญข้าวทิพย์บุญที่ชาวบ้านแต่ละบ้านจะมีการเตรียมมะพร้าวไว้สำหรับใส่จำนวนมาก แต่ก่อนใช้กระต่ายในการขูดแต่ปัจจุบันนี้ มีการใช้เครื่องขูดมะพร้าวซึ่งแต่ละหมู่บ้านจะมีไว้ประจำเพื่อให้ชาวบ้านได้หยิบยืมเวลาที่มีงาน คนที่ขูดจะเป็นชาย หญิงนั้นจะเป็นคนคั้นน้ำกะทิ ตอนแรกจะช่วยกันทำทั้งหมู่บ้านก่อน แต่หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว จะมีการแบ่งแยกแต่ละส่วนเท่าๆกันให้กับแต่ละชุมชนก่อนเข้าพิธีทางศาสนา ขบวนแห่นางเทพธิดา หรือเรียกติดปากกันว่านางเทวดา กว่าจะมาเป็นข้าวทิพย์หอม สิ่งที่ทำให้ข้าวทิพย์นั้นหอมและสีสวยคือใบเตย หลังจากที่แห่ขบวนรอบบ้าน จะได้ข้าวมาเพิ่ม แต่ละชุมชนในหมู่บ้าน จะต้องพากันลงไปรับเอาข้าวในสัดส่วนเท่าๆกัน เพื่อนนำขึ้นมาตำในชุมชนของตนเอง ซึ่งบางชุมชนนั้นก็จะมีการเพิ่มความหอมด้วยการใส่ใบเตยในขณะที่ตำใส่ครกใหญ่ หรือจะเป็นการตำแบบโบราณ ครกตำข้าว เพื่อให้น้ำนมข้าวออก ในแต่ละชุมชนจะต้องช่วยกันตำข้าว โดยใช้ครกใหญ่ จะไม่มีการปั่น เพราะการใช้เครื่องปั่นละเอียดก็จริง แต่น้ำนมข้าวจะไม่ค่อยออก และทำให้เปลือกข้าวกับเม็ดข้าวด้านในผสมเข้าด้วยกัน แต่ถ้าหากเราใช้ครกจะมีน้ำข้าวออกมาค่อนข้างเยอะและถ้าหากว่าต้องการที่จะเพิ่มความหอมจะมีการหั่นใบเตยใส่ในขณะที่ตำข้าว ตำจนละเอียดที่สุดเรียกได้ว่าข้าวคนเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ละครกจะใช้เวลาในการตำประมาณชั่วโมงกว่าๆ การคั้นน้ำจากข้าวที่ตำ หลังจากที่ตำข้าวเสร็จ ทุกชุมชนจะนำข้าวที่ตำลงไปรวมกัน เพื่อทำการคั้นน้ำข้าวช่วยกันทั้งหมู่บ้าน โดยผู้หญิงจะเป็นผู้คั้น ชายนั้นขูดมะพร้าว และแบกถังน้ำ มาใส่ในกะละมังที่จะทำการคั้นซึ่งใช้มือล้วนๆในการคั้น กลมกล่อมแน่นอน ก่อนคั้นทุกคนจะต้องล้างมือทำความสะอาด เรียกได้ว่าคั้นออกมาด้วยแรงมือ บางคนที่กลัวเม็ดเปลือกข้าวทิ่มแทงมือจะใช้ผ้าตวงและช่วยกันบีบเพื่อให้น้ำออก น้ำที่ใช้ในการคั้น น้ำสำคัญในการคั้นเช่นกัน แต่เราจะต้องใช้น้ำที่ขึ้นมาจากดิน หรือที่เรานั้นเรียกว่าน้ำบาดาล ซึ่งถ้าหากเราใช้น้ำประปานั้นจะมีสารบางอย่างที่อาจจะผสมอยู่ อาจจะทำให้ข้าวทิพย์ไม่ค่อยน่ารับประทาน จริงๆคือมีการทำแบบนี้มาตั้งแต่บรรพบุรุษ คือใช้น้ำจากน้ำสร้างวัด