ฮูปแต้มฝาผนังสิมโบราณอายุนับ 100 ปี ของวัดสระบัวแก้ว บ้านวังคูณ ตำบลหนองเม็ก อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวด้านจิตรกรรมและสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจในภาคอีสาน สิม หรือ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่าโบสถ์โบราณ ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2474-2477 โดยพระครูวิบูลยพัฒนายุตหรือหลวงปู่ผุย เจ้าอาวาสวัดสระบัวแก้วรูปแรก ผู้ที่ได้ริเริ่มการก่อตั้งวัดสระบัวแก้วและสิมโบราณนี้ขึ้น เดิมทีสิมหลังนี้เคยเป็นสิมน้ำที่สร้างด้วยไม้มาก่อน เนื่องจากการผุพังตามกาลเวลาทำให้หลวงปู่ผุยได้ริเริ่มบูรณะสิมน้ำให้กลายเป็นสิมบก จากความร่วมมือของชาวบ้านและกลุ่มศิลปินวาดภาพฝาผนังที่เดินทางมาจากอำเภอวาปีประทุม จังหวัดมหาสารคาม ได้มาบรรจงวาดฮูปแต้มลงบนฝาผนังโดยมีความเชื่อว่าการกระทำแบบนี้จะทำให้ตนได้พบกับพระศรีอาริยะเมตไตรย ลักษณะพื้นฐานของสิมหลังนี้ เป็นสิมทึบตัวเมียทรงสี่เหลี่ยมที่มีประตูทางเข้าออกเพียงแค่ทางเดียว ซึ่งแตกต่างจากโบสถ์ทั่วไปที่มีประตูเข้าออกสองทาง ภายในประดิษฐานองค์พระประธานไว้ให้ได้กราบไหว้บูชา บริเวณหน้าประตูไม้ทางเข้าจะมีรูปปั้นกิเลนนอนหมอบอยู่ข้างหน้าและรูปปั้นคนที่อยู่ซ้ายขวาของราวบันไดซึ่งแสดงให้เห็นถึงศิลปะของไทยโบราณแบบเรียบง่าย ซึ่ง ดูเผิน ๆ อาจจะคิดว่าสิมหลังนี้สร้างจากปูน แต่เนื้อในจริง ๆ แล้วทำจากหิน ดิน ทราย แกลบเผาและขี้เถ้าจากโครงกระดูกสัตว์ตามภูมิปัญญาของคนสมัยนั้น ส่วนฮูปแต้มที่อยู่บนผนังสิมทั้ง 4 ด้านภายนอกภายใน วาดจากสีธรรมชาติที่มาจาก ขมิ้น ครั่ง ชาตรี ดินสอพอง และ ไขมันสัตว์เรื่องราวที่ถูกแต่งแต้มบนสิมวัดสระบัวแก้วนั้น หลวงพ่อพระครูวิบูลย์สารการ เจ้าอาวาสวัดสระบัวแก้ว เล่าว่า “ ฮูปแต้มบนผนังสิม มีทั้งหมด 5 เรื่องราว ได้แก่ เรื่องพระลักพระลาม ฉบับลาว ที่ถูกเผยแพร่เข้ามาในภาคอีสาน ตอนกำเนิดยักษ์ทศกัณฐ์ (ท้าวลุมลู่ ) กำเนิดนางสีดา สีดาลอยแพ เรื่องราวต่าง ๆ ในรามเกียรติ์ การทำมาหากินชีวิตความเป็นอยู่ ปฐมสมโภชน์ นรกและสวรรค์ ที่ปรากฏบนฝาผนังด้านนอก และด้านในจะเป็น พุทธประวัติและสังข์ศิลป์ชัยปะปนมาเล็กน้อย ”ภาพวาดเหล่านี้ทำให้เรามองเห็นความเป็นอยู่วิถีชีวิตการแต่งกายประเพณีวัฒนธรรมของคนไทยผ่านลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์ตามยุคสมัย แม้กระทั้งตัวอักษรที่เขียนบรรยายประกอบภาพฝาผนัง ยังเป็นภาษาไทน้อยและขอม ที่ไม่สามารถอ่านเข้าใจได้ แต่ก็มีบางภาพที่มีภาษาไทยปะปนมาเล็กน้อย ด้วยความวิจิตรงดงามของฮูปแต้มเหล่านี้ จึงเป็นจุดสนใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวนักเรียนนักศึกษาที่สนใจศิลปวัฒนธรรมโบราณ ๆ ได้ไม่น้อยจากอดีตจนถึงปัจจุบันสิมหลังนี้ก็ยังถูกใช้ประโยชน์ในด้านพุทธศาสนาทุกด้านใช้ทำพิธีกรรมทางศาสนาของคนในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นอุปสมบท กฐินสมบท ถวายสังฆทาน พิธีกรรมทางศาสนาต่าง ๆ และทางวัดไม่ปล่อยสิมให้ทิ้งร้างเป็นวัตถุโบราณเก่าแก่ไร้คุณค่า สิมแห่งนี้จึงถูกใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางพุทธศาสนาให้แก่นักเรียนนักท่องเที่ยวในชุมชนและเขตอำเภอที่สนใจ โดยมีคุณครูและคนในชุมชนส่งเสริมให้เยาวชนในหมู่บ้านเรียนรู้ประวัติของสิมเพื่อถ่ายทอดให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนนักศึกษาและบุคคลทั่วไปที่สนใจเกี่ยวกับภาพวาดจิตรกรรมและวัฒนธรรมโบราณสถาน“ ปัจจุบันชาวบ้านก็เห็นคุณค่าของสิม แต่ก่อนหน้านั้นไม่ค่อยมีใครเห็นคุณค่าเนื่องจากไม่เห็นความสำคัญไม่คิดว่าสิมนี้จะมีคุณค่าหรือความหมายถึงขนาดนี้แต่ปัจจุบันนี้ชาวบ้านรู้สึกว่ามันซึมลึกเข้าไปอยู่ในจิตใจของชาวบ้านแล้ว เพราะว่ามารู้ตอนหลังว่า สิมที่สร้างมาแต่เก่าแต่ก่อนมันมีคุณค่าสูงขึ้นมันมีคนมาศึกษาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันก็ยังมีนักท่องเที่ยวมาเรื่อย ๆ นักท่องเที่ยวส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เขามาจากทางอื่น มาเป็นขบวนก็มี มาแบบส่วนตัว แบบครอบครัวมาแวะชมอีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษามาศึกษาเกี่ยวกับภาพจิตรกรรมฝาผนัง มีนักเรียนนักศึกษาคณะครูเขาพานักเรียนมาทำกิจกรรมเพื่อจะเผยแพร่ออกไปให้คนได้รู้จัก เพิ่มมากขึ้นฮูปแต้มอยู่ภายในสิมมันมีหลายเรื่องราวโดยส่วนมากเขาจะเอาไปศึกษาเรื่องราวของรามเกียร์และเรื่องราวต่าง ๆ ที่อยู่ในสิม ศึกษาฮูปแต้มที่เป็นวิถีชีวิตของคนสมัยก่อน ว่าความเป็นอยู่ในสมัยก่อนเป็นแบบไหนความเป็นอยู่แบบเศษฐกิจพอเพียง แล้วก็เรื่องราวเกี่ยวกับการทำบุญหรือว่าการครองตนครองเรือน เรื่องราวการทำบุญทำบาป การทำบุญได้อะไรทำบาปได้อะไร ” นายอรุณ ศรีเดช ผู้ใหญ่บ้านบ้านวังคูณหลวงพ่อพระครูวิบูลย์สารการ เจ้าอาวาสกล่าว ทิ้งท้ายว่า “ สิมหลังนี้มีคุณค่า ล้ำค่ากว่าทองคำ แต่สมัยก่อนชาวบ้านไม่เห็นคุณค่า สิมโบราณนี้มีคุณค่าควรแก่การรักษาปัจจุบันภาพบนฝาผนังเริ่มจะเลือนรางไป จึงอยากห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวสัมผัสภาพวาดหรือฮูปแต้มในสิม ให้ชมได้อย่างเดียว อยากให้ประชาชนทุกคนชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์สิ่งดี ๆ แบบนี้ไว้ให้อยู่กับหมู่บ้านเราต่อไป ”สำหรับการเดินทางไปยังวัดสระบัวแก้ว เดินทางจากจังหวัดขอนแก่นโดยใช้ถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าไปยังอำเภอพล ระยะประมาณ 75 กิโลเมตร ถึงแยกเมืองพล – หนองสองห้อง ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อมุ่งหน้าไปยังอำเภอหนองสองห้อง ประมาณ 17 กิโลเมตร ก็จะเจอทางเข้าหมู่บ้านวังคูณ แล้วเลี้ยวขวาเข้าไป 1 กิโลเมตร ก็จะเจอวัดสระบัวแก้วเรื่องและภาพโดย ธนรรถพร อุ่มเกต Thanataporn umket