อื่นๆ
ภารโรงผู้ภักดี

เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นดวงวิญญาณของภารโรงแก่คนหนึ่งที่รักในการทำงานและรักในอาชีพของแก แม้แต่แกจะป่วยหนักแต่แกก็มาทำงานจนสิ้นลมในหน้าที่นั้น เรื่องเล่าของแกถูกเล่าขานกันมาจนทุกวันนี้ และเมื่อพูดถึงเรื่องโรงเรียนแห่งนี้ ใครๆ ก็รู้จักกับเรื่องเล่าของแก
คนในโรงเรียนบางคนก็เห็นแก กวาดใบไม้ บางก็ได้ยินเสียงในห้องเก็บห้อง หรือบางทีก็ได้ยินเสียงวิทยุที่เปิดในห้องใต้บันได ที่เป้นที่พักแก ตกดึกคนที่ขับรถผ่านทางโรงเรียนก็มักจะเห็นดวงไฟ ลอยที่หน้าเสาธง เพราะแกเสียชีวิตในช่วงที่กำลังจัดสวนที่หน้าเสาธงแกคงยังห่วงพื้นที่ตรงนั้น เพราะเปรียบเสมือนแกทำงานไม่เสร็จสมบูรณ์ แม้ว่าจะมีการทำบุญให้แกแล้ว แต่ดวงวิญญาณก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่ตรงนั้น ไม่ไปไหน
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทางโรงเรียนมีการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรม จึงมีการฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่เนื่องจากคุณครูอยากให้เด็กนักเรียนได้ทั้งความรู้ด้านวิชาการแล้วการฝึกซ้อมจึงเป็นช่วงค่ำหลังเลิกเรียน แต่ก็ยังมีนักเรียนหลายคนที่มาฝึกซ้อมช่วงเวลาเดียวกันนี้ จึงทำให้โรงเรียนบรรยากาศไม่เงียบจนน่ากลัว แต่ทุกคนในโรงเรียนก็ยังคงกลัวเรื่องเล่าของภารโรงผู้ภักดี
Advertisement
Advertisement
“แกว่าวันนี้เราจะได้นอนปะวะ” จิ๊บเอ่ยถามเพื่อนที่มาเข้าห้องน้ำด้วยกัน
“เราว่าแกคงไม่ทำอะไรนักเรียนในโรงเรียนแหละ”ช่าบอกจิ๊บ
“ดีแล้วแหละ แต่ก็นะ คนอะไรตายแล้วยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายแล้ว”จิ๊บพูดเชิงขำขัน
~หนุ่มทุ่งกระโจมทอง ฝากเพลงรัก ลอยล่อง สู่ห้องใจฉัน~
“มาเป็นเพลงเลยยยยย” ช่าตบบ่าของจิ๊บ ซึ่งสีหน้าของจิ๊บเองก็หน้าเสียไม่ต่างกัน ทั้งสองเลยพากันรีบออกจากห้องน้ำและวิ่งไปที่ห้องชมรมนางรำอย่างไม่คิดชีวิต จนเพื่อนๆ ในห้องต่างตกใจถึงอาการของสองคนนี้
“พวกแกเอ้ยฉันเจอดี มาเป็นเพลงเลยช่าก็ได้ยิน”จิ๊บบอกเพื่อนเสียงสั่น
สีหน้าที่ดูตกใจของทั้งสองคนก็ทำเอาเพื่อนคนอื่นๆ ในห้องต่างพากันหวาดกลัว
จนถึงเวลาที่นางรำต้องซ้อม มีนางรำทั้งหมด เกือบ 20 ชีวิต ที่ซ้อมบนเวทีที่หอประชุมโรงเรียน ช่วงเวลาที่ซ้อมก็ดูปกติดีทุกอย่างแต่มีอยู่สองคนที่ออกอาการตัวสั่นจนครูที่ควบคุมสังเกตเห็นความผิดปกติจึงให้ทั้งสองคนไปพักก่อน ทั้งสองคนเลยเล่าเหตุการณ์ที่เจ้าตัวไปเจอตอนเข้าห้องน้ำให้ครูฟัง และได้บอกอีกว่า
Advertisement
Advertisement
“ตอนที่หนูรำเพลงแรกหนูมองลงมาจากเวทีและหนูเห็นลุงภารโรงแกกวาดใบไม้อยู่ค่ะ ตอนแรกหนูไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองหนูเลยถามช่า ช่าก็บอกว่าช่าเห็นเหมือนกัน”จิ๊บบอกครู ครูก็ได้แต่ปลอบใจว่าไม่มีอะไรหรอกคงตาฝาดไม่งั้นก็อาจเกิดจากจิ๊บและช่าเหนื่อยจึงเพ้อไปเอง แต่ทั้งสองก็ยืนยันเสียงแข็งว่าเห็นจริงๆ
และการซ้อมก็ผ่านไปโดยที่จิ๊บและช่ายังคงเห็นลุงภารโรงกวาดใบไม้อยู่ที่เดิม แม้ว่าลุงแกจะหันหลังให้แต่ทว่าด้วยข่าวลือเรื่องเล่ของแกที่ถูกพูดต่อไป กันมา ก้ยิ่งทำให้ทั้งสองคนกลัวมากขึ้นไปอีก เพราะนี่คือครั้งแรกที่ทั้งสองพบเจอกับตัวเอง
เมื่อซ้อมรำเสร็จแล้วคิวต่อไปก็เป็นการร้องเพลงซึ่งเพลงที่จะใช้ประกวดคือเพลง หนุ่มทุ่งกระโจมทอง
เวลาเกือบสามทุ่มในโรงเรียนมีเพียงชมรมดนตรีที่ยังคงซ้อมกันอยู่ พอเพลงบรรเลงขึ้นเหล่านักดนตรีก็สังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนดูอยู่ข้างหลังของคุณครู มือกลองตกใจจนตีกลองผิดจังหวะจน ทำเอาทุคนที่อยู่ในห้องตกใจและพากันส่งเสียงร้อง ครูเลยถามว่าเป็นอะไร พอมือกลองบอกว่าเห็นลุงภารโรงคนเก่าที่เสียชีวิตแล้วเหล่านักดนตรีต่างก็พากันบอกว่าพวกตนก็เห็นเช่นเดียวกัน ทำเอาวันนั้นไม่ได้ซ้อมกันเลยเพราะต่างคนต่างกลัว ครูเลยให้เด็กนักเรียนทุกคนไปนอนพัก
Advertisement
Advertisement
ตอนเช้าครูเลยมบอกให้นักเรียนทุกคนที่อยู่ในวงไปไหว้พระสวดมนต์ที่พระพุทธรูปนักเรียนต่างสงสัยว่าเพาะอะไรครูจึงให้ทำแบบนี้
ครูเลยมาเล่าให้นักเรียนทุกคนฟังว่า
“ตอนที่ครูนอนครูฝันว่าลุงภารโรงมาเข้าฝัน ลุงภารโรงอยากมาให้กำลังใจแก่นักร้องนักดนตรีและนางรำ แกเลยมาเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจแต่ไม่คิดว่าเด็กๆ ทุกคนจะกลัวแก ครูเลยบอกแกว่าในช่วงเวลาที่ซ้อมขอให้แกอย่ามาทำให้เด็กตกใจ ถ้าจะมาก็ขอให้ไม่น่ากลัวถ้าเกิดว่าผลการแข่งขันชนะครูจะให้พวกนักดนตรีและนางรำ แสดงให้แกและจัดงานบุญให้แกอีกที”
เป็นเวลาหลายวันที่การซ้อมลุล่วงไป เด็กในวงก็ไม่มีใครเจอแกหรือเหตุการณ์แปลกๆ อีกเลย จนวันแข่งแกก็ได้มาเข้าฝันคุณครูคนเดิมอีก แกบอกว่า
“ครูอย่าลืมสิ่งที่ครูขอกับแก”
ผลการแข่งปรากฏว่าชนะทั้งสองการแสดง ครูเลยได้จัดทำบุญให้แกที่โรงเรียน นำพระมาใส่บาตรและสวดมนต์และตกเย็นก็ได้มีการแสดงตามที่ได้ขอแกไว้
ภายในงานนั้นมีการจัดงาน ได้เชิญครูและผู้หลักผู้ใหญ่มาในงาน มีอาหารและการแสดงที่จัดอย่างเต็มที่ ในช่วงที่นักร้องชายจะทำการร้องเพลง หนุ่มทุ่งกระโจมทอง ก็ได้เกิดการไฟดับลง แต่เสียงไมค์ของนักร้องยังคงร้อง แม้ว่านักร้องจะไม่ได้ร้องเอง จนนักร้องตกใจว่าเสียงใคร พอไฟมาไฟตกไปแปปนึง พอไฟมานักร้องเลยรีบร้องเพลงเพื่อไม่ให้คนในงานรู้ว่าไม่ใช่เสียงร้องของตน
เมื่องานเลิกนักร้องก็เลยมาบอกครูว่าผมไม่ได้ร้องเพลงนั้นในตอนที่ไฟตก ครูเลยบอกว่าครูรู้
“เพราะตอนที่ไฟตกครูเห็นภารโรงยืนอยู่บนเวทีข้างนักเรียนนั่นแหละ”
ขอบคุณที่อ่านนะครับ ไว้เจอกันใหม่ สวัสดีครับ
ขอบคุณรูปภาพจาก pixabay.com
ความคิดเห็น