แต่ก่อนจะมีการใช้ถังหย่อนลงไปตักและหาบมาแต่ปัจจุบันมีการใช้เครื่องสูบขึ้นเพิ่มความสะดวกสบาย คั้นให้น้ำนมข้าวออก คั้นจนเพียงพอแล้ว จากที่น้ำใส่ๆกลายเป็นน้ำสีขุ่นหรือสีเขียวอ่อน ก็จะบีบแยกกากออกจากน้ำ จนเหลือกากน้อยที่สุด ยกมาเทใส่ถุงซึ่งมีผ้ากรองกากอีกหนึ่งรอบ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการคั้นน้ำนมข้าว แต่กากที่คัดแยกออกนั้นจะยังไม่ทิ้ง เพราะถ้าหากว่าน้ำข้าวยังไม่พอ จะนำมาคั้นอีกรอบ ซึ่งกากข้าวหลังจากใช้แล้วก็จะนำแบ่งกันนำไปให้สัตว์เลี้ยง เช่นหมู ไก่ หรือวัวต่อไป การแห่ขบวนก่อนเริ่มกวนข้าวทิพย์ ขบวนแห่ก่อนเริ่มกวนข้าวทิพย์ซึ่งก่อนหน้านั้นนางเทพธิดาทั้งหมดจะต้องทำพิธีบวชชีพราหมณ์ ตามพิธีสงฆ์ สวมใส่ชุดชาว ให้อยู่ในสายสิญจน์สีขาว ซึ่งคนที่จับจะต้องเป็นหญิงและค่อนข้างจะมีอายุเดินรอบวัด เดินนำหน้าขบวนพระสงฆ์ต่อด้วยนางเทพธิดา สำคัญในการแห่ขบวน ขบวนนางเทพธิดาทั้งหมดนี้ จะต้องไม่มีการสวมใส่รองเท้าในการแห่และร่วมพิธี และห้ามให้คนนอกเข้าไปในพิธี ชาวบ้านที่อยู่รอบนอกนั้นจะนั่งประนมมือ ตลอดขบวนผ่าน การเริ่มพิธีกวนข้าวทิพย์ พิธีสงฆ์ หลังจากแห่รอบโบสถ์สามรอบ ก็เข้าพิธีกวน โดยการกวนนั้นจะเป็นหญิงสาวที่ยังไม่มีระดู(ประจำเดือน) ซึ่งถือเป็นสาวบริสุทธิ์ ในพิธีมีการล้อมด้ายสีขาว ผู้ที่สามารถเข้าไปด้านในได้ มีเพียงพระ นางเทพธิดา และคนที่หาบน้ำนมข้าว ในพิธีจะให้นางเทพธิดาทั้งเจ็ดเริ่มเทน้ำข้าวลงในกระทะและใช้ไม้กวน เดินวนไปในทุกกระทะ ซึ่งมีประมาณยี่สิบกว่ากระทะ เทพธิดาทั้งเจ็ดจะต้องกวนให้ครบทั้งหมด พระสงฆ์สวดมนต์ตลอดพิธี ขั้นตอนแรกของทุกกระทะ ขั้นแรกนั้นจะมีการกวนน้ำกะทิก่อน จนกว่าน้ำกะทิจะแห้งเหนียวจึงมีการเติมน้ำข้าวลงทีละนิด จะไม่เติมลงทีเดียวเยอะๆ และจะต้องมีมือหลักในการกวน การกวนจะต้องไม่หยุดมีความสม่ำเสมอ ต่อมากวนน้ำข้าวและกะทิ การกวนน้ำข้าวและกะทิให้เข้ากัน ในการกวนนั้นจะต้องกวนอยู่ตลอดไม่ให้หยุด จนกว่าจะเป็นข้าวทิพย์ซึ่งแต่ละชุมชนจะต้องช่วยกันกวนเปลี่ยนผลัดกันไปเรื่อยๆ ซึ่งจะต้องกวนไปในทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นออกจากกระทะ วัตถุดิบอย่างอื่นที่เตรียมสำหรับเทลงในกระทะ นอกจากน้ำข้างและกะทิ เมื่อกวนเข้าที่จนงวดเข้ากันเรียบร้อยแล้วจะต้องมีการเตรียมวัตถุดิบอย่างอื่น นั่นคือ เผือก ถั่ว งา มัน และอีกหลายอย่างซึ่งมีการต้มและบดคนให้เข้ากันเรียบร้อย เตรียมที่จะเทใส่ สีของข้างทิพย์ วัตถุดิบทุกอย่างเหมือนกันทั้งหมด แต่ะละหม้อจะไม่เหมือนกัน บางหม้ออาจจะสีเข้ม สีอ่อนอยู่ที่สีของน้ำข้าว ถ้าหม้อไหนมีใบเตยเยอะหน่อยสีของข้าวทิพย์จะมีสีน้ำตาลเข้ม บางหม้อก็จะน้ำตาลอ่อน ขั้นตอนเหล่านี้จะยังไม่ใส่เครื่องปรุงอะไรนอกจากน้ำข้าวและน้ำกะทิ เพราะเมื่อไหร่ที่มีการใส่วัตถุดิบเพิ่มจะทำให้การกวนลำบากเพราะจะมีความเหนียวขึ้นเรื่อยๆ สังเกตใกล้จะเป็นข้าวทิพย์ ระยะเวลาในการกวนข้าวทิพย์จะใช้เวลามากกว่าห้าชั่วโมง อยู่ที่แต่ละหม้อจะมีขนาดไม่เท่ากัน บางหม้อบาง หนา เล็ก ใหญ่ ไม่เท่ากัน จึงกำหนดระยะเวลาไม่ได้ว่ากี่ชั่วโมง แต่สีของข้าวทิพย์จะบอกได้ว่าใกล้ที่จะเป็นข้าวทิพย์หรือยัง แต่ก่อนนั้นดังด้วยฟืน ทำให้จะต้องมีการหลบควันไฟบ้าง แบกฟืนทำให้บางครั้งดินกระเด็นเข้าหม้อ บางหม้อไฟมอดดับทำให้ข้าวทิพย์มีกลิ่นควัน ปีนี้จะทันสมัยขึ้นหน่อยเพราะแต่ละชุมชนจะต้องมีการหาแก๊สสำหรับกวน ชุมชนละสองหม้อ เพื่อให้สะดวกในการกวน และความต่อเนื่องในการให้ความร้อนของไฟ กวนให้ถึงก้นหม้อ ถึงเวลาที่ข้าวทิพย์ใกล้จะเข้าที่แล้ว จะเริ่มกระเด็นเหนียวเพราะความร้อน คนที่กวนจะต้องใช้กำลังแรงแขนหนักหน่อย และห้ามหยุดเพราะไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้ด้านล่างไหม้ ประเพณีการกวนข้าวทิพย์ถือเป็นกิจกรรมที่สร้างความสามัคคีของคนในหมู่บ้าน ซึ่งหนึ่งปีจะมีเพียงหนึ่งครั้ง และในหนึ่งหมู่บ้านจะจัดเพียงวัดเดียวเท่านั้นซึ่งหลังจากการกวนเสร็จเช้าวันต่อมาจะมีผู้นำชุมชนตักใส่ถุงเพื่อแจกจ่ายให้กับลูกบ้านได้รับประทานกัน พลังของชาวบ้านกุดหว้าจิตศรัทธาไม่เคยห่างหาย ไม่ว่าจะเป็นมะพร้าว น้ำตาล นม เผือก มัน งา ใครที่มีก็จะนำไปรวมกันที่วัดสร้างบุญมหากุศลร่วมกัน สิ่งไหนที่ร่วมมือร่วมใจกันระหว่างที่ทำกิจกรรมแม้ว่าจะเหนื่อยปาดเหงื่อแต่ได้เห็นรอยยิ้ม ได้พูดคุยกันซึ่งนานๆครั้งจะได้พบป่ะกันความสุขก็เพิ่มพูลขึ้น เพราะมนุษย์คือสัตว์สังคมอยู่คนเดียวไม่ได้ ภาพถ่ายทั้งหมดเป็นของผู้เขียน (อุ้งเท้าแมว) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !