ทุกวันนี้เราเข้าร้านหนังสือไปทำอะไรกันบ้างนะเล็งหนังสือเล่มที่ต้องการ คว้ามันออกมาจากชั้นวาง แล้วเดินตรงไปจ่ายตังยังเคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินออกไปทันที ร้านหนังสือได้ทำหน้าที่ของมันโดยสมบูรณ์แล้วหรือยัง สถานที่แห่งนั้นเป็นเพียงสื่อกลางการพบกันระหว่างลูกค้ากับหนังสือเท่านั้นเองหรือกับเชนสโตร์ทั่วไปอาจจะใช่ แต่ไม่ใช่สำหรับร้านหนังสืออิสระที่อยู่เบื้องหน้าเราในตอนนี้แดดยามบ่ายส่องกระทบพื้นถนนคอนกรีต สะท้อนกระจกหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งด้านในเต็มไปด้วยหนังสือมากมายวางเรียงรายอยู่บนชั้น ถัดจากขอบหน้าต่างเป็นผนังสีขาวโล่งมีตัวหนังสือประดับว่า “WILD DOG BOOKSHOP” ชื่อของร้านหนังสือเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่กลางซอยถนนศรีจันทร์ ภายในตัวเมืองจังหวัดขอนแก่น ร้านหนังสืออิสระสำหรับการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างลูกค้ากับเจ้าของร้านร้านเป็นอาคารหลังเล็ก ๆ ที่ดูคล้ายบ้านมากกว่าร้านหนังสือ ด้านในมีชั้นวางติดผนังอยู่ทั้งสามด้าน แบ่งหมวดหมู่ชัดเจน ฝั่งหนึ่งเป็นหนังสือใหม่ ฝั่งหนึ่งเป็นหนังสือมือสอง และฝั่งด้านในสุดที่มีหนังสืออัดแน่นกันเต็มชั้นนั้นไม่ได้มีไว้ขาย แต่เอาไว้สำหรับให้ลูกค้าได้ยืมอ่าน ตรงกลางร้านจึงไม่ใช่พื้นที่โล่ง ๆ หรือชั้นหนังสือเพื่อวางสินค้าหลากหลายอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่เป็นโต๊ะชุดเล็ก ๆ ไว้สำหรับหยิบหนังสือมานั่งอ่าน และบางครั้งใช้เป็นพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทัศนคติ ระหว่างเรากับเจ้าของร้านพี่โอ๊ป บุรินทร์ฑร ตันตระกูล เจ้าของร้านเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปในการมาเปิดร้านหนังสืออิสระในเมืองใหญ่แห่งนี้ เพราะเมืองมีความเจริญขึ้นทุกวัน บางสิ่งบางอย่างจึงอาจหายไปตามกาลเวลา แต่เขาก็ยังอยากรักษาการอ่านให้อยู่กับคนในทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าความเป็นเมืองจะเข้ามาแทนที่มากเท่าไหร่ก็ตาม“บ้านพี่อยู่สตูล เมื่อก่อนจะไปซื้อหนังสือต้องไปซื้อที่หาดใหญ่ ก่อนกลับพ่อแม่ก็ปล่อยเราทิ้งไว้ในร้านหนังสือกับพวกพี่ ๆ ให้เลือกหนังสือคนละเล่ม เป็นแบบนี้ประจำ พี่ก็รู้สึกว่าการอ่านหนังสือมันเป็นความสุขของเราอย่างหนึ่งนะ แต่พอเราโตขึ้น เราต้องไปเจออะไรมากมาย ต้องแข่งกับคนเยอะ ๆ พี่ก็เอาแต่เรียนกับอ่านหนังสือสอบ จนรู้สึกว่าความสุขของเรามันเริ่มหายไปแล้ว พอเรียนจบก็ถามตัวเองว่าความสุขที่เราต้องการจริง ๆ คืออะไร พี่เลยตัดสินใจมาเปิดร้านหนังสือ และพี่ก็ได้คำตอบแล้ว”หากเราไล่สายตามองชื่อหนังสือแต่ละเล่มที่แน่นิ่งอยู่บนชั้นแล้วจะพบว่าหนังสือในร้านนี้มีแนวทางที่ชัดเจน พี่โอ๊ปเรียนจบกฎหมาย ชื่นชอบเรื่องประวัติศาสตร์และปรัชญา หนังสือในร้านจึงเป็นปรัชญาซะส่วนใหญ่ หากแต่ก็ยังเข้าใจถึงความต้องการอย่างหลากหลายของลูกค้า จึงพยายามคัดหนังสือแนวอื่น ๆ เข้าร้านด้วยเช่นกันแม้จะอยากให้ร้านมีแนวทางของหนังสือที่ชัดเจนแต่พี่โอ๊ปก็เข้าใจว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ในเมื่อคนมีหลายความคิด ความชอบ ตัวเขาอยากเปิดโลกของตัวเองให้คนอื่นได้รู้จัก ก็ต้องยอมเปิดรับโลกของคนอื่นด้วยเช่นกัน เจ้าของร้านผู้ใส่ใจจึงต้องอ่านหนังสือหมวดอื่น ๆ เพิ่มเติมนอกจากแนวที่ตัวเองชื่นชอบด้วย เพื่อจะได้มีข้อมูลไว้แนะนำลูกค้าได้ พี่โอ๊ปรักหนังสือและเข้าใจคนรักหนังสืออย่างแท้จริง หลายครั้งจึงไม่ได้ทำหน้าที่เพียงคิดเงินและหยิบหนังสือใส่ถุงให้ลูกค้า แต่จะแนะนำหนังสือให้กับลูกค้าด้วย บางครั้งก็นั่งร่วมโต๊ะสนทนาถึงหนังสือเรื่องต่าง ๆ ความรู้สึกของการได้เข้าร้านหนังสือที่นี่จึงมีมากกว่าการมาซื้อและกลับไป แต่ยังได้แลกเปลี่ยนอะไรหลาย ๆ อย่างกับคนที่รักหนังสือเหมือนกันร้านหนังสือไวลด์ด็อกให้ความรู้สึกเหมือนเราได้เข้ามาเยี่ยมเยือนเพื่อนคนหนึ่ง มาถึงแล้วหากยังลังเลไม่รู้จะเริ่มต้นจากหนังสือเล่มไหน ก็นั่งพักดื่มชาสักครู่ก่อนก็ได้ พี่โอ๊ปตั้งโต๊ะตัวเล็กไว้ที่มุมหนึ่งของร้าน มีถ้วยชา กาน้ำร้อน และชามากมายหลายชนิดสำหรับให้ลูกค้าได้เลือกสรร สิ่งที่เราต้องทำคือการเลือกชากลิ่นที่ชอบ เติมน้ำร้อน และหย่อนเงินใส่ในโหลแก้วใบใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ จะจ่ายเท่าไหร่นั้นพี่โอ๊ปบอกว่าแล้วแต่ความสมัครใจ เงินส่วนนี้จะเอาไปปรับปรุงแก้ไขต่อเติมร้านต่อไปในอนาคตหลังจากนั่งคุยกันราวกับรู้จักกันมานานแสนนาน พี่โอ๊ปก็ขอตัวออกไปจัดการเรื่องภูมิทัศน์รอบ ๆ ร้านต่อ เราจึงได้มีโอกาสเดินสำรวจร้านอย่างค่อยเป็นค่อยไป อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นแขวนอยู่รอบ ๆ ร้านคือถุงผ้า เป็นถุงผ้าที่ไม่ได้มีไว้ขาย แต่ไว้สำหรับลูกค้ายืม บนถุงผ้ามักมีข้อความจากหนังสือเขียนเอาไว้ราวกับเป็นประโยคเตือนใจ นอกจากนี้บนบานประตูเองก็มีข้อความภาษาอังกฤษเขียนอยู่ด้วยเช่นกัน“มันไม่ใช่หนังสือดังอะไรหรอก”เป็นพี่โอ๊ปที่กลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากหายไปสักพัก พูดขึ้นเมื่อเห็นเรายกกล้องถ่ายรูปอย่างสนใจ“เป็นหนังสือเด็กน่ะ พี่ชอบประโยคนี้รู้สึกว่ามันน่ารักดี เลยเอามาเขียนติดไว้”อีกหนึ่งสิ่งที่พี่โอ๊ปให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือเด็ก เพราะเข้าใจปัญหาเรื่องของค่าใช้จ่ายว่าบางครั้งหนังสือเด็กก็แพงเกินกว่าที่ผู้ปกครองจะจ่ายไหวจริง ๆ พี่โอ๊ปตั้งใจจะจัดกิจกรรมเชิญผู้ปกครองที่สนใจมาช่วยกันทำหนังสือเด็กทำมือขึ้นมาเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่อยากจะจัดในอนาคต จุดประสงค์เพียงแค่อยากพบปะพูดคุยคนรักหนังสือเหมือนกัน และยังอยากให้การอ่านยังอยู่กับคนไทย ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไป การใช้ชีวิตของคนเราจะเปลี่ยนตาม และแม้ร้านหนังสืออิสระจะลดน้อยลงทุกวัน แต่พี่โอ๊ปก็เชื่อว่าหนังสือและการอ่านจะไม่มีวันตายไปจากมนุษย์ทุกคนอย่างแน่นอน ชัชฎาภรณ์ภาพทั้งหมดโดย ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !