สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนไปท่องเทียวอุทยานแห่งชาติภูกระดึงกันค่ะ ค่าเสียหายในครั้งนี้คนละ 1,000 บาทโดยประมาณ ถูกมาก ๆ เลยใช่มั้ยคะ ไปดูกันดีกว่าค่ะ ว่าในระยะเวลา 3 วัน 2 คืนนี้ พวกเราไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วลุยเลย อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย เปิดฤดูการท่องเที่ยวตั้งเเต่ วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ของทุกปี เริ่มขึ้นเขาได้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. (** ไม่อนุญาตให้ขึ้น - ลงหลังเวลา 14.00 น.) ต้องบอกก่อนนะคะว่าตอนที่เราไปเที่ยวนั้น เราพักอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ดังนั้นเราจึงเลือกเดินทางขึ้นรถโดยสารสายอุดร-เลย รอบเเรก (05.00 น.) ค่าโดยสารคนละ 78 บาท เราไปด้วยกันทั้งหมด 5 คน แล้วบังเอิญเจอเพื่อนที่จะไปจุดหมายเดี่ยวกันอีก 5 คน สรุปทริปนี้เราไปด้วยกันทั้งหมด 10 คน เพื่อนเยอะขนาดนี้ต้องสนุกมาก ๆ เลย และแล้วเราก็มาถึงจุดต่อรถที่แรกซึ่งก็คือวังสะพุง เรานั่งรถโดยสารไปลงที่ผานกเค้าต่อ ค่าโดยสารคนละ 35 บาท พอถึงผานกเค้าสิ่งแรกที่พวกเราทำก็คือรับประทานอาหาร ตรงจุดนั้นเราจะมองเห็นภูกระดึง บรรยากาศดีมากค่ะ อากาศเย็นสบายไม่หนาวเกินไป เรานั่งรถสายต่อไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ค่ารถสายคนละ 30 บาท (เป็นรถสายแบบเหมารอบละ 300 บาท) พอถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จะมีค่าใช้จ่ายก่อนขึ้นภูกระดึงดังนี้ค่ะ ค่าเข้าอุทยานคนละ 40 บาท ค่าประกันคนละ 10 บาท ค่าพื้นที่กางเต็นท์คนละ 30 บาท/คืน (กรณีนำเต็นท์ไปเอง) จริง ๆ ที่นี่มีบริการลูกหาบซึ่งเขาจะหาบสัมภาระที่เราเตรียมไปโดยมีค่าบริการกิโลกรัมละ 35 บาท แต่เนื่องจากว่าของที่เราเตรียมไปไม่เยอะมากดังนั้นพวกเราจึงเลือกที่จะถือสัมภาระด้วยตัวเอง หลังจากจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้ว พวกเราทุกคนก็เริ่มออกเดินทาง ซึ่งระยะทางเดินขึ้นเขาแบ่งออกเป็นดังนี้ ระยะทางจากจุดบริการ => ปากกกค่า (800 เมตร) ปากกกค่า => ซำแฮก (200 เมตร) ซำแฮก => ซำบอน (700 เมตร) ซำบอน => ซำกกกอก (360 เมตร) ซำกกกอก => ซำกอซาง (440 เมตร) ซำกอซาง => พร่านพรานแป (440 เมตร) พร่านพรานแป => ซำกกหว้า (460 เมตร) ซำกกหว้า => ซำกกไผ่ (300 เมตร) ซำกกไผ่ => ซำกกโดน (700 เมตร) ซำกกโดน => ซำแคร่ (480 เมตร) ซำแคร่ => หลังแป (1,300 เมตร) รวมระยะทางขึ้นเขาประมาณ 5.5 กิโลเมตร ไม่ต้องตกใจไปนะคะเพื่อน ๆ เพราะระหว่างทางที่เราเดินขึ้นเขาไปแต่ละช่วงจะมีร้านค้าคอยให้บริการทั้งอาหารตามสั่ง น้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำปั่น น้ำแข็งไส และผลไม้เย็น ๆ แม้กระทั่งเสื้อผ้าก็มีจำหน่ายด้วยนะคะ ประสบการณ์การเดินทางมันไม่ได้อยู่ที่ปลายทางเสมอไป ระหว่างทางก็สำคัญเช่นกัน ในขึ้นเขาครั้งนี้อาจจะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่เรากลับสนุกและมีความสุข นอกจากจะได้ชื่นชมบรรยากาศข้าง ๆ ทางแล้ว เรายังเห็นถึงคำว่ามิตรภาพ ถ้าเราเหนื่อยเราก็จะพักดื่มน้ำ นั่งพักให้หายเหนื่อย เก็บแรงแล้วค่อยเดินต่อ เดินไปถ่ายรูปไป พอนึกถึงความรู้สึกนั้นแล้วมันมีความสุขมาก ๆ เลยค่ะ ใครก็ตามที่ขึ้นมาถึงยอดภูกระดึงต้องได้ถ่ายรูปกับภาพนี้นะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าเรามาไม่ถึงภูกระดึงจริง ๆ หลังจากนั้นเราต้องเดินทางต่อไปที่จุดพักนักท่องเที่ยวด้วยระยะทาง 3,500 เมตร ไม่ต้องตกใจไปค่ะ ระยะทางต่อจากนี้เป็นทางเรียบเดินสบาย ๆ เดินไปชมวิวไป ถ่ายรูปกับสนคู่บ้าง สนเดี่ยวบ้าง ไม่นานเราก็ถึงจุดพักนักท่องเที่ยว สิ่งแรกที่เราต้องทำหลังจากถึงจุดหมายก็คือ สร้างที่พักค่ะ เนื่องจากช่วงที่พวกเราไปเที่ยวนั้นเป็นเดือนธันวาคม ดังนั้นบรรยากาศข้างบนจะค่อนข้างเย็นและมีฝนตกรินๆ เราจึงเช่าผ้าใบจากเจ้าหน้าที่ราคาผืนละ 20 บาท/คืน ถุงนอนผืนละ 30 บาท/คืน ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ คนไหนไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยก็สามารถเช่ากับทางเจ้าหน้าที่ได้เลย คืนนี้เป็นการนอนเต็นท์คืนแรกหลังจากการเดินทางมาทั้งวัน เป็นคืนที่หลับสบายมากเลยค่ะทุกคน เช้าวันที่สอง เช้านี้เราจะเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ระยะทางห่างจากที่พัก 2,100 เมตร เราตื่นนอนตั้งแต่ 04.00 น. ถึงแม่เราจะเดินตามทางมืด ๆ แต่มันไม่น่ากลัวเลยค่ะ เพราะตามทางจะมีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ส่องไฟฉายเดินต่อแถวกันไปเรื่อย ๆ ได้บรรยากาศสุด ๆ ไปเลย หลังกลับจากดูพระอาทิตย์ขึ้นเราก็เตรียมความพร้อม ในการเดินทางชมสถานที่ต่าง ๆ ในภูกระดึงให้ทั่ว ซึ่งจุดหมายของเราในวันนี้ก็คือ ผาหล่มสักซึ่งมีระยะทางห่างจากที่พักเราถึง 9 กิโลเมตร จริง ๆ เราสามารถเช่าจักยานซึ่งจักรยานล้อเล็ก 360 บาท/วัน และจักรยานล้อโต 410 บาท/วัน แต่พวกเราเลือกไม่เช่าเพราะอยากที่จะสัมผัสกับบรรยากาศการเดินเขาจริง ๆ ระหว่างทางเราก็ได้ไปถ่ายรูปที่สระอโนดาต ผาหมากดูก ผาจำศีล ผานาน้อย ผาเหยียบเมฆ ผาแดง เราหยุดเก็บภาพทุกผา เพราะกว่าที่เราจะขึ้นมาถึงตรงนี้ได้ต้องเที่ยวให้คุ้มสุด ๆ ไปเลย เราโชคดีมากเลยที่เราไปแล้วเจอหมอกลอยจาง ๆ แต่เรากลับไม่ได้ถ่ายรูปกับจุดสำคัญของผาหล่มสักเพราะมีนักท่องเที่ยวรอต่อคิวเยอะมากเลย ถ้าหากเรารอถ่ายรูปต้องถึงที่พักค่ำแน่ ๆ เลย ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนมีโอกาสได้มาเที่ยวที่นี่อย่าลืมแวะมาเก็บภาพบรรยากาศสวย ๆ ตรงนี้ด้วยนะคะ และที่สำคัญชาเขียวที่ผาหล่มสักอร่อยจนต้องบอกต่อเลยทีเดียว เดินมาทั้งวันแล้วเราต้องเติมพลังด้วยหมูกระทะ ใครมาเป็นต้องสั่งหมูกระทะภูกระดึง ราคาชุดละ 500 บาท จบทริปวันที่สอง พรุ่งนี้วันสุดท้ายของการเดินทาง ต้องบอกก่อนนะคะว่าถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวมาเยอะมากมาย แต่ห้องน้ำที่นี่กลับสะอาด น้ำเย็นสบาย คืนนี้ก็เป็นคืนที่หลับสบายอีกวัน วันที่สาม วันนี้พวกเราตั้งใจจะไปที่น้ำตกถ้ำใหญ่ ซึ่งเมื่อวานเราไม่ได้ไปเพราะมีช้างป่าลงมาเล่นน้ำ ดังนั้นวันนี้เราต้องไปถ่ายรูปกับใบเมเปิลให้ได้ บรรยากาศน้ำตกดีมากเลยค่ะเพื่อน ๆ ร่มรื่น เย็นสบาย ถ่ายรูปมุมไหน ๆ ก็ดูสวย ดูสดใสไปหมด วันนี้เราต้องเก็บของเตรียมกลับบ้าน เราใช้เวลาในการลง 2 ชั่วโมง เดินไป พักไป ทริปนี้เป็นการท่องเที่ยวที่สนุกและประทับใจมาก อยากให้เพื่อน ๆ ลองมาสักครั้ง นอกจากภาพสวย ๆ บรรยากาศดี ๆ อากาศบริสุทธิ์แล้ว สิ่งที่เราจะได้อีกหนึ่งอย่างคือคำว่ามิตรภาพ มิตรภาพจากเพื่อนร่วมทาง มิตรภาพจากแม่ค้า พ่อค้าที่ขายอาหารให้เรา ทุกคนน่ารักใจดี นักท่องเที่ยวบางคนไม่ได้มาแค่ครั้งเดียว พวกเราเองก็มาที่นี่เป็นครั้งแรกและคิดว่าจะอีกในครั้งต่อไป อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ให้ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง รูปเยอะมากจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว ขอบคุณเพื่อนร่วมทาง ขอบคุณที่ทำให้ครั้งหนึ่งในชีวิต พวกเราคือผู้พิชิตภูกระดึง ขอบคุณภาพสวย ๆ จากผู้เขียนและเพื่อนร่วมทาง ^-^